คุณครูจำได้ไหมคะ (หนูไม่ได้เรียนรอบสด)
คุณครูเคยบอกว่า
ถ้าสมมติเราเดินไปขอบริจาค แต่ไม่มีเพื่อนคนไหนให้เรา
........อย่าร้องไห้
ถ้าเราทำตัวน่าสงสาร จะมีแต่คนให้ และจะไม่มีใครชอบเรา
....เพราะ เราเป็นแต่ผู้รับฝ่ายเดียว
ถ้าอะไรที่ทำแล้วคนอื่น ทุกข์ เรา สุข ห้ามทำ
คนอื่น สุข เรา ทุกข์ ห้ามทำ
คือ หนูอยู่ในช่วงทำกีฬาสี แล้วก็เป็น(เหมือน)หัวหน้างาน
ที่ไม่มีอำนาจใดๆทั้งสิ้น
หนูไม่เคยคิดว่า ทำอะไรให้ใครแล้ว จะต้องได้รับผลตอบแทนกลับคืน หนูเลือกที่จะเป็นคนโง่ ที่คิดว่าคนอื่นเหมือนตัวเอง คือรับฟังทุกๆคน หาแนวทางที่น่าจะดีที่สุด เพื่อให้งานออกมาดี
...... แต่ หลายคน เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน
หลายคนมองข้ามกิจกรรม ที่ทำให้เราอดทน แบ่งเวลาเป็น มีสังคม รู้จักการอยู่ร่วมกัน
หลายคน ชิงดีชิงเด่น ของฉันต้องเด่นที่สุด
เป็นเรื่องปกติค่ะ เพราะหนูก็ทน(มาได้)ตั้งนาน...
เหลือแค่ปีนี้เป็นปีสุดท้าย หนูรู้สึกว่าช่วงนี้หนูเห็นแก่ตัว เพราะเพื่อนๆเขาไปโรงเรียน และไปทำอุปกรณ์ แต่หนู เรียนพิเศษกับคุณครู แล้วต้องสอบ ความถนัดแพทย์....อีกอย่างหนูมีโรคประจำตัว คุณพ่อเลยไม่อยากให้ไปด้วย
หนูทำผิดหรือเปล่าคะ
หนูทุ่มเทใจให้เพื่อนๆ คอยco งานกับทุกๆคน
แต่กลับกลายเป็นว่า หนูพยายามเด่น
อ้อนวอนขอรอ้งให้เพื่อนๆมาช่วยกันคิดท่า...
รอจนมันเกินเวลาไปเยอะ คุณพ่อก็ต้องรอ
ผลสุดท้าย ต้องคิดกันแค่ไม่กี่คน(บังเอิญเป็นคนที่เค้ามีปัญหากับคนในห้อง ) กลายเป็นมันออกมาแย่ comment กันตอนที่กำลังปฏิบัติงาน
ไม่มีใครฟังใคร .....
มีคนนึง (ก็คนที่มีปัญหาแหละค่ะ) เค้าบอกหนูว่า
การเป็นหัวหน้า ต้องสั่งและ วิจารณ์ไปตามตรง ในเมื่องานมันออกมาไม่ดี อย่ามัวแต่ห่วง เรตติ้ง ....
สิ่งที่ทำให้หนูหมดกำลังใจสุดๆ คือ หนู เสนอแนะไปว่า แบบนี้ดีกว่าไหม (ทางโทรศัพท์) เค้าลืมกดวาง แล้วหันไปบอกกับคนอื่นๆว่า ยัยยนี่มันบอกว่า จะเอาแบบนี้ เท่านั้น ว่ะ
หนุไปคุยกับเพื่นอสนิท(ต่างห้อง)แล้วก็คนอื่นๆในคณะ พอเค้าเห็นอุปกรณ์ก็คิดแบบเดียวกันกับหนู ... แล้วก็ถามหนูว่า ทำไมไม่บอก ....
