Kru Somsri's English School
July 06, 2025, 03:05:56 AM
:
191147
46430
16612
:
Shraunyjq
Kru Somsri's English School
ห้องพักผ่อน พักเหนื่อยกับคุณครูสมศรี
ข้อคิดสะกิดใจจากคุณครูสมศรี
แพ้อย่างผู้ชนะ
:
[
1
]
: แพ้อย่างผู้ชนะ ( 6014 )
คุณครูสมศรีสุดสวยจร้า!!
น่าร๊ากกกกก
Administrator
Hero Member
:
: 4363
เดาซิ...คุณครูอุ้มน้องหมากี่ตัว อิอิ
แพ้อย่างผู้ชนะ
«
:
May 16, 2008, 07:07:13 PM »
วันที่ 19 สิงหาคม 2543
เด็กคนไหนที่ไม่เคยยอมใคร ลองอ่านดู บางคนอาจจะงง เอ๊ะ! ครูสมศรีจะเอายังไงแน่ สอนอย่าเป็น "ไอ้ขี้แพ้" มาครั้งนี้ก็มาสอนว่าจงรู้จักคำว่า "แพ้" แพ้อย่างผู้ชนะ
ใช่จ้ะ เราควรชนะ "กิเลส" ชนะความ "เกียจคร้าน" ชนะความ "ทิฐิมานะ" แต่เราควรแพ้ต่อความพยายามที่จะเอาชนะ เพื่อสร้างตัวกูของกูให้มันใหญ่ ให้มันอ้วน "แพ้" เพื่อที่จะชนะความโกรธของตัวเอง
เด็กๆคนใดบ้างที่ถูกเพาะเลี้ยงบ่มนิสัยมาว่า ฉันจะต้องแน่กว่าคนอื่น ฉันจะต้องเก่งกว่าคนอื่น ฉันจะต้องชนะทุกครั้งที่โต้เถียงกับคนทุกคน ฉันจะไม่ยอมใคร ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ลองอ่านเรื่องนี้ที่ครูเคยอ่าน แต่งโดยหลวงตาแพร เยื่อไม้ ดูสิ
"ตี๋" เป็นลูกรักของเตี่ย ที่เตี่ยหมายมั่นปั้นมือสร้างตี๋ ปลูกฝังตี๋ให้เป็นอย่างที่เตี่ยตั้งใจ ตี๋จะต้องเป็นคนที่ไม่ยอมใคร จะต้องชนะทุกคน แม้นผิดก็ต้องพยายามทุกวิถีทางไม่ให้เสียหน้า ตี๋เรียนหนังสือเก่ง แต่ตี๋ไม่เคยเผื่อแผ่ใคร ชีวิตในวัยเยาว์ของตี๋จึงเป็นชีวิตที่ไร้เพื่อน แต่ตี๋ก็ภูมิใจที่มีเตี่ยคอยชมและให้กำลังใจเสมอว่า "ลื้อเก่งมาก ไม่มีเพื่อนช่างมัน ชีวิตจริงเงินสำคัญที่สุด อย่าให้ใครข่มได้" นอกจากตี๋จะรู้จักคำว่าชนะอย่างเดียวแล้ว ตี๋ยังคงได้รับการเสริมแรงจากเตี่ยเป็นระยะๆอีกต่างหาก
วันหนึ่งแม่ของตี๋ป่วยหนัก เตี่ยบอกให้ตี๋ไปหายามาให้แม่ แต่ร้านยาแถวนั้นไม่มียาชนิดนี้ เตี่ยจึงบอกให้ตี๋ข้ามคลองไปฝั่งตรงข้าม เพื่อซื้อยาแล้วรีบกลับมาเร็วๆเพราะแม่อาการหนัก ตั้งแต่เช้าที่เตี่ยนั่งรอจนเย็น ไม่รู้ตี๋ไปที่ไหน ทำไมตี๋ถึงยังไม่กลับบ้าน เตี่ยเริ่มใจไม่ดี และตัดสินใจทิ้งเมียที่นอนเจ็บแล้วรีบออกตามหาตี๋
