เมื่อก่อนหนูเป็นไอ้ขี้แพ้จริงๆค่ะ แต่ตอนนี้หนูไม่ใช่ไอ้ขี้แพ้แล้วค่ะ
ถึงแม้ว่าวันหนึ่งๆ หนูอ่านไม่ถึงสามชั่วโมง
แต่หนูก็รู้ว่าหนู พยายามมากขึ้น
ตอนคุณครูพูดว่า “อ่านแค่วันละสามชั่วโมงยังไม่เท่าที่แม่อุ้มท้องเรา”
แต่หนูก็ยังทำไม่ได้ ตอนเรียนโวลแคปแกท ครูก็พูดเสมอ ว่าให้อ่าน
แต่ตอนนั้นหนูก็ยังไม่เริ่มอ่านอยู่ดี หนูแย่มากค่ะ หนูขี้เกียจมากมาก
แต่ตอนนี้หนูเรียนคอร์ส ไลฟ์ลองแกรมม่าค่ะ นั่งอยู่แถว ไอ... ตรงกลางๆ ห้องค่ะ
ครูก็ยังพูดเหมือนเดิมว่าให้อ่านหนังสือตอนนี้หนูเริ่มอ่านแล้วค่ะ
หนูอยากไล่ตามฝัน ^^
หนูฝันอยากไปเรียนด้านดนตรีที่เกาหลีค่ะ
หนูต้องชิงทุนให้ได้เท่านั้นคุณแม่ถึงจะให้ไป
หนูรู้ว่าประเทศเกาหลีนั้น ภาษาไม่ดีหรอกค่ะ
คุณแม่ก็ไม่อยากให้ไป เพราะถ้าไป
นั่นหมายถึงว่า... หนูจะเลือกเรียนอะไรก็ได้ตามใจของหนู
ตามที่หนูตกลงกับคุณแม่เอาไว้
การเริ่มอ่านหนังสือวันแรก...
การที่หนูเริ่มอ่าน หนูพูดตรงๆค่ะ
ไม่ใช่เพราะครูพูดเลย...
แต่หนูได้อ่านพ๊อคเกตบุ๊คส์ของนักร้องเกาหลีกลุ่มหนึ่ง
ชื่อหนังสือว่า??? ??

! [Shouting to you in the world]
ตามล่าความฝัน, ความท้าทายของ BIGBANG ใน 13140 วัน
"ปลายทางนี้มีโลกที่พวกเราต้องการอยู่"
อย่าหวาดกลัวอะไร ให้เหมือนกับวัยรุ่นที่สง่าผ่าเผย!
เครดิต Composed: BIGBANG
All translation: Cute*JJ@bigbangthailand
ตอนแรกหนูคิดว่าหนังสือเล่มนี้ คงเป็นเหมือนพ๊อกเกตบุ๊คส์ดาราไทย
ที่ไม่ค่อยมีอะไร แต่ไม่ใช่เลยค่ะ หนูจะลองยกตัวอย่างให้ดูนะคะ
“พวกเรามีจุดมุ่งหมายของชีวิตในอายุที่รวดเร็วเกินวัยกว่าเพื่อนคนอื่นๆ เวลาที่เพื่อนๆ กำลังท่องจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่โรงเรียน พวกเราก็ต้องจำตำแหน่งการเต้นและท่อน rap ในเพลง, เวลาที่เพื่อนๆ เล่นกีฬาเหงื่อโชกในโรงพละ พวกเราก็ต้องเรียนเต้นจนหอบในห้องซ้อม เวลาที่เพื่อนๆ สอบเสร็จและตะโกนร้องด้วยความดีใจ พวกเราก็กำลังเดินทางไปยังห้องซ้อมที่กำลังรอพวกเราอยู่พร้อมกับข้อสอบอีกอัน เวลาที่เพื่อนๆ ได้หยุดปิดเทอมและมีเวลานอนดึก
แต่ปิดเทอมของพวกเราคือการต้องตื่นให้เช้ากว่าเดิม และต้องฝึกให้มากกว่าเดิม เป็นสิ่งที่เราจำเป็นต้องทำในแต่ละวัน”หนูเองก็เป็นคนหนึ่งที่ฝันอยากจะเป็นนักร้องค่ะ
มันเป็นความฝันเล็กๆ แต่ดูพวกเขาสิคะ...
ปิดเทอม พวกเขาตื่นเช้า เพื่อซ้อมร้องเพลง เต้น และเรียน...
แต่หนูกลับยังนอนอืด... ไร้ความพยายาม
ตอนนั้นหนูเริ่มหันกลับมามองตัวเอง...
“ฉันไร้ซึ่งความพยายามใดๆ ถ้าฉันไม่ทำ แล้วสิ่งที่ฉันต้องการ เรียนมหาลัยที่เกาหลี ก็คงจะหลุดลอยไปแบบไม่กลับมาอีก”
และหนูก็นั่งอ่านบทความของเขาลงมาเรื่อยๆ จนถึงตรงที่ว่า
“ผมใช้เวลา 12 ชั่วโมงในหนึ่งวันไปกับการเต้น, ร้องเพลง, weight training, ได้รับการฝึกภาษาต่างประเทศเพิ่มประมาณ 2 ภาษา
รวมบทเรียนกว่า 8 บทที่ร้องบอกถึงขีดจำกัดของร่างกาย กำลังกายของสมาชิกในวงเริ่มถูกกระตุ้นเหมือนกับแมวที่พองขน”
พอหนูอ่านมาถึงคำว่าแปดบทเรียน... วันนี้หนูยังไม่ได้อ่านอะไรที่มีสาระสักอย่าง
หนูเลิกเล่นคอม วิ่งกลับไปที่ห้องของตัวเอง และหาหนังสือเรียนมา
เก็งข้อสอบเศรษฐศาสตร์...
