http://www.kru-somsri.ac.th/board/index.php?topic=9377.0สวัสดีครับคุณครูสมศรี
ตอนนี้ผมมีปัญหารุมเร้าชีวิตพอสมควร หลายๆอย่างที่ทำให้ผมท้อ คุณครูครับ ผมอยากขยัน ผมอยากพยายามกว่านี้ หลายๆอย่างที่ผมรู้ว่าตัวผมเองยังดีไม่พอ หนังสือยังอ่านไม่พอ แต่ผมเป็นคนมีความอดทนต่ำมาก ผมรู้สึกท้อกับชีวิต และตอนนี้พ่อกับแม่ก็เหมือนไม่มั่นใจในตัวผม ผมรู้สึกว่าผมทำดีเท่าไร พ่อกับแม่ก็รู้สึกว่ามันไม่พอ
เวลาผมเขามาในบ้าน ผมรู้สึกว่าผมทำอะไรก็ไม่พอใจท่านสักอย่าง ท่านจะต้องต่อว่าผม ในเรื่องทุกๆเรื่อง แม้เล็กน้อยท่านก็ว่า ผมไม่รู้ว่าคุณครูจะนึกออกหรือเปล่า แต่นี่คือมันทุกๆอย่างเลย ผมพยายามจะแก้ไข แต่ทำยังไงก็ไม่ทำได้ดั่งใจท่านสักที
นอกจากนี้หลายๆครั้งที่ท่านบอกให้ผมตัดสินใจเอง เมื่อผมได้ตัดสินใจลงไป แล้วมันไม่ถูกจะท่าน อย่างเช่นผมเคยอยากเรียนสายดนตรี (ซึ่งตอนนี้ความฝันของผมได้พังทลายไปแล้ว) ท่านก็ยืนยันให้ผมเรียนเภสัช สองปีต่อมาผมจะเรียนหมอ ท่านก็จะให้เรียนทันตะ ซึ่งถ้าผมขัด ผมก็จะโดนแม่ทำหน้าบึ้งตึงใส่ เวลาผมอธิบายเหตุผล ท่านก็จะไม่รับฟัง ท่านบอกให้ผมพอๆๆ หยุดๆๆ ท่านบอกว่ามันบาป ถ้ามาเถียงพ่อแม่
เมื่อกี้ก่อนที่ผมจะพิมพ์ขัอความ ผมโดนพ่อเรียกไปด่า บอกว่าผมนั้นก้าวร้าวใส่แม่ ซึ่งผมคิดว่าอาจจะจริง ผมอาจจะให้คำพูดไม่ดีอย่างที่พ่อว่า ก่อนที่ผมจะโดนด่านั้น แม่ผมเอาของมาให้ ผมบอกว่าผมจะใช้สมาธิในการท่องศัพท์ ผมเลยบอกแม่ ว่า อย่าเพิ่งรบกวนนะครับ จะท่องศัพท์ คุณครูครับ ผมควรจะใช้คำพูดยังไงให้ถนอมน้ำใจทั้งสองฝ่าย ผมควรจะเริ่มฝึกยังไง
ผมรู้สึกว่าตนเองอยู่ในสังคมร่วมกับคนอื่นไม่ได้ โดยไม่รู้สาเหตุ ผมไม่รู้เลยว่ามันมาจากตัวผม หรือเพื่อนๆ ผมไม่รู้ว่าการกระทำที่ผมแสดงออกไปนั้น มันไม่ถูกใจเพื่อนหรือยังไง เพราะไม่มีใครบอกผม ผมก็ไม่แน่ใจ ผมควรจะเริ่มต้นเข้าหาเพื่อนยังไง
คุณครูครับ ผมคงจะเล่าวกไปวนมา เพราะผมไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน มันแย่ไปหมด แย่จริงๆครับ ผมอยากออกจากบ้านไปหาที่ไหนสักแห่งคิดทบทวนกับตัวเอง ผมอยู่บ้านไม่มีความสุขเลย ต่อไปนี้ผมคงเจอแต่ความเฉยชาของพ่อกับแม่ คุณครูครับช่วยผมทีครับ
ไม่ต้องตกใจนะครับ
อาการแบบนี้หายได้ง่ายเพราะคนไข้เล่าอาการของตนเองถูกและต้องการการเยียวยา... ตอนนี้ผมมีปัญหารุมเร้าชีวิตพอสมควร หลายๆอย่างที่ทำให้ผมท้อ คุณครูครับ ผมอยากขยัน ผมอยากพยายามกว่านี้ หลายๆอย่างที่ผมรู้ว่าตัวผมเองยังดีไม่พอ หนังสือยังอ่านไม่พอ แต่ผมเป็นคนมีความอดทนต่ำมาก ผมรู้สึกท้อกับชีวิต และตอนนี้พ่อกับแม่ก็เหมือนไม่มั่นใจในตัวผม ผมรู้สึกว่าผมทำดีเท่าไร พ่อกับแม่ก็รู้สึกว่ามันไม่พอ ...
