อีกไม่กี่วันหนูก็จะสอบ final กับ O+A net แล้วคะครู
ขอบคุณครูสมศรีอีกทีนะคะ
ที่ได้สร้างทั้งความรู้และกำลังใจให้แก่หนู
แต่ครูคะ
คือ เมื่อวาน อาจทีด้วยว่า โหมหนักไปนิด
เลยไป รพ มา
หมอบอกว่า
เป็นโรคเครียด!!~
หนูอึ้งเลยค่ะครู
คือ ตั้งแต่เรียนมา ไม่เคยเครียดเลยยยอ่ะ
แล้วทำไมมันเป็นได้อ่ะคะครู
แต่วันนี้หนักกว่า
อ่านหนังสือไม่ได้อ่ะค่ะ
คือ ถ้าก้มหน้า โลกจะหมุนไปทันที เลยมึนๆๆ ทั้งวันอ่ะค่ะ
เลยไปหาหมอรอบ 2
เค้าบอก ว่า หนูเป็นโรคเครียดจริงๆ
แล้วก็น้ำในหูไม่เท่ากันระยะเริ่มต้นนนนนนน
T^T
รู้สึกสะเทือนใจอย่างแรงค่ะครู
เฮ็อๆๆ
จะสอบอยู่แล้วๆๆ แต้ดันป่วยซะนี่
ตอนนี้ก็เริ่มดีขึ้นแล้วค่ะ
ครูดูแลสุขภาพด้วยนะคะ
เด๊ยวความสวยจะลดเลือนไปๆๆ
คิคิ
โชคดีนะคะครู
รักครูที่สุดค่ะ
ขออนุญาตนำข้อความที่หนูนิดทิ้งไว้ในข้อความส่วนตัวมาให้เพื่อนได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์และความรู้สึก
ก่อนอื่นหนูต้องตั้งสตินิ่งๆ
อย่าเพิ่งตื่นตกใจกับกลไกของร่างกายที่สะท้อนจิตออกมาเป็นความกังวล
สมองจะทำงานหนักขึ้นถ้าหนูใช้ความคิดหนักๆ หรือขาดออกซิเจน
เมื่อวานมีพี่หมอปีหนึ่ง ศิริราช โทรมาเล่าว่าอ่านไม่ไหวแล้ว เครียดมาก
ครูเลยให้สติดว่า
"อ๋อยจ๋า เวลาเราทำอะไรที่ถูกปัจจัยภายนอกกำหนด เราจะอึดอัดและเกิดอาการต้านและต่อรอง
แต่ถ้าเราทำเพราะเรารัก เท่าไหร่ เราก็ไม่เคยเหนื่อย
เวลาเรานั่งกลางแดดสองสามนาที เราบ่นอุบ และทุกข์ทรมาน
แต่ถ้าเราดูคนที่เรารักแข่งฟุตบอลกลางแดด เราไม่ร้อนเพราะเราลืมคิดและเพ่งจิตไปที่การให้กำลังใจเชียร์คนรัก
นี่ก็เช่นกัน หนูถูกกิเลสตัวเบ้อเริ่มหรอกหนูเข้าแล้ว
แค่หนูเปลี่ยนจุดหมายการอ่านใหม่ว่า
คนที่หนูรักที่สุด กำลังเจ็บหนัก และหนูต้องหาข้อมูลไปรักษาเขาให้รอดชีวิตเพื่ออยู่กับหนูให้นานที่สุด
หนูจะรู้สึกไม่เหนื่อย และนึกโกรธตัวเองด้วยซ้ำที่แอบฟุบหลับไปโดยไม่รู้ตัว
คุณครูเคยอยู่ในสภาพที่ต้องการช่วยคุณพ่อ ขอให้หมอเจาะเลือดตัวเองทั้งๆที่ทราบว่าเลือดนั้นคนละกรุ๊บกัน
แต่เราก็อยากทำทุกอย่างเท่าที่เราจะทำได้ไม่ใช่เพียงแค่ขอให้ผ่านไปที
ก็เช่นกัน เวลาอ่านหนังสือ ถ้าเรามองเป้าหมาย เราจะทราบว่า เราขอใช้ร่างกายเป็นยานพาหนะพาเราไปให้ถึง"ฝั่งฝัน"
ร่างกายอาจเหนื่อย เราหลับตาพักสักพักก็จะดีขึ้น แต่ห้ามปล่อยใจให้เหนื่อยนะคะ