หนูบอกไปแล้ว แต่เค้าไม่คิดแม้แต่จะใส่ใจด้วยซ้ำ
(หนูก้พอรู้ว่าเค้าไม่คอ่ยชอบหนูแต่หนุก้ทำเป็นไม่รู้เรื่อง คุยกับเค้าดีเหมือนเดิม )
หนูก็ควร จะแก้ปัญหาที่มันมีต่อๆไปใช่ไหมคะ
หนูหมดกำลังใจง่ายไปไหมคะ หรือหนูควรจะสั่งไปเลย เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด
หนูควร...ทำอย่างไรดีคะ
(ขอโทษนะคะ ที่มันยาวไป ขอถามอีกอย่างนะคะ)
หนูอยู่ได้นะคะ คนเดียว ซึ่งเพื่อนๆในวัยไล่เลี่ยกันแค้ก็ค่อนข้างแปลกใจ ... หนูเคยถูกเพื่อนสนิทหักหลัง คนเดียวกัน ถึง 2 ครั้ง...
หนูเลยกลายเป็นคนที่คุยไปได้เรื่อยๆ แต่ไม่ทุ่มให้ใครเลยซักคน ตรงกันข้ามกับเพื่อนสนิทของหนู เค้าfriendly มีคนนั้นคนนี้
ดูสนิทไปหมด แต่เค้าอยู่คนละห้อง เรียนคนละโปแกรม
บ้านอยู่ไกลกัน ... คงเพราะหนูไม่สนิทกับใครเลยม้งคะ
เวลาทำงานก็เลยเหมือนตัวประหลาด การทำงานโดยที่ไม่มีเพื่อนข้างๆมันก็น่าเศร้าเหมือนกัน....
แต่หนูกลัว ถ้ารักหรือทุ่มให้ใครมากๆเราก็จะเสียใจมากเท่านั้น
พอใครมาสนิทด้วย หนูก็จะเริ่มสร้างกำแพงโดยอัตโนมัติ (ไม่รู้ทำไม) .... ถ้าคุณครูเป็นเพื่อนในห้องหนู คุณครูจะรู้สึกอย่างไรกับหนูคะ
ป.ล.ขออภัยค่ะที่บ่นยาวไป(มาก) แต่คุณครูให้แง่คิดและเปลี่ยนมุมมองของหนูในหลายด้าน ก็เลยมาบ่นๆๆค่ะ ^^
ป.ล. 2 ดูแลตัวเองดีๆนะคะ เป็นห่วงค่ะ
คุณครูจำได้ไหมคะ (หนูไม่ได้เรียนรอบสด)
คุณครูเคยบอกว่า
ถ้าสมมติเราเดินไปขอบริจาค แต่ไม่มีเพื่อนคนไหนให้เรา
........อย่าร้องไห้
ถ้าเราทำตัวน่าสงสาร จะมีแต่คนให้ และจะไม่มีใครชอบเรา
....เพราะ เราเป็นแต่ผู้รับฝ่ายเดียว
ถ้าอะไรที่ทำแล้วคนอื่น ทุกข์ เรา สุข ห้ามทำ
คนอื่น สุข เรา ทุกข์ ห้ามทำ
ถูกต้องค่ะ
เราสุข เขาทุกข์ ห้ามทำ
เขาสุข แต่เราทุกข์ ก็ห้ามทำ...... แต่ หลายคน เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน
หลายคนมองข้ามกิจกรรม ที่ทำให้เราอดทน แบ่งเวลาเป็น มีสังคม รู้จักการอยู่ร่วมกัน
หลายคน ชิงดีชิงเด่น ของฉันต้องเด่นที่สุด
เป็นธรรมชาติของคนที่พร่องความดี จึงอยากได้ความดีมาครอบครอง และเมื่อได้แล้วก็ต้องฉกฉวยตู่เอาว่าเป็นสิ่งที่ตนทำ
หรือต้องทำให้คนได้รับทราบว่าตนได้ทำความดีอะไรลงไปบ้างเพื่อเพิ่มส่วนที่ขาดของตน
เพราะเป็นความดีที่หวังผลให้เกิดแก่ตน แม้ความดีนั้นจะไม่ใช่สิ่งที่ตนเองทำก็ตาม
เมื่ออยากเด่น หนูก็จงปล่อยให้เขาเด่นไปเถิดลูก
เพราะ ถ้าเราทำดี ก็ย่อมดี ณ ขณะทำอยู่แล้ว
และความดีของหนูเป็นพลังให้หนูได้เรียนรู้ที่จะทำให้ดีขึ้น และมากขึ้น
ในพระพุทธศาสนากล่าวว่า
ความดีที่ทำอย่างเคลือบแฝงจะได้อานิสงส์น้อยกว่า
ความดีที่ทำมาจากจิตใจที่เป็นกุศลอย่างแท้จริง
หลายคน ยิ่งทำ จึงยิ่งแย่ลง
เพราะคิดว่าการทำคือการได้
ยิ่งทำกลับยิ่งยึดในความดีที่ตนเองทำ
แต่การทำความดีที่แท้เปรียบเหมือน "การคว่ำมือ" มิใช่"การหงายมือ"
การทำดีจึงต้องออกมาจากการที่คิดจะให้ ไม่ใช่คิดจะรับผลตอบแทนนะคะ
เขาเด่นก็เด่นในทางโลก
แต่ในทางธรรม เขาคือผู้สึกกร่อนทางจิตใจค่ะ
ปล่อยให้เขาเด่นเถิดลูก
วันหนึ่งหนูจะเรียนรู้วิธีการทำความดีเพื่อความดี และไม่ยึดในความดี
จงน้อมนำพระราชจริยาวัตรในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นหลักในการดำเนินชีวิตนะคะการเป็นหัวหน้า ต้องสั่งและ วิจารณ์ไปตามตรง ในเมื่องานมันออกมาไม่ดี อย่ามัวแต่ห่วง เรตติ้ง ....
