Kru Somsri's English School

July 06, 2025, 04:34:49 PM

:    
191147 46430 16621
: Anya123Mn
*
+  Kru Somsri's English School
|-+  ห้องสนทนาของโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษคุณครูสมศรี
| |-+  คุยกับคุณครูสมศรี
| | |-+  อึดอัดเรื่องเพื่อนค่ะจะขึ้นม.6แล้ว
: [1]
: อึดอัดเรื่องเพื่อนค่ะจะขึ้นม.6แล้ว  ( 4200 )
puilin
Newbie
*
:
: 1



« : February 24, 2009, 11:48:14 PM »

หนูตัดสินใจออกจากกลุ่มที่มีอยู่ 9  คน  เพราะ  คนเยอะมักจะเกิดปัญหา  อยากจะรู้คบกันเพื่ออะไร  ทั้งๆที่ต่อหน้าดีกันลับหลังก็ว่าแบ่งเป็นพรรคพวกอีก
-บางคนชอบหมกงาน ส่งช้า เพื่อนไม่รอก็ว่า
-เวลาว่างก็นั่งเล่นเฮฮา พอใกล้ส่งงานก็เร่งทำ พอเพื่อนขยันก็ชอบพูดแดกดัน
-เตือนให้ทำงานก็ไม่ฟัง
-เพื่อนไม่บอกข้อสอบก็หาว่าเห็นแก่ตัว
-ไปไหนไม่รอก็หาว่าทิ้งตัวเองก็ไม่เคยจะทำอะไรให้รวดเร็ว////ต้องทำตามใจเพื่อนทุกอย่าง เขาถึงจะเรียกเราว่า "รักเพื่อน" >>> แล้วเพื่อนละทำตามใจเราบ้างไหม  มีงานเราก็ให้เพื่อนลอก เพื่อนพูดก็ไม่ขัด ตามใจสุดๆ
ง้อตลอด     

งานกลุ่มล่าสุดเลย  แบ่งงานกัน 3 คนไปทำ พอถึงเวลาเพื่อนบอกยังไม่เสร็จ และก็ไม่ยอมเอามาให้เราทำต่อด้วยจนส่งงานช้า หนูจึงโทรบอกเพื่อนว่าเด๋วเราทำเองเลย ให้เค้าทำงานส่วนตัวไป ซึ่งเค้าก็ยินยอม
ใกล้สอบแล้วเด๋วไม่มีส่ง (เพื่อนหมกงานไว้เยอะมาก)
หนูเริ่มทำงานกลุ่ม คือแต่งนิทานเล่มเล็กคนเดียวภายในคืนเดียวจนเสร็จและส่ง  เพื่อนคนนึงไม่พอใจแสดงท่าทางออกมาให้เห็นซึ่งหนูก็ไม่เข้าใจว่า ทำไม เราทำอะไรผิดหรอ นี่เราทำงานให้เขาโดยที่เห็นใจนะ  ทำไมต้องมาโกรธเราด้วย เขาให้เหตุผลว่าเขาทำมาแล้วแค่ยังไม่เสร็จ ทั้งๆที่เขาก็ไม่เคยเอางานมาให้ดูเลย ส่งช้าไป 1 อาทิตย์แล้ว หนุรอไม่ได้แล้ว

หนูเสียใจผิดหวัง รวมถึงปัญหาในกลุ่มที่สะสมมานานเป็นแรงกระตุ้นให้หนูออกจากกลุ่ม ตอนม.4เพื่อนคนนี้เขาเกลียดหนูนะ หนูจึงหนีเขาไปอยู่อีกกลุ่ม เขาก็ตามมาเพราะไม่มีคนช่วยเรื่องงาน หนูก็ยอมรับไว้อีก  ตอนนี้หนูหมดห่วงเขารอดแล้ว มีเพื่อนในกลุ่มที่พอจะเป็นที่พึ่งให้เขาได้ 