หนูตั้งใจว่าจะลองอ่านดู!
ต่อไปหนูต้องอ่านได้เยอะกว่าเดิม...
เรื่องแรกที่หนูอ่านคือ เซต วิชาเลข
หนูอ่านไปได้แค่ เซตเรื่องเดียว หนูก็ลุกหนีตัวเอง...
หนูทำไม่ได้ ซะอย่างนั้น...
วันที่สองของการอ่านหนังสือ...
หนูตื่นเช้าไปเรียนกับครูสมศรี
ตอนนี้เป็นวันที่ 03.04.09 ที่หนูลงคอร์สนี้เพราะ...
การจะชิงทุนไปเกาหลีนั้น ต้องอาศัยการเขียนเรียงความที่ดี
และแสดงถึงตัวตนของตัวเองให้ได้มากที่สุด
พอเรียนกลับมาถึงบ้าน คิดว่าจะอ่านหนังสือ... หนูก็ยังไม่ได้อ่าน
จนตกเย็น... หนูหยิบหนังสือ รัฐศาสตร์ขึ้นมา
ใช่ค่ะ ถ้าหนูได้เรียนที่ไทย หนูก็อยากจะเรียนเศรษฐศาสตร์หรือไม่ก็รัฐศาสตร์
หนูอ่านไปได้สักพัก.. หูก็เสียบหูฟังเอาไว้.. จู่ๆ ก็คิดได้ว่า...
อัดเสียงสิ แล้วเปิดฟังอีกรอบ แค่นั้นก็เท่ากับว่าเหมือนเราอ่านสองรอบแล้ว!
มันได้ผลจริงๆค่ะ อัดเสียงตัวเอง ทำให้การอ่านไม่น่าเบื่อด้วย...
พอฟังเสียงตัวเองแล้วก็ขำ อ่านผิดบ้าง ถูกบ้าง ก็เออ ออกันไป
หนูอ่านไปเกือบ 20 หน้า พร้อมอัดเสียงไปด้วย
จากเมื่อวานที่หนูอ่านแค่ 8 หน้า มันเยอะขึ้นจริงๆ
หนูจะทำให้มันมากขึ้นกว่าเดิมทุกๆ วันค่ะ
หนูจะไม่ยอมเป็นไอ้ขี้แพ้แล้วค่ะ
หนูอยากตื่นแต่เช้า... เพื่ออ่านหนังสือ แต่มันก็ยังไม่ยอมตื่น...
แย่จัง เอาไว้หนูบังคับตัวเองได้เมื่อไหร่ หนูจะเล่าให้ครูฟังอีกนะคะ ^^
ถ้าเพื่อนๆ ที่ยังไม่เริ่มอ่านหนังสือ... ลองหาคนที่อยากพยายามเพื่อเขาดูสิคะ
ที่หนูยอมอ่าน หนูอยากอยู่เกาหลี
อยากเรียนคณะเดียวกับนักร้องที่หนูชอบ (หนูรู้ค่ะว่ามันไร้สาระ)
ดังนั้นหนูต้องพยายามให้มากกว่าเดิม
ครูอาจจะแปลกใจว่า “อ้าวหนูอยากเรียนที่เกาหลี... แล้วหนูจะอ่านหนังสือรัฐศาสตร์และเศรษฐศาสตร์อีกทำไม”
นั่นก็คือ... ถ้าหนูสามารถสอบตรงติด.. คุณแม่จะยอมให้ไปเกาหลีอีกค่ะ
แล้วจะเปิดร้านที่นำของจากเกาหลีมาขาย ^^
หนูได้เปรียบทุกอย่างเลย หนูรักคุณแม่มากค่ะ
เกรดหนูตก เพื่อนคุณแม่มาถามเรื่องเกรดหนู คุณแม่ยังตอบว่า...
“โอ้ยพี่ ลูกหนูหัวมันไม่ดีหรอก... แต่มันก็ยังล้างจานได้ทำกับข้าวเป็น ซักผ้าได้ เลี้ยงแมวได้ มันดูแลหนูได้แล้วแหละพี่” หนูร้องไห้เลยค่ะ
แม่ไม่เคยโกนรธหนูสักครั้ง แล้วแค่อ่านหนังสือเนี่ย มันไม่ยากเลย
มันคือตัวเราเอง เหตุผลที่หนูพยายามมีแค่ไม่กี่ข้อค่ะ
1. หนูอยากไปเรียนที่ประเทศเกาหลีเพื่อได้อยู่ใกล้นักร้องที่ชอบ (มันไร้สาระ แต่หนูพยายามจริงๆ หนูเรียนภาษาเกาหลีด้วยตัวเอง จนอ่านออกเขียนได้ ศัพท์ที่ครูสมศรีให้ หนูก็ไปหาเป็นภาษาเกาหลี แล้วก็ท่องทีเดียวสามภาษาไปเลย คือ เกาหลี อังกฤษและไทย)
2. ถึงไม่ได้ไปเกาหลี แต่ถ้าได้เรียนในไทย หนูจะมีร้าน หนูก็ยังจะได้ไปเกาหลีบ่อยๆ
3. เพื่อคุณแม่ แม่บอกว่า “ไม่ว่าจะเรียนอยู่ในไทย หรือเกาหลี แค่มีที่เรียนก็พอ”
แค่นี้เองค่ะ