และแล้วเมื่อเตี่ยเดินไปถึงหัวสะพานข้ามคลอง เตี่ยต้องหยุดชะงักงัน เพราะเห็นเจ้าตี๋ยืนแข็งเป็นตอไม้แล้วจ้องตาเขม็ง เจ้าตี๋บอกเตี่ยว่าระหว่างที่ตี๋จะข้ามไปฝั่งตรงข้ามก็มีอีกคนกำลังจะเดินข้ามมาพอดี
"เตี่ยไม่ต้องกลัว อั๊วจะไม่ยอมมันหรอก ยังไงอั๊วก็ยังจำคำสอนเตี่ยได้"
"ไอ้ตี๋ ดีมาก แต่อั๊วทิ้งหม่าม้าลื้อไว้ ไป! ลื้อกลับไปดูหม่าม้า อั๊วจะยืนแทนลื้อเอง"
แล้วต่อไปใครจะสอนตี๋ได้ เมื่อพ่อของตี๋เองปลูกฝังให้เป็นคนเช่นนั้น คนที่เสียประโยชน์ก็คือตัวตี๋เอง
เด็กๆเคยไหมที่หัวรั้น ดื้อ ถือทิฐิจะเอาชนะอย่างเดียว โดยไม่ได้ดูว่าโทษจะตกอยู่กับใคร ศิลปะของการแพ้อย่างผู้ชนะนั้นไม่ยาก ขอเพียงมี "ปัญญา" รู้ว่า "แพ้" ที่ว่าคือ "แพ้ต่อทิฐิที่จะเอาชนะคะคาน เพียงเพราะเรา "แพ้ไม่เป็น" ด้วยความกลัวเสียหน้า โดยเฉพาะกับคุณพ่อคุณแม่
อาทิตย์ที่แล้วมีเด็กหญิง 2 คน เดินเข้ามาหาคุณครู ระหว่างพักแล้วพูดว่า
"คุณครูขา คุณครูมีเวลาให้หนูกับน้องไหมคะ"
"มีสิจ๊ะ หนูมีอะไรให้ครูช่วย"
น้ำตาที่คลอในดวงตาของเด็กทั้งคู่ ปากที่เริ่มสั่น เริ่มส่อแววให้ครูรู้ว่า มันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่
"คุณแม่ค่ะ… คุณแม่…"
"ทำไมหนู ใจเย็นๆค่อยๆพูดนะลูก" ทั้งๆที่ตัวครูเองตื่นเต้นมากพอๆกับแก
"คุณแม่อยู่ใน ICU เส้นเลือดฝอยคุณแม่แตก ส่วนอีกเส้นโป่งพอง"
"แล้วคุณพ่อล่ะ"
"คุณพ่อเหรอคะ… หนูโทรบอกแล้ว แต่คุณพ่อไม่สนใจ คุณพ่อหนูไม่ดีใช่ไหมคะ"
จริงๆครูรู้ความเป็นมาของเด็ก 2 คนนี้ ฟังแล้วก็รู้สึกว่าสงสารเด็ก
"เอาเถอะ… อย่าพูดถึงคุณพ่อแล้วกันตอนนี้ ไม่ต้องเล่าให้คุณแม่ฟังเรื่องคุณพ่อด้วย ให้บอกว่าคุณพ่อติดธุระด่วน ให้พวกหนูมาคอยดู เสร็จธุระแล้วคุณพ่อจะตามมา"
"ครูขา หนูจะปลอบแม่ยังไง หนูอยากให้แม่พูดกับหนู" เสียงสั่นพล่าเพราะความทุกข์ มันยิ่งไปสะกิดความรู้สึกสงสารและอยากให้กำลังใจแกมากขึ้น
"ไม่เป็นไรเดี๋ยวคุณแม่ก็หาย หนูทำหน้าที่แทนคุณพ่อด้วย เข้าไปในห้องคุณแม่ จับมือบีบแน่นๆแล้วพูดว่า แม่ขา… หนูกับน้องจะอยู่ข้างๆแม่ตลอด เราจะไม่ทิ้งกัน ยังไงคุณแม่ก็จะมีหนูกับน้องอยู่เคียงข้างกันตลอด เมื่อคุณแม่ลืมตาขึ้น คุณแม่ก็จะพบหนูกับน้องที่คอยเป็นกำลังใจ"
"คุณครูขา ฝากบอกเพื่อนว่า เพื่อนๆโชคดีจังเลยที่ยังมีคุณแม่ที่แข็งแรงพอที่จะหันมาดุด่า สำหรับหนูทั้งสอง หนูพยายามเฝ้ามองริมฝีปากของคุณแม่ทุกครั้ง เพราะต้องการได้ยินเสียง ขอเพียงรู้ว่าคุณแม่ยังรับรู้หนูได้ คุณครูช่วยบอกเพื่อนๆด้วยนะคะว่าพวกเขาโชคดี"