มีเพื่อนใน 9 คนอยากตามหนูออกมานะเขาจะชอบมาบ่นๆให้ฟัง
ใกล้จะขึ้นม.6แล้วเพิ่งจะคิดได้  ถ้ามัวแต่ติดเพื่อน กลัวเพื่อน เกรงใจคนอื่น ตัวเองจะไม่รอด  เวลานั่งกินข้าวหนูจะนั่งกับเพื่อนใหม่อีก 2 คน กินเสร็จก็รีบทำงาน อ่านหนังสือ ไม่ได้เคร่งเครียดเกินนะ งานเยอะจริงๆ ก็มีพักผ่อนหลังเรียนพิเศษก็จะไปเที่ยวผ่อนคลายแค่นั้นเรียนเป็นเรียน หนูสามารถไปไหนมาไหนคนเดียวตัวไม่ติดเพื่อนแล้ว รู้สึกเหงา โดดเดี่ยวเป็นบางเวลา แต่คิดอีกทีพอถึงเวลาทุกคนก็ต้องเอาตัวรอดไปถึงฝั่งได้เองตามสัณชาตญาณ  หนูเข้ากับคนได้ง่ายถึงแม้จะไม่มีกลุ่ม 9 คนแต่ก็สนิทกับคนที่ยังเข้าใจเหมือนเดิม แค่ไม่ได้ไปไหนมาไหนตัวติดกันเหมือนเมื่อก่อน เพื่อนที่คอยช่วยเหลือหนูก็คือเพื่อนต่างห้อง ต่างวัย ต่างสถาบัน เช่น  เตรียมอุดม สก. เทพสิริน ราชบพิธ ABAc เขาจะแนะนำเรื่องการเรียน ให้ยืมชีสจด ติวเลขให้เรา ซึ่งหนุรู้สึกโชคดีที่มีคนพวกเขาคอยช่วยเหลือ หนูเสียดายที่ไม่ได้เข้ามาเรียนในกทม.กับเพื่อนๆในจังหวัด หนูอาจจะเจอสังคมที่ดีกว่านี้  รึป่าวคะ?

หนูพยายามไม่คิดมาก เข้ากลุ่มเต้นB-Boy คุยกับเพื่อน เวลาที่ตัวเองเหมือนโดนทิ้ง  แต่จริงๆแล้วหนุเป็นฝ่ายออกมาจากกลุ่มเอง ทำแบบนี้เป็นการทิ้งเพื่อนรึป่าวคะ? แต่จะให้กลับเข้าไปอยู่กลุ่มเดิมคงไม่ไหวแล้ว  ตอนนี้หนูต้องพึ่งพาตนเอง  ตัดสินใจด้วยตนเอง  กระตือรือร้นคูณ2 เพราะเพื่อนเฮฮามีมากมายแล้ว หนูอยากเริ่มต้นชีวิตที่ดีใหม่ตอนม.6 นี้ที่ใกล้ถึง อยากจะขยันเรียนเพื่อพ่อ-แม่ ที่จริงใจกับเรามากที่สุด

สิ่งที่หนูยังกัวลงานกลุ่มตอนม.6 เพื่อนที่เราเจรจาจะไปทำงานกลุ่มด้วย เขาจะขยันใส่ใจรึป่าว? จะช่วยเหลือกันดีไหม?
หนูจะเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว ใจแข็งกับสภาพแวดล้อมได้รึป่าว?
คุณครูคนสวยช่วยแนะนำหน่อยค่ะ

แล้วเพื่อนๆเคยเจอปัญหาแบบนี้มั๊ย?
เพื่อนๆมีเพื่อนที่รักกันจริงพากันเรียนเยอะปะ?
ถ้าเพื่อนเจอแบบเราจะทำไงกันล่ะ?
 
*Marie*
Newbie
*
: 44



« #1 : February 25, 2009, 01:37:04 PM »

ปัญหาแบบนี้เราก็เคยเจอนะ เรามีเพื่อนหลายกลุ่มเพราะเปลี่ยนโรงเรียนตอนม.ปลายด้วย แล้วก็มีเพื่อนของเพื่อน ไม่ก็เพื่อนที่เรียนพิเศษ
การมีเพื่อนเยอะทำให้เราเห็นความแตกต่างของเพื่อนแต่ละคนหรือแต่ละกลุ่ม  เราค้นพบบางอย่างว่าในโลกนี้มีเพื่อนแท้อยู่ไม่กี่คนเท่านั้น
เพื่อนที่สนิทกับเราจริงๆ รักเราจริงๆ ไม่เสแสร้ง และจริงใจ ก็เหมือนคนในโลกนี้แหละ ส่วนมากแล้วชอบใส่หน้ากากหากัน
บางคนที่เราคิดว่าเป็นคนดีอาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดก็ได้ ดังนั้น อย่าตั้งความหวังกับคนๆนึงไว้มาก เมื่อไม่ได้อย่างที่หวังมันจะเจ็บปวด

