โถโถโถ
ม่ายเอา ...ม่ายเอา...
เป็นเด็กผู้ชายต้องไม่ขี้น้อยใจ ไม่คิดจุกคิดจิก
คุณครูเป็นเด็กศิลป์แถมยังเรียนอักษรฯ เรียนแต่อะไรๆที่มันอ่อนโยนน่ะ
แต่พอเข้าเซนต์คาเบรียล
เด็กชายล้วนสามารถเปลี่ยนคุณครูได้ภายในสามปี
ปีแรกแสนจะอ่อนหวาน โดนเด็กแกล้งทุกวัน
จนวันนี้พี่ๆพวกนี้โตเป็นหนุ่มติดยศพันตำรวจโท เป็นใหญ่เป็นโตไปหมดแล้วว
ปีแรกกะว่าจะทำให้เด็กพวกนี้อ่อนโยน
ที่ไหนได้ สามปีต่อมา....
เรากลับกลายเป็น
"จ่าฝูง"ไปซะงั้น
ต่อมาก็พบความแตกต่างของตัวเองคือเป็นคน"ไม่เก็บงำ"
อะไรไม่สบายใจก็จะ"ขอกัน"
คำที่จะได้ยินจากปากครูก็คือ
"นี่เธอ..พูดตรงๆนะ อย่าโกรธได้ป่ะ นิสัยเงี้ย ขอซื้อเหอะ อย่าทำอีกเลยนะ รับไม่ได้อ่ะ"
สุดท้ายก็ตบบ่ากันทีนึงแล้วก็พยักหน้าให้กัน
คนเรามีอะไรในใจ อย่ากลับไปคิดเอง
ความจริงขาก็ไม่ได้ติดกัน
ตัวก็ไม่ใช่แฝดอิน-จัน
ทำอะไรทำไมต้องรอทำพร้อมกันน่ะ
ชักช้าเสียการเสียงานตายเลย
แล้วยังเสียเวลามานั่งน้อยอกน้อยใจอีกอ่ะ
แต่เเรก ถ้าไม่เข้าใจอะไรกัน
ก็น่าจะใช้วิธีตรงๆ
ถามกันดีๆ
ถามแบบสุภาพชนนะ
น้อยมากก็ต้องได้คำตอบ
ถ้าคำตอบจะขัดเคืองหูไปบ้างก็ดีนะ
จะได้นำมาปรับปรุงตัวเรา
คิดของเราคนเดียวแล้วจะให้ใครมารู้ความคิดของเราได้ยังไงกัน
เขาเห็นจากมุมมองของเขา
เราก็เห็นจากมุมมองของเรา
ถ้าอยากให้เขาเห็นเหมือนเรา
ก็ชักชวนเขาให้มายืนตรงจุดที่เรามอง
แล้วขอเขาไปยืนตรงจุดที่เขายืน
คนเราย่อมีจุดดีและจุดบกพร่อง
ถ้าหมั่นลบจุดบกพร่องทิ้งเสีย
ชีวิตก็ไม่ต้องไปกระแทกกระทั้นโดนผู้ใดโดยไม่ได้ตั้งใจ
ถ้าไม่เข้าใจกัน ก็ต้องปรับความเข้าใจกัน
ยอมกันได้แล้วทุกอย่างดีขึ้นก็ยอมกันไป
ลืมบางอย่างได้แล้วใจสบายก็ลืมกันไป
จำในสิ่งดีๆ
คิดในสิ่งที่ทำให้เรามีพลัง
ถ้าคบแล้วสบายใจก็คบต่อ
ชีวิตถ้าสร้างมิตรไม่ได้
ก็ไม่ต้องไปก่อศัตรูเพิ่มเป็นเด็กผู้ชายอย่าอ่อนไหวนะครับ
ผู้ชายต้องเป็นผู้นำ
ถ้ามัวแต่อ่อนไหว
เราจะเสียเวลา และพลาดโอกาสทำอะไรดีๆให้ตนและคนรอบข้างไปอีกเยอะเลย
เชื่อคุณครูนะครับ