ทุกถ้อยคำที่ออกจากปากหนูทั้งสองคน ถูกถ่ายทอดในห้องเรียนทันที หลังจากที่เล่าเสร็จคุณครูก็พูดเสริมว่า
"นักเรียนคะ เรามาร่วมให้กำลังใจแก่เพื่อนเราทั้งสองที่กำลังนั่งเรียนอยู่ในห้องนี้ และยังทำหน้าที่ลูกที่ดี และเมื่อเรียนจบทั้งคู่จะต้องนั่งรถ Taxi กลับไปเฝ้ามองริมฝีปากของคุณแม่ต่อไป ส่งกำลังใจให้เพื่อนเราด้วยนะคะ"
ขอบคุณที่ประสบการณ์ของยายหนูทั้งสองสะกิดให้เด็กๆหลายๆคนในห้องได้คิด และรู้ซึ้งถึงคุณค่าของน้ำเสียงของคุณแม่ ไม่ว่าจะเป็นเสียงพร่ำบ่น ดุด่า ล้วนแล้วแต่มีคุณค่า เหมือนกับวันที่คุณครูสูญเสียคุณพ่อไปโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ตอนเช้าที่เดินออกจากบ้านยังยกมือไหว้ท่านอยู่เลย แต่พอบ่าย น้าสาวไปรับให้รีบกลับบ้าน เมื่อกลับถึงบ้านสภาพที่คนที่เรารักที่สุดในชีวิตนอนไร้วิญญาณ ร่างกายซีด หน้าที่ของอวัยวะทุกส่วนหยุดโดยสิ้นเชิง ณ วินาทีนั้นเราอยากให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลให้พ่อเอ่ยปากพูดกับเราเพียงคำเดียว ใช่… เพียงคำเดียว แต่สิ่งที่เราขอมันเป็นไปไม่ได้
คุณครูไม่อยากเห็นเด็กๆต้องเหมือนคุณครู เสียงแห่งปัจจุบันที่ท่านพูดนั่นแหละ คือสิ่งที่มีค่าโดยไม่ต้องอ้อนฟ้าหรือขอเทพเทวา เมื่อท่านดุด่า สอนสั่งจงน้อมรับ หรือแม้แต่บางครั้งที่ท่านมีอารมณ์ หรือไม่มีเหตุผล อาจเป็นเพราะความที่ท่านห่วง และรักเรามากเกินไป
เราต้องยอมแพ้ แพ้เพื่อมิให้เกิดทิฐิมานะที่อยากจะเอาชนะแม้แต่พ่อแม่ผู้มีคุณของเรา ยอมแพ้ผู้มีพระคุณ แล้วค่อยๆพัฒนาไปสู่การยอมแพ้ต่อผู้อื่น แพ้เพื่อลดความอหังการ ความยึดมั่นว่า เราคือเทวดา ผิดไม่ได้ แพ้ไม่เป็น แพ้อย่างผู้ชนะต่ออารมณ์โกรธ ชนะต่อความยึดมั่น แพ้อย่างผู้ชนะที่สามารถควบคุมกาย วาจา และใจ ชนะตนได้นั่นแหละคือ "ผู้มีชัย"
แล้วนักเรียนจะไม่มาลองฝึก "แพ้อย่างผู้ชนะ" ดูบ้างหรือ ถ้าการแพ้นั้นทำให้คนอื่นเป็นสุข และเพิ่มเซรุ่มที่ลดมานะทิฐิของเราลงได้ น่าลองฝึกดูนะจ๊ะ
อย่าลืมเทียมเกวียนเยี่ยงควาย อ่านซ้ำๆ ทวนซ้ำๆ นะคะ คุณครูสมศรีและพี่ๆเสื้อส้ม เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ๆค่ะ!!!!!
