คือเราเป็นเด็กวิทย์ รร.ดังด้านแพทย์พอควร แต่เราไม่ชอบเลยอ่ะ
พ่อแม่เราเป็นหมอเราเลยรู้สึกว่าแพทย์มันหนักมาก ประกอบกับเราเรียนวิทย์ได้กลางๆของห้อง ชอบศิลป์แบบออกแบบ ดีไซน์คอม ภาพยนตร์และแอนิเมชัน ส่วนสังคมไทยไม่ไหวเลย
คือถ้าเราจะเข้าพวกจุฬาหรือไรที่มันดังๆของรัฐ ตามตรงเรากลัวไม่ติด คือเหมือนรู้ว่ายังไงไม่มีทางทำสังคมไทยได้คะแนนดีแน่
ถ้าเราไปม.เอกชน เรื่องเงินแม่สนับสนุน แต่เรารู้สึกแปลกๆที่เรียนวิทย์มานมนานแล้วก็เข้าเอกชน เพื่อนๆในห้องเราก็จะเป็นแพทย์กันทั้งนั้น ทำให้เราไม่มั่นใจ แต่เรารักด้านนี้จริงๆ
เราปรึกษาอาจารย์แนะแนวไม่ได้(ที่นี่ห่วยมาก) ลองคุยกับอาจารย์แนวติสท์ๆท่านหนึ่ง เค้าแนะนำสถาบันกันตนา คือแบบมันไม่ขึ้นว่ามหาลัยแล้วแปลกๆ (ไม่ได้หยิ่งในสถาบันนะ แต่แบบ มันดูไว้ใจไม่ค่อยได้ เรารู้ว่าที่นี่ดี แต่รู้สึกเหมือนถ้าไม่ได้เข้าของรัฐแล้วมันเหมือนเสียชีวิตของมหาลัยไปเลย) รุ่นพี่คนนึงบอกมกรุงเทพดีแต่คนเยอะไป คือมเอกชนอุปกรณ์จะดีกว่าแต่หางานทำยาก เราพล่ามไม่เป็นประเด็นอ่ะ แต่เราเครียดมากเรื่องนี้ ตอนนี้อยู่ม.4
ถ้าเราจะเข้ามรัฐ เราต้องเรียนติวแอดให้เท่าเพื่อนๆที่จะเข้าหมอ ไหนจะต้องเข้าใจวิทย์เรียนให้ทันห้องรักษาเกรด แล้วยังจะต้องรักสังคมไทย(เราพยายามแต่มันไม่ได้จริงๆ) ต้องมีเวลามากพอควรที่จะเรียนงานติสท์ๆเช่นวาดภาพแบบจิตรกร เรียนทฤษฎีศิลปะ แล้วเรียนและฝึกฝนด้านคอมกราฟฟิกภาพยนตร์ถ่ายรูป เรารู้สึกว่าแบ่งเวลายังไงก็ไม่ได้
ตอนนี้เราสับสนมาก เหมือนมาระบายมากกว่า ที่จริงอยากถามว่ามีใครพอจะแนะนำได้ไหมว่าเรียนที่ไหนดีอ่ะ บางทีตัวเลือกมันก็เยอะจนเลือกไม่ถูก แต่ถ้าแบ่งเวลาไม่ได้ตัวเลือกก็จะมีแต่เอกชน เราอยากเรียนด้านนี้ ถ้าเรามีความสามารถจริงและไม่เกลียดเราก็อยากเป็นหมอเหมือนพ่อแม่ อาชีพมั่นคง และสุขภาพมั่นคง ไม่รู้จะเขียนจบยังไง อยากได้การแนะแนวทาง กำลังใจ หรืออะไรก็ได้
ขอบคุณที่อ่านจนจบ อย่าว่าเราเลยนะเราเครียดจริงๆ
ตอนนี้ความกลัวครอบงำจนมองความรักในอาชีพไม่ถุก
รอสงบกว่านี้แล้วมองสิ่งที่ตนรักและถนัดดูสิคะว่าเราสoใจอะไร
คอยเทียบกับคนอื่นก้ไม่ต้องฝันกันพอดีนะลูก
คนเราต้องมีฝันและไม่ยอมทิ้งฝัน
คนที่เขาจะเข้าแพทย์ เขาก็เกิดมมาไม่รุ้อะไรเท่าเรา
เพียงแต่เขาเร่งสะสมความรุ้จนเลยตัวเราไปไกล
ถ้ารักอาชีพแพทย์จริงๆก้ต้องเข้มแข็งทางจิตใจ
เพราะแพทย์ไม่เพียงแต่ต้องรู้จริงเพราะชีวิตคนอื่นอยู่ในมือของเรา
แต่แพทย์ต้องมั่นคงในอารมณ์และที่สำคัญ รักชีวิตเพื่อนมนุษย์
ส่วนด้าน artist ต้องมี aptitude หรือความถนัดจนแตกฉานและมีจิตใจที่สุขุมอ่อนโยนจึงจะรังสรรค์ศิลปะที่งดงาม มิใช่ศิลปะที่จ้องลอกเีลียนและเน้นปริมาณมากๆเพื่อผลทางธุรกิจเพียงอย่างเดียว
แต่ละอาชีพตัดสินไม่ได้ด้วยคะแนน
เพียงคะแนนสะท้อนว่ามีฐานพอที่จะรับความรู้ต่อไป
ถ้าการศึกาายังเป็นเช่นนี้ หนูก็ต้องสร้างฐานตามที่เขากำหนดก่อน จึงจะได้ตามกติกาค่ะ
เปลี่ยนความสับสนมาเป็นการสั่งสมไหมคะ
จะได้ประโยชน์กว่าค่ะ
สู้ๆนะคะ