กับเพื่อนเราน่ะ เราก็ดีกะทุกคนนะ แต่ก็รู้ว่า บางคนก็ไม่ใช่คนที่จะคบไปนานๆ อาจจะแค่จบม.6 แล้วก็ห่างกันไป ทุกคนก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป
แต่คนที่เป็นเพื่อนแท้จริงๆน่ะ คือคนที่เข้ากับเราได้มากกว่า คนที่ชอบอะไรเหมือนกัน รู้ใจกัน แคร์ความรู้สึกเรา มันต้องมีสักคนแหละในโลกนี้ ลองหาดูนะ

อย่าไปคิดมากนะ แค่ลองหาเพื่อนแท้สักคน แล้วตั้งใจเอนท์เพื่อคนที่เรารักดีกว่านะจ๊ะ สู้ๆ 

 
Dereana
{*(oo)*}รักครูสวย
Hero Member
*****
:
: 2379


- -* กาใบ้ - -*


« #2 : February 25, 2009, 03:54:12 PM »


แล้วเพื่อนๆเคยเจอปัญหาแบบนี้มั๊ย?
เพื่อนๆมีเพื่อนที่รักกันจริงพากันเรียนเยอะปะ?
ถ้าเพื่อนเจอแบบเราจะทำไงกันล่ะ?



ถ้าไก่ตอบว่า เคยเจอหนักกว่านี้หละค่ะ คุณคิดว่ายังไง อิอิ

ตอนประถมถูกเพื่อนคนเดียวยุให้เพื่อนทั้งห้องเกลียด
ด้วยเหตุผลที่ไร้สาระสิ้นดีค่ะ 555

แต่ตอนนั้นโชคดีมากๆเลยที่มีเพื่อนสนิทอยู่คนนึง ชื่อ"กระต่าย"
เขาเข้าใจไก่ ไม่ฟังคำใส่ร้ายของเพื่อนคนนั้นสักนิด

ตอนช่วงนั้นไก่โง่มากๆค่ะ เรียนก็ไม่เก่ง สอบได้ตั้งที่สิบกว่า

แต่เพื่อที่จะพิสูจให้เพื่อนทุกคนในห้องเห็นว่า
ไก่ไม่ได้ทำแบบที่เขาเอาไปพูด ไก่ไม่ได้ลอกการบ้าน
ไม่ได้ลอกข้อสอบ ฯลฯ

ไก่ก็เลยสอบได้ที่2ตอนเทอม2ค่ะ
จากที่16 ตอนเทอม1 ทั้งๆที่ เขาตัดลำดับที่โดยใช้
คะแนนเทอมหนึ่งกับเทอมสองมารวมกันค่ะ 555
ส่วนเพื่อนนิสัยไม่ดีคนนั้น เขาสอบได้ที่สุดท้ายของห้องค่ะ

แค่นี้ก็พิสูจน์ได้แล้วค่ะว่า...ใครโกหกกันแน่???

ซึ่ง..เพื่อนที่ใส่ร้ายไก่คนนี้ ไก่ทราบทีหลังค่ะว่า..
ญาติของเขาที่รู้จักกับพ่อของไก่
ชอบเอาเขาไปเปรียบเทียบกับไก่
ทำให้เขาหมั่นไส้ไก่
ทั้งๆที่ไก่ก็โง่ๆ เรียนเทควันโด
แล้วก็ลอยไป ลอยมา ไม่ได้อ่านหนังสือ
หรือว่าทำงานดีแต่อย่างใดค่ะ 555

พอตอนขึ้นม.ปลายก็เจออีกรอบค่ะ
555++
คราวนี้เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดดดดดดดดดค่ะ
มาแบบเดิม คือ พยายามยุให้คนทั้งห้องไม่ชอบไก่
น่ากลัวมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆค่ะ
เจ็บมากๆๆ ถ้าถามความรู้สึกตอนนั้น มันคงเหมือนน
"โดนเพื่อนคนนั้น
เอาความไว้วางใจ เอาทุกๆอย่าง ที่เราให้
มากระทืบต่อหน้า จนมันแหลกไม่เหลือซาก
แล้วก็ เก็บมันขึ้นมาโยนใส่หน้าเราอีก"
ความรู้สึกแบบนั้นแหละค่ะ 555++

ที่รับไม่ได้ที่สุดตอนนั้นก็คงจะเป็นตอนที่เพื่อนคนนั้น
ไปพูดกับเพื่อนอีกคนว่า "ไปตบหน้ามันเลยดีมั้ย??"
นั่นแหละค่ะ อึ้งไปเลยยยย รู้อยุ่ว่าเขาไม่กล้าทำแน่ๆ
แต่นั่นเพื่อนสนิทไก่เชียวนะ