khemmy
Newbie
: 12
Re: แพ้อย่างผู้ชนะ
«
#1 :
May 22, 2008, 05:54:27 PM »
สุดยอดค่ะครู
๐กุ้งอบวุ้นเส้น๐
[BadBoy Be SadBoy]
Sr. Somsri'S Fanclub
Sr. Member
:
: 459
!!!เพราะผมมีแต่คุณ!!!
Re: แพ้อย่างผู้ชนะ
«
#2 :
May 26, 2008, 12:10:53 AM »
ถึงจะแพ้ ก็แพ้อย่างมีศักดิ์ศรี เพราะอย่างน้อยก็ยังได้สู้
ขอบคุณคัฟ คุณครู
!!!ไม่มีใครรัก ก็รักตัวเองให้เป็น!!!
นิจ
อะไรคือสิ่งที่ควรทำเพื่อทำบางอย่างให้สำเร็จ
«
#3 :
January 06, 2010, 08:13:42 PM »
คุณครูค่ะหนูมีเพื่อนคนหนึ่ง เขามีปัญหาบางอย่างเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ คือ ห้องหนูน่ะค่ะเป็นห้องพวกความสามารถพิเศษด้านภาษาอังกฤษดังนั้นห้องหนูจะได้เรียนในภาษาที่ สาม นั่นคือ จีน อาจารย์ที่สอนท่านสั่งงานมาชิ้นนึง ท่านให้แต่งกลอนภาษาอังกฤษจากโคลงกลอนจีนซึ่งในโคลงจีนนั้นเขียนบรรยายไว้ว่า
" แสงจันทร์สาดส่องมายังหน้าเตียง
พลันสะท้อนแสงดั่งหยาดนำค้าง
ฉันแหงนหน้ามองจันทร์อันสกาว
ครันก้มหน้าพลันหวนคำนึงถึงบ้านที่จากมา" ส่วนเพื่อนหนูเขาก็แต่งเป็นภาษาอังกฤษแบบHaikuว่า
" The moon shines on
sky
Clari
fy
around the king
dom
Why my mind as st
orm
"
"Missing comes to
me
Fami
ly
is the remem
brance
Moonlit but
gain
gloom"
(ส่วนที่ขีดเส้นใต้ไว้คือสัมผัสบังคับนะค่ะและบรรทัดที่ 1 ต้องมี่ 5 พยางค์ บรรทัดที่ 2 ต้องมี 7 พยางค์ ส่วนบรรทัดที่ 3 ต้องมี 5 พยางค์)
"พระจันทร์ส่องแสงอยู่บนฟากฟ้า
ส่องกระจ่างไปทั่วทั้งแผ่นดิน
แต่ทำไมใจฉันดั่งต้องมรสุม
ความคิดถึงถาโถมมาหาฉัน
ครอบครัวคือความทรงจำ
แม้คืนนี้จะเต็มไปด้วยแสงจันทร์เพียงได้รับแต่ความเศร้า"
พอเขาแต่งเสร็จเขาก็ส่งอาจารย์พอท่านส่งกลับมาท่านเขียนบอกกลับมาว่า
ให้เพื่อนหนูไปแต่งมาใหม่ทั้งหมด
