Kru Somsri's English School

July 19, 2025, 04:38:07 PM

:    
191147 46430 16734
: Denisqkz
*
+  Kru Somsri's English School
|-+  ห้องสนทนาของโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษคุณครูสมศรี
| |-+  คุยกับคุณครูสมศรี
| | |-+  มาฟิตสมองกันจร้า!!!!!
: [1]
: มาฟิตสมองกันจร้า!!!!!  ( 1372 )
แรม
« : August 01, 2008, 11:59:53 AM »

  Brainfitness เทคนิคฟิตสมอง

              Brainfitness เป็นโรงยิมของสมองที่จะเตรียมความพร้อมและเพิ่มสมรรถนะให้สมอง โดยมีหลักการ 3 ประการด้วยกันคือ 1. ทำให้ร่างกายมีความสมดุลและมีการเคลื่อนไหวอย่างสมดุล 2. ทำให้สมองมีความกระตือรือร้นและทำงานได้ดี 3. ทำให้จิตใจ อารมณ์เบิกบาน ผ่อนคลาย และโรงยิมของสมองนี้ก็มีอุปกรณ์สำคัญอยู่ 10 อย่างด้วยกัน ซึ่งทั้งหมดล้วนมีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน ได้แก่

              1. อาหารสมอง ช่วยสร้างพลังงานให้สมอง เด็ก ๆ ต้องได้รับสารอาหารครบถ้วน โดยเรียงจากปริมาณที่ต้องการมากที่สุดคือกลุ่มธัญพืช รองลงมาคือผักผลไม้ โปรตีน และอื่นๆ ต้องกินทุกมื้อ โดยเฉพาะมื้อเช้าสำคัญมาก และไม่ควรกินก่อนนอน หลีกเลี่ยงอาหารกึ่งสำเร็จรูป ฟาสต์ฟู้ด ลดปริมาณเกลือ ไขมัน โดยเฉพาะน้ำตาลที่ทำให้เด็กมีพลังงานมากจนไม่อยู่นิ่ง ขาดสมาธิ

              2. ออกซิเจน ให้ชีวิตแก่เซลล์สมอง สมองที่มีออกซิเจนมากเพียงพอจะทำให้มีสารเคมีที่ทำให้เครียดลดน้อยลง ทำได้โดยการหายใจที่ถูกต้อง หายใจลึก ๆ ให้ทั่วปอด หายใจเข้าท้องพอง หายใจออกท้องแฟบ รวมทั้งการเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย หัวเราะ ร้องเพลงและพูดคุย ก็เป็นการเพิ่มปริมาณออกซิเจนให้สมองได้ดีอีกด้วย

              3. น้ำเปล่า มีส่วนสำคัญในการส่งข้อมูลในสมอง ถ้าเราไม่ได้ดื่มน้ำแค่ครึ่งชั่วโมง สมองก็ขาดน้ำแล้ว เพราะทำให้ก้านสมองหด เซลล์สมองส่งข้อความถึงกันไม่ราบรื่น อาจทำให้รู้สึกสับสน และเหตุผลที่น้ำเปล่าดีต่อสมองก็เพราะดูดซึมสู่สมองได้ทันที ถ้าเครื่องดื่มอื่น ๆ ร่างกายจะคิดว่าเป็นอาหาร แล้วส่งไปย่อยก่อนถึงจะดูดซึมไปที่สมอง ควรปลูกฝังให้เด็กรู้ว่าน้ำเปล่าเป็นน้ำผลไม้ของสมอง (Brainjuice) ดังนั้นในห้องเรียนหือโต๊ะทำการบ้านควรมีน้ำไว้ดื่มได้สะดวก

              4. การผ่อนคลาย เริ่มจากการนอนหลับเพียงพอ ตอนหลับร่างกายพักแต่สมองตื่น สมองจะสร้างจุดเชื่อมต่อใหม่ๆ ระหว่าง 2 ซีก สมองจะแยกประเภทและเก็บประสบการณ์ที่ได้ในแต่ละวัน โดยที่เราควบคุมไม่ได้ ซึ่งประสบการณ์ที่เรารู้สึกกับมันมาก ๆ จะจำได้ง่าย ดังนั้นถ้านอนไม่พอ สมองยังจัดระบบไม่เรียบร้อย จึงตื่นมางง ๆ เบลอ ๆ นอกจากนี้ยังผ่อนคลายได้ด้วยการเคลื่อนไหวในท่าบริหารสมอง (Brain Gym) ฟังเพลงจังหวะเบา ๆ ช้า ๆ ออกกำลังกายเบา ๆ การพูดคุย ร้องเพลง ยิ้ม นั่งสมาธิ การเรียนรู้จากภาพ และการพักช่วงสั้น ๆ ระหว่างการทำกิจกรรม