ตอนนั้นไก่ก็โชคดีอีกเหมือนกันค่ะ
ที่มีเพื่อนแท้3คน คอยให้กำลังใจไก่ค่ะ
คนแรกเลยยยก็คือ แต๋ม ขอบคุณเหลือเกินนนนเลยแหละค่ะ
แต๋มไม่สนใจคำพูดของเพื่อนเหล่านั้นสักนิด
แถมยังปกป้องไก่อีกต่างหาก
ทั้งๆที่แต๋มไม่ค่อยสนิทกับไก่เท่าไหร่
ตอนนั้นรู้สึกดีมากเลยค่ะ
ซึ้งใจอย่างแรงงงงง

"มันทำให้เรารู้ว่า เพื่อนแท้ จะอยู่เคียงข้างเรา
เข้าใจเรา เชื่อใจเรา เสมอค่ะ 555"

คนที่2 ก็คือกระต่าย ตอนนั้นกระต่ายอยู่คนละโรงเรียนกับไก่
แต่ก็โทรมาให้ไก่ระบายให้ฟังทุกวัน เปลืองค่ะโทรศัพท์มิใช่น้อย
แต่ก็โทรมาทุกวัน

เพื่อนคนนี้ ทำให้ไก่รู้ว่า "ถึงอยู่ไกลกันแค่ไหน
ก็เหมือนอยู่ใกล้กันได้ ด้วยโทรศัพท์มือถือค่ะ 555"

คนที่3ก็คือ ฟอง
ฟองเป็นเพื่อนสนิทของไก่ตั้งแต่ป.4ค่ะ
ในกลุ่มเพื่อนสนิทไก่มีกันอยู่3คน

ไก่จะเป็นเหมือนขุนศึกค่ะ ชอบบุก
กิ๊ฟเพื่อนสนิทของไก่อีกคนจะเป็นฝ่ายสนับสนุน
(ในบางเรื่องที่มันสมควรจะบุกค่ะ - -*)
ส่วนฟองจะอยู่เฉยๆหรือถ้าเรื่องใหญ่ๆจริงฟองก็จะบ่นเล็กน้อย
ตามภาษาแม่ชีค่ะ - -*

และสุดท้ายแล้ว ฟองก็จะเป็นฝ่ายพิทักษ์สันติ
จัดการขอโทษขอโพย ประสานสัมพันธ์
ทำให้ทุกฝ่ายคืนดีกัน
บางทีก็มีการซื้อพวงมาลัยบ้างอะไรบ้าง - -*

คนที่3 ก็คือ กิ๊ฟฟ์ กิ๊ฟเป็นคนพูดน้อยมากๆ
ถึงมากที่สุด - -*
แต่ถ้ามีเรื่องใหญ่ๆเกิดขึ้นละก็
กิ๊ฟจะบ่นไม่หยุดเลยค่ะ 555





แต่สุดท้าย เรื่องทุกเรื่องมันก็จบด้วยคำว่า "ขอโทษ"

น่าแปลกนะคะ ที่แค่คำๆเดียว ไม่มีอะไรเลย

มันกลับทำให้ไก่รู้สึกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ทั้งๆที่ตอนนั้นโกรธมากๆที่เขาทำกับไก่ถึงขนาดนั้นค่ะ 


ส่วนเรื่องที่ถามว่า "ทำยังไง" ไก่ก็อยู่เฉยๆนี่แหละค่ะ
ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจาก "บ่น"
เพราะสุดท้ายแล้ว สิ่งที่พิสูจน์ทุกอย่างได้ ก็คือ "เวลาค่ะ"

ส่วนเรื่องเข้ากลุ่มทำงาน "ถ้าเราทำงานได้ดีจริง
จะไปกลัวทำไมคะ ว่าจะไม่มีกลุ่ม
แค่เราต้องขยันหากลุ่มทำงาน ให้มากกว่าคนอื่นแค่นั้นเอง ค่ะ"

เข้มแข็งนะคะ
[/size]
 

....ไม่ใช่คนที่โชคดีที่เกิดมามีทุกสิ่ง....
แต่หนูโชคดีจริงๆที่ได้เป็นลูกศิษย์คุณครู...
WOw!!
« #3 : February 25, 2009, 06:20:08 PM »

ไม่เป็นไรหลอกพี่ เพื่อนไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต

สู้สู้นะคะ
 
GoyZ
"จงมั่งใจในความงามของผู้สอน"
Hero Member
*****
:
: 766


โอ๊ยย คิดถึงครรรรรู~


« #4 : February 25, 2009, 06:42:57 PM »