คนเราแค่รู้ว่าตนอดทนยังไม่พอก็แก้ได้ด้วย "อดทน"ให้มากขึ้นด้วยการเห็นผลดีของการรู้จัก"อดทน รอคอยและมีความหวัง"นะครับ
ทำความดีต้องใช้เวลา เหมือนน้ำที่หยดที่ละหยดลงถังใบใหญ่ อย่าหมั่นมองว่าเมื่อไหร่จะเต็มเพราะจะทำให้น่าเบื่อหน่าย
ทิ้งไว้สักพักเดี๊ยวก็เต็มครับ มองหรือไม่มองก็ต้องใช้เวลาเท่ากันแต่ความเบื่อหน่ายและความอดทนจะแตกต่างกันครับ
คนทำความดีที่หวังผลกับไม่หวังผลก็จะส่งผลต่อความสุขแตกต่างกันครับผมทำอะไรก็ไม่พอใจท่านสักอย่าง ท่านจะต้องต่อว่าผม ในเรื่องทุกๆเรื่อง แม้เล็กน้อยท่านก็ว่า ผมไม่รู้ว่าคุณครูจะนึกออกหรือเปล่า แต่นี่คือมันทุกๆอย่างเลย ผมพยายามจะแก้ไข แต่ทำยังไงก็ไม่ทำได้ดั่งใจท่านสักที
จับประเด็นดีไหมคะว่าเราทำไม่ถูกใจท่านเพราะทำช้าไป หรือคุณภาพน้อยไป หรือผัดวันประกันพรุ่ง หรือพิรี้พิไร หรือ...
แล้วก็แก้ให้ตรงประเด็น
อย่าด่วนไม่พอใจจนไม่ได้ข้อมูลว่าท่านไม่พอใจอะไรเรา
พ่อแม่จะสะท้อนข้อเสียของเราได้ตรงไปตรงมามากที่สุด เพราะไม่้ต้องกลัวลูกโกรธ
แต่ถ้าลูกโกรธหรือน้อยใจเสียก่อน ประโยชน์ก็ไม่เกิดนะครับนอกจากนี้หลายๆครั้งที่ท่านบอกให้ผมตัดสินใจเอง เมื่อผมได้ตัดสินใจลงไป แล้วมันไม่ถูกจะท่าน อย่างเช่นผมเคยอยากเรียนสายดนตรี (ซึ่งตอนนี้ความฝันของผมได้พังทลายไปแล้ว) ท่านก็ยืนยันให้ผมเรียนเภสัช สองปีต่อมาผมจะเรียนหมอ ท่านก็จะให้เรียนทันตะ ซึ่งถ้าผมขัด ผมก็จะโดนแม่ทำหน้าบึ้งตึงใส่ เวลาผมอธิบายเหตุผล ท่านก็จะไม่รับฟัง ท่านบอกให้ผมพอๆๆ หยุดๆๆ ท่านบอกว่ามันบาป ถ้ามาเถียงพ่อแม่
ข้อนี้ขอตอบแทนพ่อแม่ทุกท่านได้เลยนะคะว่าท่านห่วงเรื่อง"เศรษฐกิจ"
เพราะชีวิตท่านพ้นวัยอารมณ์ความรู้สึกและก้าวเข้าสู่สัจธรรมของชีวิตคือ"การดำรงชีพ"
เมื่อก่อนหมอเป็นอาชีพที่มีสถานภาพทางสังคมดี เศรษฐกิจก็ดีแต่ปัจจุบันมีโรคแปลกๆเกิดขึ้นมาก การรักษายากขึ้น การฟ้องร้องมากเป็นเงาตามตัว
อาชีพที่รองลงมาจากหมอแต่ความเสี่ยงไม่เท่าหมอคือ"หมอฟัน"เพราะพลาดอย่างไรก็ไม่ถึงชีวิตคนไข้
ท่านอยากให้หนูสบายและมีความมั่นคงในชีวิต
แต่หนูเลือกเพราะความรักและความถนัดซึ่งถูกต้องแล้วครับ
แต่ตอนนี้หนูเองอาจกังวลเรื่องคะแนนในคณะที่คุณพ่อแนะนำเลยทำให้หนูอยากปฏิเสธเพราะความเครียดและความกังวล
เทคนิคการอยู่กับคุณพ่อคุณแม่และมีความสุขทั้งสองฝ่ายก็คือ
ตอบคำว่า"ครับพ่อ/แม่ ผมจะพยายามครับ"
ยอมรับท่านก่อนและให้เวลาตนเองค้นหาความรักความสนใจและความถนัดของตัวเองต่อไป
ลดความตึงเครียดด้วยการลดการเอาชนะกันและกันนะคะ
ไม่มีความสุขนะลูกถ้าต้องทุกข์กันทั้งสองฝ่าย
สู้เดินหน้าต่อไป ทำคะแนนให้ดีแล้วจะเลือกอะไรก็ค่อยว่ากันอีกทีดีกว่านะคะ