              5. ความสมดุลของร่างกายและสมอง อาจลองให้เด็ก ๆ ถือห่วงฮูลาฮูบขึ้น-ลง และไปข้างหน้าเพื่อฝึกการทรงตัวหรือฝึกไขว้ร่างกายในท่าต่างๆ การหายใจที่ถูกต้อง บุคลิกท่าทางที่เหมาะสม ใช้เพลงจังหวะเบา ๆ มาประกอบการทำกิจกรรม ลดพฤติกรรมที่นำไปสู่ความเครียด

              6. รูปแบบการเรียนรู้ที่เหมาะกับเด็กแต่ละคน คนแต่ละคนมีสมองที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดังนั้นเด็กๆ แต่ละคนจึงตอบรับรูปแบบการเรียนการสอนที่ต่างกันไป ซึ่งที่จริงกระบวนการเข้าถึงการเรียนรู้มีหลากหลายวิธี ทั้งการเรียนรู้ผ่านการเห็น การฟัง การเคลื่อนไหว การเรียนแบบ เป็นขั้นตอน เรียนแบบองค์รวม และเรียนผ่านกระบวนการทางสังคม ซึ่งในห้องเรียนควรเลือกใช้ให้หลากหลายที่สุด

              7. การสร้างแรงบันดาลใจ โดยให้เด็ก ๆ มีเป้าหมายในการเรียนรู้ ได้คิด ได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง

              8. ความเป็นตัวของตัวเอง และเชื่อมั่นในตัวเอง การรู้จักควบคุมตัวเอง มีวินัย มั่นใจในตัวเอง และมีความรู้สึกชื่นชมในสิ่งที่ทำ เป็นพื้นฐานให้เด็กมีความกระตือรือร้นอยากเรียนรู้

                 9. ผิดเป็นครู เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้จากความผิดพลาด

              10. การสร้างทัศนคติในเชิงบวก คิดใช้ภาษาท่าทางและการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ จะช่วยให้สมองของเด็กจดจำแต่สิ่งที่ดี ๆ และงดงาม ฝึกให้เด็กมองว่าทุกปัญหามีทางออกเสมอ

              หากใช้อุปกรณ์ Brainfitness ทั้ง 10 ประการอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้สมองของเด็กเรียนรู้ได้ดีมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้คุณคริสตีนย้ำอย่างเชื่อมั่นว่า เด็กทุกคนสามารถที่จะเรียนรู้ได้อย่างเป็นธรรมชาติในเงื่อนไขที่เหมาะสม ทั้งเงื่อนไขภายใน คือ Brainfitness ที่กล่าวมา และเงื่อนไขภายนอก (Brainfriendly) ซึ่งก็คือสภาพแวดล้อมทุกอย่างที่อยู่รอบ ๆ ตัวเด็ก ที่เราสามารถจัดการให้เป็นมิตรกับสมองของเขาได้

              อย่างไรก็ตาม วิถีชีวิตคนเมืองซึ่งเต็มไปด้วยมลภาวะทั้งทางด้านเสียง ลดทอนประสิทธิภาพการฟัง ทำให้เกิดความเครียด อารมณ์สับสน มลภาวะทางอากาศ ที่แม้หายใจถูกวิธีแต่ก็รับควันพิษเข้าไป หรือจากแสงของเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น คลื่นแสงกะพริบ ๆ จากจอทีวี คอมพิวเตอร์ แสงไฟนีออน สามารถทำลายเซลล์สมองได้ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งแวดล้อมที่ลดความสามารถในการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ทั้งสิ้น จึงควรหลีกเลี่ยง

ที่มา นิตยสาร life & family
 
NaNToR+
นาฬิกา..กุ๊ก..กู๋~
Hero Member
*****
:
: 1223


ศภ 2808


« #1 : August 01, 2008, 01:56:00 PM »

ขอบคุณมากมายค่า

^^
 

Yesterday & Everyday!~


ji de wo ai ni=)~
N'PLOY
Por-Lor-Or-Yor
Hero Member
*****
:
: 1728


?(????)


« #2 : August 01, 2008, 06:20:28 PM »

  Thank you very much kaaa
 

?KRU.SOMSRI IS EXTREMELY BEAUTIFUL.?

?LOVE K.SOMSRI?
: [1]  
:  

+

Sorry, the copyright must be in the template.
Please notify this forum's administrator that this site is missing the copyright message for SMF so they can rectify the situation. Display of copyright is a legal requirement. For more information on this please visit the Simple Machines website.