เคยเจอเหมือนกันค่ะ เพื่อนแบบนี้ เค้าไม่สนใจเราเลยตอนเล่น ตอนว่าง ตอนไม่มีงาน

แต่เค้าจะมาคุยกับเรา ตอนที่ครูแบ่งงานให้ทำ ตอนใกล้จะสอบ

หรือตอนครูเรียกให้ตอบคำถาม

แต่ตอนนี้มาอยู่กับเพื่อนอีกกลุ่ม สบายใจสุดๆ
 

"ภูมิใจครูสวย"

Start at SU~  ファイト!
violettals
Jr. Member
**
:
: 63



« #5 : February 25, 2009, 07:48:50 PM »

เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาในสังคม ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน หรือที่ทำงาน
ตอนอยู่โรงเรียนพี่ก็เคยเจอปัญหากับเพื่อนค่ะ
โรงเรียนประถม พี่เคยมีเพื่อนอยู่กลุ่มนึง และเคยคิดว่าพวกเรารักกันมาก สนิทกันมาก
กลุ่มนี้เรียกว่าเป็นกลุ่มแกนนำของห้องก็ได้ค่ะ เพราะทุกคนในกลุ่มเรียนดี ทำกิจกรรมเยอะ

ประมาณ ป.- พี่ทำกิจกรรมนอกโรงเรียนเยอะขึ้น เช่นเต้นบัลเล่ต์ เรียนร้องเพลง เรียนเปียโน
แน่นอนว่ากิจกรรมพวกนี้พอทำได้ถึงระดับนึง ก็เริ่มมีงานเยอะขึ้น
พี่ก็ต้องหยุดโรงเรียนบ่อยๆเพื่อไปซ้อมบัลเล่ต์ แสดงคอนเสิร์ตมากมาย
เพื่อนๆในกลุ่มก็เริ่มเปลี่ยนไป

จนมาวันนึงพักกลางวันที่โรงเรียน ครูออกไปนอกห้องให้เด็กๆเล่นกันเอง
เพื่อนทั้งกลุ่มของพี่เดินมาแล้วพูดจาเสียดสีโดยไม่มีสาเหตุ แถมยังพูดเสียดสีไปถึงคุณพ่อคุณแม่ด้วย
พอเห็นพี่ไม่โต้ตอบก็เริ่มใช้กำลัง หยิก ตบ ดึงผม สารพัด
ด้วยความที่ตอนนั้นยังเด็ก ใครทำร้ายร่างกายมา ยิ่งรุมกันหลายคน เราก็ต้องป้องกันตัว
แต่การป้องกันตัวของเรานั้นทำให้เกินร่องรอยบนร่างกายของเพื่อนๆ
พอเรื่องไปถึงครู ครูก็ไม่ทำโทษใคร ด้วยเหตุผลว่า
ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีบาดแผลฟกช้ำ ดังนั้นจะไม่ถือว่าเป็นการโดนรังแก
แต่จะถือเป็นการทะเลาะกันทั้งสองฝ่าย ครูก็แค่เตือนว่าอย่าใช้กำลัง

คราวนี้เพื่อนในกลุ่มเลยเปลี่ยนวิธี
ด้วยการบอกเพื่อนทั้งห้องไม่ให้คุย ไม่ให้เล่นกับพี่
พี่วาดรูปจะส่งครูก็มีคุณมาฉีกรูปออกเป็นชิ้นๆ
ครูให้ทำงานกลุ่มก็ไม่ให้ความร่วมมือ พี่ก็ต้องทำคนเดียว
หลังจากนั้นไม่นาน พี่ก็ออกจากโรงเรียนนั้น

พี่ไม่เคยรู้เลยว่าเราไปทำอะไรผิด ไปทำอะไรให้เพื่อนๆต้องโกรธแค้นเราขนาดนั้น
จนเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว
จู่ๆเพื่อนคนนึงที่เคยอยู่ในกลุ่มก็เขียนจดหมายมาหา
และบอกกับพี่ว่า
เขาขอโทษกับทุกอย่างที่เคยทำเมื่อตอนอยู่โรงเรียนประถม
พี่ก็ให้อภัยเขา แต่ก็ถามกลับไปว่า เราเคยไปทำอะไรให้พวกเธอเจ็บใจหรือเปล่า
คำตอบที่ได้มาคือ สาเหตุมาจากเพื่อนๆในกลุ่มเห็นพี่ทำกิจกรรมเยอะ
และเริ่มเด่นกว่าคนอื่นๆในกลุ่ม ได้ไปแสดงในที่ต่างๆ ทำให้เพื่อนๆอิจฉา
เหตุผลที่่พี่เคยโดนเพื่อนๆแกล้ง เป็นเพราะสาเหตุนี้อย่างเดียวจริงๆ

