คุณครูมองว่าการศึกษาคือการลงทุน
เหมือนใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้
แต่อย่าลืมนะว่า
ปุ๋ยวิทยาศาสตร์เร่งดอกผลได้ไว
แต่หลายปีเข้าดินจะเสีย
ปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกมีแต่ประโยชน์และไม่ทำลายแต่กลับเป็นประโยชน์แก่เนื้อดิน
การพึ่งตนเองเหมือนการใช้ปุ๋ยหมัก
แม้นจะไม่รวดเร็วทันใจแต่ก็อาศัยธรรมชาติกิงใบของตนและเวลาบ่มหมักจนกลายเป็นปุ๋ย
ถ้าโลกนี้ไม่มีครู เราคงไม่ฉลาดกันทั้งประเทศหรือ?
แต่ถ้าโลกนี้ขาดความใส่ใจ ความรัก และความเพียร นี่สิสำคัญกว่า
เพราะองค์ความรู้มีอยู่ใกล้ตัว
เพียงแต่ว่าเรามีเวลาจำกัด
และอยากได้ผลผลิตที่ใหญ่ได้น้ำหนัก และรวดเร็ว
ถ้ามันจำเป็นก็ควรพึ่งปุ๋ยวิทยาศาสตร์เป็นครั้งคราวก็พอ
ไม่เช่นนั้นจะฟื้นเนื้อดินยาก
ถ้าคุณพ่ออนุญาตก็ควรพัฒนาความรู้ที่ได้
ให้กลายเป็นความรู้ที่ยั่งยืน
โดยใช้ความใส่ใจเป็นครูในโรงเรียน
ใช้การขวนขวายหาความรู้เป็นครูกวดวิชา
ใช้การสร้างสรรค์ฝึกลองเป็นห้องlabและใช้การตอบรับของพ่อแม่และผู้ใกล้ชิดเป็นคะแนนสอบ
เมื่อลงทะเบียนเรียนแล้ว
ต้องเรียนให้คุ้มกับหยาดเหงื่อพ่อแม่
อย่าเรียนทิ้งเรียนขว้าง
ยิ่งเรียน
ยิ่งทบทวนก็เท่ากับค่าเรียนถูกลง
ยิ่งนำไปสอนเพื่อนได้ยิ่งคุ้มค่าเรียน
แต่ถ้าคิดจะเรียนเพราะเกียจคร้าน
อย่าใช้เหงื่อพ่อแม่ไปแลกมาเลย
เสียดายเงินคงได้คำตอบแล้วนะอีหนูเอ๋ย