สิ่งที่ทำให้หนูหมดกำลังใจสุดๆ คือ หนู เสนอแนะไปว่า แบบนี้ดีกว่าไหม (ทางโทรศัพท์) เค้าลืมกดวาง แล้วหันไปบอกกับคนอื่นๆว่า ยัยยนี่มันบอกว่า จะเอาแบบนี้ เท่านั้น ว่ะ
คนที่เปิดใจกว้าง คือผู้ที่พร้อมจะพัฒนาตน
หนึ่งในทศพิธราชธรรมที่ทำได้ยากสำหรับผู้เป็นใหญ่ก็คือ
"การอดทน" ทนทำงานกับผู้ไม่รู้และไม่ยอมรับรู้
แต่ก็ต้องทำต่อไปเหมือนพระมหาชนกที่ลอยคลออยู่กลางมหาสมุทรจนนางเมขลามาช่วย
เมื่อนางเมขลาถามพระมหาชนกว่า "ใยไม่ร้องขอความช่วยเหลือจากเทวดา"
พระมหาชนกบอกว่า"เกิดเป็นมนุษย์ต้องมีความเพียร"
การจะทำอะไรสำเร็จ อย่าตั้งจิตคิดว่าคนอื่นจะต้องคิดเหมือนเรา
หรืออย่าหลงคิดไปว่าเราสามารถที่จะโน้มน้าวใครให้เห็นตามเราได้
และอย่าหมดศรัทธาในการสร้างความดี ถ้าคิดจะกอปรกิจให้สำเร็จนะลูก
ลองอ่านการปิดทองหลังพระของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯดูนะคะ
ความดีที่แปะหน้าพระปฏิมา ใครๆก้อยากทำ อยากให้โลกแสร้ซ้อง
แต่ความดีที่ติดอยู่หลังพระมีคนทำน้อย
เรามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการทำดีแบบปิดทองหลังพระตามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกันดีกว่า
เป็นความดีที่อิสระ แค่ได้ทำก็อิ่มอก อิ่มใจ
ทำเพราะละ และคว่ำมือไม่รับสิ่งตอบแทน
ฝึกไว้นะคะ
แล้วหนูก็ไม่ต้องไปว่ากล่าวหรือโทษใครนะคะ
คนเรา ถ้าผูกมิตรไม่ได้ ก็อย่าไปสร้างศัตรูเพิ่มนะคะ
หวังว่าสิ่งที่คุณครูพยายามถ่ายทอดจากช่วงชีวิตที่ได้เกิดมานี้ พอจะเป็นประโยชน์ต่อหนู
การได้เกิดมาเป็นมนุษย์
คือภพเดียวที่ได้มาสร้าง"เหตุ" เพื่อจะได้เสวยผลต่อไป
ไม่ใช่มาผูกปมให้มากขึ้น ผูกทุกข์ ผูกโศกจนไร้ความใสของจิตใจ
ทำแต่สิ่งดีๆนะคะ
อยู่กับคนก็ต้องเจอความวุ่นวายเป็นธรรมดา
แต่ท่ามกลางพายุหมุนกระหน่ำ
ตรงจุดศูนย์กลางของพายุกลับพบแต่ความนิ่งสงบ
นั่นแหละคือ"ชีวิต"ค่ะ
หาความสงบให้ได้นะคะ