การอยู่เป็นกลุ่มมันมีทั้งดีและเสีย
ถ้าเพื่อนในกลุ่มดี เราก็ดีไป
แต่ถ้าเพื่อนไม่ดี เราก็จะแย่

น้องรักตัวเองให้มากๆนะคะ ช่วยตัวเอง
ก่อนที่จะไปรักคนอื่นและช่วยคนอื่น
ต้องรู้จักปล่อยวาง อย่าไปยึดติดกับคนกลุ่มเดียว
ทำดีกับทุกๆคน

ข้อสำคัญ
ตอนนี้เรารู้แล้วว่าที่เราโดนกระทำนั้นไม่ดียังงัย
เราก็อย่าไปทำแบบนั้นกับคนอื่นนะคะ
 

คุณครูสมศรีสุดสวยจร้า!!
น่าร๊ากกกกก
Administrator
Hero Member
*****
:
: 4363


เดาซิ...คุณครูอุ้มน้องหมากี่ตัว อิอิ


« #6 : February 25, 2009, 08:36:37 PM »

เอาล่ะ  เรามาเติบโตไปพร้อมๆกันนะคะเด็กๆ

เพื่อนๆและพี่ๆรวมทั้งครูพิ้วได้ให้แง่คิดที่ดีกับหนูแล้ว

คุณครูมองชีวิตไม่ซับซ้อนเพราะคุณครูเรียนคำสองคำมาจาคุณป้าMarianna ชาว Maltist ซึ่งใช้ได้ผลมาก

คำๆนั้นคือคำว่า "Be assertive but positive"

แปลเป็นไทยว่าไม่ให้ใครมาล่วงล้ำสิทธิ์แต่ต้องสื่อความต้องการของเราออกไปอย่างสร้างสรรค์ค่ะ

ตามหลักหยินหยางต้องอาศัยความสมดุลย์จึงจะทำให้สภาวะธรรมดำรงอยู่

ถ้าหนูถูกคนเอาเปรียบ ครั้งสองครั้งแรก หนูคงไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจมากนัก

แต่ถ้าบ่อยครั้ง สภาวะดุลยภาพในจิตใจจะกวัดแกว่งและครุกรุ่นดุจภูเขาไฟที่รอการปะทุ

และสุดท้ายเหตุการฟางเส้นสุดท้ายบนหลังลาผู้น่าสงสารที่แบกน้ำหนักมาเกินพิกัด และฟางเบาๆเส้นสุดท้ายก็สามารถทำให้ของหลังของลาหักได้

หากหนูสะสมเชื้อเพลิงไว้มากขึ้นๆ วันสุดท้ายของอาการฟางเส้นสุดท้ายอาจจะทำให้หนูสติแตก

และกล่วผรุสวาจาออกไปโดยไม่ทันยับยั้งอารมณ์ได้ทันท่วงที

ภาวะเช่นนี้ เป็นภาวะที่เขาหมักหมมการเอาเปรียบผู้อื่น แต่หนูกลับหมักหมมอารมณ์เสียไว้กับตน

ทั้งคู่ขาดสภาพหยินหยางคือไม่รู้จักวิธีรับ และวิธีให้ที่ถูกต้อง

และการขาดสมดุลย์นี้ เป็นเพราะขาดการแก้ไข ประนีประนอมกันจนในที่สุดก็ไม่มีอะไรดีๆหลงเหลืออยู่ให้คนทั้งคู่ได้นึกถึงสิ่งดีๆซึ่งกันและกัน

ภาวะของคนที่จ้องจะรับ เป็นภาวะที่ไม่พัฒนาทางจิต

แต่ถ้าหนูจ้องจะให้เพียงเพราะใช้คำว่า"รักเพิ่อน" หนูก็ก้าวล่วงไปอยู่ในสภาวะเดียวกับเขา

คือภาวะเหรียญบาทเหรียญเดียวกัน ต่างกันก็ตรงหัวก้อยเท่านั้น




ไม่เอานะคะ  มีอะไรก็ค่อยๆพูดจากัน ให้แง่คิดกันตั้งแต่เรายังไม่หมักหมมอารมณ์โกรธไว้