หนูเห็นสีหน้าของเขาบวกกลับมองเข้าไปในสายตา หนูรู้ได้ทันทีว่าเขาช็อค เขาเคยบอกกลับหนูว่าเขาน่ะตั้งใจแต่งกลอนบทนี้มากเลยนะ กลอนมันดูเหมือนง่ายแต่มันยากก็ตรงมีสัมผัสเขาเองแม้จะท่องศัพท์มามากมายแต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเพราะมันก็ต้องหาคำที่มีความสัมผัสกันและครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกด้วยที่เขาแต่ง เขาดูภูมิใจกับผลงานอันแสนเหน็ดเหนื่อยชิ้นนี้มาก แต่พอเขาส่งไปผลมันกลับตรงกันข้าม เขาไม่รู้ว่าจะแต่งใหม่อย่างไรดีเพราะอาจารย์เขียนกลับมาในใบงานที่ส่งไปเพียวแค่บอกว่าให้แต่งมาใหม่
หนูจึงบอกเขาว่า "เอางี้ยังไม่ต้องทำไรทั้งนั้น แต่ไปถามอาจารย์นะ ถามท่านดีๆนะ ว่ากลอนของแกน่ะมันมีปัญหายังไงถึงจะต้องกลับมาแต่งใหม่ทั้งหมด" วันรุ่งขึ้นเขาทำตามที่หนูบอกจนได้รับคำตอบและเหตุผลอันมากมายจากอาจารย์
ท่านบอกกับเพื่อนหนูว่า"กลอนที่ครูให้แต่งน่ะ ครูต้องการให้มันสัมพันธ์กับโคลงจีน ไม่ใช่สัมพันธ์กับอย่างอื่น"ซึ่งนั้นก็หมายถึง
บรรทัดแรกจนถึงจบของโครงจีนเขียนยังไงก็แต่งกลอนอังกฤษอย่างนั้น เพื่อนหนูจึงเข้าใจทันทีว่าความรู้สึกของอ.ไม่เหมือนความรู้สึกของเขา เขาบอกกับหนูว่า
"เขาไม่ได้แต่กลอนนีขึ้นมาจากตัวหนังสือที่เขียนไว้ในโคลงจีน แต่เขาแต่งมันขึ้นมาจากความรู้สึกที่ถูกเขียนบรรยายไว้ในโคลงจีน"
เขาบอกว่าเขาไม่เคยคิดหรอกนะว่ากลอนที่เขาแต่งจะเป็นกลอนที่ดีที่สุดเหนือกว่าคนอื่นใดในห้องแต่เขาเขียนมันขึ้นมาจากความตั้งใจอันเป็นที่สุด ถึงเขาจะพูดอย่างนี้แต่เขาก็รู้ข้อผิดพลาดของตัวเองนะค่ะ(รู้จากคำพูดของอ.ด้วยและจากตัวเขาเองด้วย)
จากคำพูดของอ.คือ
1.คำว่า clarify น่ะ มันหมายถึงในทำนองที่ว่าเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งไม่ใช่หมายถึงแสงของจันทร์ที่ส่องสว่างไปทั่วแต่สาเหตุที่ใช้คำนี้ก็เพราะว่า เขาต้องการคำที่มีสัมผัสน่ะค่ะ
2.คำว่า kingdom อาจารย์ท่านบอกว่ามันแปลว่าอาณาจักรแต่เพื่อนหนูเขาก็มาบอกสาเหตุกับหนูอีกว่า ที่เขาใช้คำนี้เพราะเขาต้องการให้มันแปลว่า แผ่นดิน เป็น แผ่นดินที่มีผู้คน วิถีชีวิต และพื้นดิน คือเขาพยามที่จะสื่ออารมณ์ว่า
ถึงแม้ว่าคำคืนนี้จะเต็มไปด้วยแสงจันทร์ที่สาดส่องไปทั่วแผ่นดินที่เต็มไปด้วยผู้คนแต่มันก็มีความรู้สึกเงียบเหงาถาโถมเข้ามา
3.หน้าคำว่า sky ควรจะมี the ด้วย ซึ่งข้อนี้เขาไม่ได้เกียงอะไร