ทอดเวลาให้เราได้เห็น"ใจ"ตัวเราเองให้มากขึ้นด้วยเมื่อกี้ก่อนที่ผมจะพิมพ์ขัอความ ผมโดนพ่อเรียกไปด่า บอกว่าผมนั้นก้าวร้าวใส่แม่ ซึ่งผมคิดว่าอาจจะจริง ผมอาจจะให้คำพูดไม่ดีอย่างที่พ่อว่า ก่อนที่ผมจะโดนด่านั้น แม่ผมเอาของมาให้ ผมบอกว่าผมจะใช้สมาธิในการท่องศัพท์ ผมเลยบอกแม่ ว่า อย่าเพิ่งรบกวนนะครับ จะท่องศัพท์ คุณครูครับ ผมควรจะใช้คำพูดยังไงให้ถนอมน้ำใจทั้งสองฝ่าย ผมควรจะเริ่มฝึกยังไง
หนูทราบไหมลูกว่าหนูเป็นเด็กผู้ชายที่น่ารักมาก
สติของหนูแหลมคมนัก แต่มาช้ากว่าเวลาไปหน่อย
ผู้ใหญ่ก็คนเหมือนกับเด็ก สามารถทำถูกทำผิดได้เหมือนกันหมด
แต่ใครที่มี"สติ"ก่อน ต้องพยุงอารมณ์ของตนไม่ให้ไปกระทบผู้อื่น
คุณพ่อโยนอารมณ์ร้อนมาให้หนู หนูโยนกลับเพราะร้อน คุณพ่อก็ต้องโยนกลับไปมาไม่รู้จบ
นิ่งเสียฝ่ายเดียวทุกอย่างก็จบ
วันนี้ท่านไม่เข้าใจ แต่พออารมณ์เย็นขึ้น ท่านจะแอบชื่นชมลูกชายของท่านที่สุขุมเยือกเย็นได้มากกว่าท่านนะลูก
หนูรู้ตัวว่ากระทำไม่ถูกใช่ไหมลูก
เข้าไป"ขอโทษ"คุณแม่กับคุณพ่อนะครับ
ไม่ต้องอายนะครับ
ไปกราบท่านในวัน"ปีใหม่ไทย"นะครับ
ไปขอขมาสิ่งที่หนูพลั้งเผลอทำไปเพราะวัยที่ผ่านโลกมาไม่มากพอ
ไปขอพรท่านนะลูก
แล้วหนูจะพบแต่สิ่งดีๆ เชื่อคุณครูนะครับผมรู้สึกว่าตนเองอยู่ในสังคมร่วมกับคนอื่นไม่ได้ โดยไม่รู้สาเหตุ ผมไม่รู้เลยว่ามันมาจากตัวผม หรือเพื่อนๆ ผมไม่รู้ว่าการกระทำที่ผมแสดงออกไปนั้น มันไม่ถูกใจเพื่อนหรือยังไง เพราะไม่มีใครบอกผม ผมก็ไม่แน่ใจ ผมควรจะเริ่มต้นเข้าหาเพื่อนยังไง
ก็เพราะหนูพะวงแต่จะทำสิ่งที่ถูกใจคน ก็เลยไม่มั่นใจในตัะวเอง
หนูต้องทำใน"สิ่งที่ถูกควรหรือถูกต้องตามกาละและเทศะ"ต่างหากครับ
เป็นคนคิดดี ทำดี พูดดี มีน้ำใจ ไม่เอาเปรียบคน
ไม่เน้น"วัตถุ"จนมองข้าม"จิตใจ"
ไม่คบเพื่อนเพื่อผลประโยชน์แต่คบเพราะเป็นหนึ่งชีวิตที่พบเจอกันและเกื้อกูลกันนะครับ
คุณแม่คุณครูสอนว่า "อยากได้สิ่งดีๆจากใคร ก็ต้องให้สิ่งดีๆแก่เขาก่อน"
ลองดูนะครับคุณครูครับ ผมคงจะเล่าวกไปวนมา เพราะผมไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน มันแย่ไปหมด แย่จริงๆครับ ผมอยากออกจากบ้านไปหาที่ไหนสักแห่งคิดทบทวนกับตัวเอง ผมอยู่บ้านไม่มีความสุขเลย ต่อไปนี้ผมคงเจอแต่ความเฉยชาของพ่อกับแม่ คุณครูครับช่วยผมทีครับไม่ต้องหนีไปไหนนะครับ ทุกข์เกิดในจิต หนีไปไหนก็หนีไม่พ้น
หมาที่กรุงเทพเห่า "โฮ่งๆ" จับมันไปอยู่ขอนแก่น มันก็เห่า"โฮ่งๆ"เหมือนเดิมครับ
แก้ตามที่คุณครูว่านะครับ
รับรองทุกอย่างจะค่อยๆดีขึ้นครับ
มองโลกอย่างไรก็จะได้ผลสะท้อนกลับเป็นเช่นนั้นครับ
ทุกคำถาม มีคำตอบอยู่แล้ว
แค่เราใส่แว่นดำ เราเลยมองไม่เห็นชัดครับ