เมื่อพูดเสร็จหมออ๋อยก็มีพลังกลีบไปอ่านหนังสือเตรียมสอบต่อ
ฟังนะลูก
ร่างกายเหนื่อยเพราะอ่านหนังสือ พักสักครู่ก็หายเหนื่อยแล้ว
แต่เรื่องจริงไม่ใช่เช่นนั้น
เพราะร่างกายไม่ได้เหนื่อยเพราะการอ่านหนังสือ
แต่เราเหนื่อยเพราะความเครียด ความกังวลต่างหาก
ณ เวลานี้กังวลไปก็ไปกินเนื้อที่ของสมองและเวลาไปเหมือนมะเร็งที่กำลังจะคร่าชีวิตของเรา
ความกัวลไม่มีผลดีเลย
หายใจเข้าออกลึกๆ ด้วยระดับความราบเรียบที่เสมอตั้งแต่ต้นลมจนท้ายลมหายใจ
หนูจะเห็นว่าที่เราคิดว่ากายที่จิตไม่สามารถคุมได้นั้นไม่จริง
เพราะเราไม่เคยนิ่งหรือสงบเลยต่างหาก
แต่ถ้าหนูตามลมที่ราบนิ่งเสมออย่างต่อเนื่อง
หัวใจจะค่อยๆเต้นช้าลงและนุ่มนวลละมุนละไมขึ้น
สารแห่งความสุขก็จะหลั่งออกมา เราจะมีพลัง จงนำพลังนั้นไปใช้ในทางสร้างสรรค์ หนูจะใช้ได้ยาวและนานมากทีเดียว
แต่ถ้านำไปใช้ในทางทำลาย พลังนั้นก็จะกระฉอกออกจากภาชนะจิตเปลี่ยนเป็นความเครียด ความทุรนทุราย กังวลหงุดหงิด รำคาญใจเบื่อหน่าย
เหมือนรถที่น้ำมันหมดแล้ว แต่ก็พยายามสตาร์ทใหม่ให้เครื่องติดอีก
รีบกลับมาตามดูความเนิบของลมใหม่จ ะหลับตาหรือลืมตาก็ได้ ตามความสบายของหนู
พอลมหายใจเข้าที่ก็รีบฉวยคว้านำพลังไปใช้ให้เกิดผลที่ดีต่อตัวเราต่อไป
อย่าเทียบเปรียบเปรยตนเองกับใคร
อย่าใช้ความรู้สึกลบขณะประกอบกิจที่ตนทำ
งานจะเสร็จได้อย่างนุ่มนวลโดยปราศจากความกังวลซึ่งทำให้เราเหน็ดเหนื่อยและตึงเครียด
มากสุดก็แค่เอนท์ไม่ติด กลัวอะไรล่ะ ถ้าเราพยายามเต็มที่แล้ว
เอนท์ไม่ติด ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว
แต่การกลัวการเอนท์ไม่ติดนี่สิ น่ากลัวยิ่ง
เพราะมันฉุดรั้งจิตให้ฝืดเนือย และยากเกินกว่าจะลากจูงเพื่อนำกลับมาใช้งาน
วินาทีนี้แล้ว
ไม่ต้องคิดอะไรอีก นอกจากอ่านๆๆๆ พักๆๆๆ อ่านๆๆๆ พักๆๆๆ
เครียดนักก็พักเสีย หายเครียดก็อ่านต่อ
สู้ๆนะคะ คนที่เขาเอนท์ติด เขาก็ทำกันแบบนี้นะคะ
บางวันคุณครูนอนไม่ถึง 4 ชม ต่อเนื่องหลายคืน
ความสุขเพราะการรักษาความนุ่มนวลของลมหายใจและไม่ปล่อยให้จิตเครียด
ลองทำดูค่ะ
แต่อย่าฝืนอ่านถ้าร่างกายอ่อนล้า
ควรพักให้เต็มตา ดีกว่าลืมตาอย่างไร้คุณภาพ
ได้แต่ชั่วโมงลืมตาที่มากแต่ขาดคุณภาพ
อย่างนี้เท่ากับใช้ชีวิตไม่เป็นค่ะ
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ
ไม่มีคำว่า "แพ้" ในหมู่ ผู้ไม่ยอมแพ้ค่ะ
สู้ๆนะคะ