และ4.เป็นข้อที่ทำให้เขาตั้งคำถามกับตัวเองมากมายเพราะว่าอ.ท่านบอกว่ากลอนที่เขาแต่งมามันเป็นอารมณ์แบบไทยมันไม่ให้อารมณ์แบบอังกฤษ
เขาจึงขอให้หนูช่วยมาขอคำปรึกษากับคุณครูว่า
1. ถ้าเขาอนุญาตให้คุณครูแก้กลอนอังกฤษของเขาใหม่ทั้งหมดคุณครูจะแก้ยังไง
2.อารมณ์อังกฤษที่สมควรจะใส่ลงไปควรเป็นยังไงแตกต่างจากอารมณ์ไทยยังไง
3.กลอนที่เขาแต่งสมควรจะแต่งให้ตรงตามอักษรจากโคงจีนทุกตัวเลยหรือ ถ้าเขาดึงอารมณ์ของโคลงจีนออกมาแต่งแทนนั่นเป็นสื่งที่ผิดไหม
4.คุณครูคิดว่าวิชาภาษาอังกฤษที่คุณครูกำลังสอนอยู่นี้มันคืออะไรกันแน่ เขาพูดกับหนูอย่างท้อใจว่า "
จะมีวันไหนไหมที่เราจะใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างฝรั่ง หรือจะไม่มีวันนั้น วันที่เราจะเข้าใจในภาษาอังกฤษเพียงเพราะเราเป็นคนไทย ไม่ใช่ฝรั่ง"
ฝากคุณครูช่วยตอบด้วยนะค่ะ ทุกวันนี้เขาไม่รู้ว่าสมควรจะเข้าใจภาษายังไงแล้ว เขาสับสนไปหมด หนูเห็นใจเขานะคะ เขารักภาษามากแต่เขาก็บอกว่าเขาตอบแทนในความรักตรงนี้ยังไม่พอเพราะยังมีอีกหลายเรื่องราวที่เขายังไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้ง
ช่วยเขาด้วยนะค่ะ
(ปล. เขาฝากมาบอกด้วยค่ะว่าสิ่งที่เขาให้หนูมาเขียนนี้มันเสี่ยงต่อการถูกวิจารณ์และด่าทอมากๆ ดั่งนั้นเมื่อคุณครูอ่านแล้วอย่าเพิ่งด่านะค่ะเพราะจุดประสงค์หลักของเขาคือต้องการเข้าใจในอารมณ์ของภาษาอังกฤษจริงๆ)
จิง
Re: แพ้อย่างผู้ชนะ
«
#4 :
January 06, 2010, 08:21:03 PM »
:
[
1
]
:
:
-----------------------------
ห้องสนทนาของโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษคุณครูสมศรี
-----------------------------
=> คุยกับคุณครูสมศรี
=> กิจกรรมของโรงเรียน
===> ประกวดออกแบบแฟ้ม
===> ประกวดบทความวันพ่อ
===> ประกวดบทความวันแม่
-----------------------------
ห้องพักผ่อน พักเหนื่อยกับคุณครูสมศรี
-----------------------------
=> ข้อคิดสะกิดใจจากคุณครูสมศรี
-----------------------------
เจ้าหน้าที่
-----------------------------
=====> พิชิต U1