คุณครูมีอะไรไม่สบายใจ คุณครูจะจดจำ และจะเรียนรู้ที่จะพูดตั้งแต่เหตุการณ์ยังไม่เลวร้าย

นิสัยที่ไม่ดีต่างๆ น่าขยะแขยงที่จะปล่อยให้เข้ามาอยู่ภายในตัวเรา

เราไม่ชอบพฤติกรรมเขา เราก็บอกเขาไป เพื่อเขาจะได้ไม่มาทำให้เราไม่พอใจ 

แต่การบอกจะได้ผล ถ้าเราค่อยๆพูดอย่างแยบยล และรักษาน้ำใจว่าเขาควรและไม่ควรทำอะไรในลักษณะนี้

บอกเขาว่าเราเต็มใจที่จะทำให้แต่ไม่ใช่ทุกครั้งเพราะเรากับเขาก็ไม่แตกต่างกัน

สอนเขาว่าคนเราถ้าทำไม่ได้ก็ต้องพยายาม ถ้าไม่ดี ยินดีแนะนำเขา

เวลาคนเราก็มีเท่ากัน เขาควรฝึกตัดกิจกรรมไม่สำคัญออกไปบ้างเพื่อจะได้มีเวลาทำงานกลุ่ม

พูดให้เขาเห็นประโยชน์ของการช่วยกันทำงาน ไม่เก่งความรู้ก็อาจมาช่วยเขียนปก ประดิษฐ์ปกให้สวยงาม

คนเก่งต้องไม่ทำงานเองทั้งหมด แต่ต้องรู้วิธีที่จะแบ่งงาน ประเมินงาน และแก้ไขงาน

หนูเลี่ยงที่จะพบเจอคนแนวนี้ไม่ได้ค่ะ แต่หนูควรมีภูมิต้านทานที่จะไม่ทำให้เขานำโรคภัยทางจิตมาสู่เรา

การได้รับงานมาและจัดสรรงานให้กันและกันในเบื้องต้น และการทำปฏิทินปฏิบัติงาน และมีวิธีตามงานนั้นได้ผลที่สุด

ถ้าหนูจะช่วยเขา หนูควรช่วยทำให้ตนเองมีภาวะผู้นำ ที่สามารถชี้แจง แก้ไข และยืดหยุ่น เปิดพื้นทีให้คนที่ไม่เก่งแต่ขยัน

หรือคนที่ทั้งไม่เก่งและไม่ขยันให้ทำงานและมีส่วนร่วมมากขึ้น

คุณครูเป็นเด็กโง่ๆคนหนึ่งตอนเรียนเตรียมฯ แต่พอมีงานกลุ่มก็จะได้รับให้ทำงานมากสุดในกลุ่ม

จนต่อมาคนโง่อย่างครูก็ขันอาสามาเป็นหัวหน้ากลุ่ม ครูแบ่งงานให้ทุกคนทำ แต่ตัวเองไม่ต้องทำอะไร

ไม่ได้เห็นแก่ตัวนะคะ แต่ทราบว่าคนที่ทำมาต้องไม่ถูกใจแน่ ครูเลย stand by ไว้แก้งานและตัดต่องานให้ดี

เพื่อนๆที่ทำงานเสร็จจะมามอบให้หัวหน้ากลุ่มปะติดปะต่องานที่ขาดความสอดคล้องจนกลายเป็นรายงานที่พร้อมส่งครู

ขอบคุณเพื่อนที่ให้โอกาสคนโง่อย่างครูมีพื้นที่ในการแสดงความเป็นผู้นำและผู้มีน้ำใจ



ไม่ต้องโกรธเพื่อนนะคะ คนเราต่างหลากหลายเหมือนเนื้อไม้ต่างสายพันธุ์

ขอเพียงเราติดกระดุมเม็ดแรกถูก  เม็ดต่อไปก็ติดไม่ยากแล้วค่ะ



"มนุษยทรัพย์"เป็นทรัพย์ที่มีค่ามากล้น

ได้ร่างแห่งมนุษย์ ต้องพัฒนาปัญญาไปพร้อมๆกัน

ไม่แก่งแย่ง ไม่ชิงดี ไม่ว่ากล่าวให้ผู้ใดเสียหาย

ปลูกต้นกุศล ย่อมได้รับกุศลเป็นผลในที่สุด


ใครทำไม่ดีกับเรา ก็รู้เท่าทัน แต่อย่ารับเขาเป็นครูเราด้วยการกระทำสิ่งไม่ดีกลับคืนไป

เพราะนั่นเท่ากับหนูติดเชื้อเขามาอย่างรุนแรง

ถ้าเป็นเช่นนั้นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ที่กลายพันธุ์ก็จะเต็มบ้านเต็มเมือง


มาช่วยกันสร้างสังคมสีเขียวในกลุ่มของพวกเรากันก่อนนะคะ


เป็นกำลังใจให้นะคะหนูน้อยผู้เยาว์ด้วยประสบการณ์

โขคดีนะคะ
 

อย่าลืมเทียมเกวียนเยี่ยงควาย อ่านซ้ำๆ ทวนซ้ำๆ นะคะ คุณครูสมศรีและพี่ๆเสื้อส้ม เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ๆค่ะ!!!!!
Dereana
{*(oo)*}รักครูสวย
Hero Member
*****
:
: 2379


- -* กาใบ้ - -*


« #7 : February 25, 2009, 08:45:49 PM »

 
 

....ไม่ใช่คนที่โชคดีที่เกิดมามีทุกสิ่ง....
แต่หนูโชคดีจริงๆที่ได้เป็นลูกศิษย์คุณครู...
GoyZ
"จงมั่งใจในความงามของผู้สอน"
Hero Member
*****
:
: 766


โอ๊ยย คิดถึงครรรรรู~


« #8 : February 25, 2009, 09:31:24 PM »

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ ข้อคิดดีๆนะคะครู

หนูจะลองนำไปใช้ค่ะ ^^
 

"ภูมิใจครูสวย"

Start at SU~  ファイト!
Opalise
"ผู้พิทักษ์แห่งสาขาขอนแก่น"
Sr. Member
****
:
: 372


MED KKU '38


« #9 : February 25, 2009, 09:49:42 PM »

อย่างงี้ ปอว่าเป็นเรื่องปกติแล้วว
ส่วนใหญ่ทุกคนก็เจอ

ของปอเนี่ย ตั้งแต่ขึ้น ม.1 มาจน ม.5 แล้ว
ยังไม่เคยคละห้องเลยอ่ะคับ 40 คน เจอกันมาเกือบ 5 ปี

ม.1 ก็อยู่กลุ่มนึง 14 คนได้
มีความสุขแบบวัยใสๆ อ่า สบายๆ
(ซึ่งปัจจุบัน เราก็ยังสนิทกันดี แม้เราจะไม่ไ่ด้ไปเล่นด้วยบ่อย)

ม.2 ก็อยู่กับอีกกลุ่มนึง ประมาณ 7 คน
แต่ก็ ความคิดไม่ตรงกัน ผิดใจกันอ่ะ
ด้วยเรื่องไร้สาระ ก็เลย ขอออกดีกว่า
แต่ก็ยังคุยกันได้ เพราะยังไงก็ห้องเดียวกัน

ม.3 นี่ เริ่มแย่ลง โดนเพื่อนบางคนในห้องนินทาลับหลัง
แรกๆ ก็ รู้สึกแย่นะคับ แบบ ยังไมไ่ด้ไปทำไรให้เลย
แล้วทำไมต้องมาทำอย่างงี้ แต่สุดท้ายก็
แล้วแต่ละกันนะ ปลงได้แล้ว

ม.4 ม.5 นี่ ตอนนี้ลงตัวแล้วครับ
กลุ่มเพื่อนตอนนี้ แม้จะเล็กๆ (รวมกัน 5 คน)
แต่ก็ไม่เคยทิ้งกัน ช่วยกันเรียน ทำงานร่วมกัน
อาจมีเคืองกันบ้างนิดหน่อย แต่ก็เคลียร์กันได้เสมอ
ทุกคนเปิดใจ ทำให้ตอนนี้มีความสุข



ผมว่า สิ่งที่สำคัญคือ เราต้องเข้าใจเพื่อน แต่เพื่อนก็ต้องเข้าใจเราด้วย
คือ เรายังต้องคงความเป็นตัวเราไว้ด้วย ไม่ใช่ว่าตามเพื่อนหมด
มีอะไรก็เคลียร์ๆกัน อย่าเก็บเอาไว้นาน มันจะบานปลายค้าบ
แล้วทุกอย่าง มันจะดีเองนะครับ

สู้ๆ เอาใจช่วย
 

ได้ดีเพราะมีครูสวย !!

I Love Kru Somsri
I Love Demonstration School of Khon Kaen University (Modindaeng)
: [1]  
:  

+

Sorry, the copyright must be in the template.
Please notify this forum's administrator that this site is missing the copyright message for SMF so they can rectify the situation. Display of copyright is a legal requirement. For more information on this please visit the Simple Machines website.