สวัสดีค่ะคุณครูสมศรีแล้วก็ทุกๆคน
คือว่าหนูมีปัญหาในชีวิตหลายอย่างเหมือนกันค่ะ แต่หนูก็ทนกับมันมาตลอด ฝืนยิ้มให้กับทุกๆคน ให้กับโลกใบนี้ เพียงเพื่อไม่อยากให้ทุกคนหม่นหมองตามเราไป บางทีหนูก็หนีปัญหา ไม่สนใจมัน แต่ก็มีบางครั้งที่หนูคิดจะแก้ปัญหา แต่ก็ทำไม่เคยได้เลย หนูก็เลยตัดสินใจมาปลดปล่อย บางทีชีวิตหนูอาจจะดีขึ้นกว่านี้ก็ได้ค่ะ (เก็บกดมานาน ไม่อยากเป็นไอ้ขี้แพ้)
เล่าประวัตินิดนึง…หนูเป็นเด็กสายวิทย์ เด็กต่างจังหวัด(ถิ่นระเบิด) หนูยอมรับเลยว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหนูไม่เคยอ่านหนังสืออย่างจริงๆจังๆซักที ไม่ว่าจะเป็นอ่านก่อนเรียน ทบทวนหลังเรียน อ่านเตรียมสอบที่โรงเรียน หรืออ่านเตรียมเอนท์ มันมีปัญหาหลายๆอย่างที่ทำให้หนูเป็นแบบนี้ นั่นก็คือ
1.งานที่โรงเรียนเยอะมากๆ อาจารย์ให้การบ้านเยอะ โดยเฉพาะงานกลุ่ม/งานห้อง หนูเป็นคนที่ชอบรับงานมาทำเองคนเดียว เพื่อนๆก็ไม่ห่วง เพราะเค้ารู้ว่าหนูเป็นคนทำงานออกมาดี ดีกว่างานของหนูเองซะอีก เพราะหนูทุ่มเทเวลากับงานอื่นที่ไม่ใช่งานตัวเองมากๆ แม่ก็เคยบ่นว่า “มัวแต่ทำให้คนอื่นอยู่นั่นแหละ งานตัวเองไม่รู้จักทำ หนังสือก็ไม่อ่าน” หนูก็จะบอกแม่ว่า “มันก็คะแนนหนูเหมือนกันค่ะแม่ ถ้าไม่ทำก็ไม่มีคนทำ” อะไรประมาณนี้ หนูก็ไม่รู้ว่าการที่หนูทำแบบนี้แล้วเค้าเรียกว่าเป็นคนดีรึป่าว แต่หนูคิดว่าหนูทำแล้วหนูได้ประสบการณ์ หนูก็เลยทำมาตลอด ไม่ได้คิดอะไรมาก เวลาที่ผ่านไปในแต่ละวันของหนูก็เสียไปกับการทำการบ้าน ทั้งงานกลุ่ม/งานห้อง/งานเดี่ยว หนูก็เลยไม่ได้อ่านหนังสือ จริงๆก็ไม่มีความคิดที่จะอ่านด้วยซ้ำ เพราะทำเสร็จก็นอนเลย
2.หนูเป็นเด็กกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน อาจารย์ที่โรงเรียน หรือพ่อแม่ ก็จะบอกว่าหนูเป็นเด็กขยัน(ทำกิจกรรมแต่ไม่ขยันอ่านหนังสือ)มากๆ ตอน ม.5หนูก็เป็นคณะกรรมการนักเรียน เป็นคนที่บ้างานมากๆ บางทีคนในโรงเรียนคิดว่าหนูเป็นประธานนักเรียน เพราะหนูทำงานเยอะ มีโดดเรียนบ้าง แต่ทีจริงแล้วหนูเป็นแค่เหรัญญิกเอง โรงเรียนของหนูมีกิจกรรมเยอะมากๆ แทบจะทุกสัปดาห์เลยก็ว่าได้แล้วคนจัดกิจกรรมก็ไม่ใช่อาจารย์ แต่เป็นพวกหนู คณะกรรมการนักเรียน 12 คนเอง แบบว่า ม.5นี่ทุ่มเททั้แรงกายแรงใจให้กับโรงเรียน ทำเพื่อโรงเรียนสุดๆ วันๆก็สิงสถิตอยู่แต่โรงเรียน ไปโรงเรียนเตรียมเปิดเพลงเข้าแถว เตรียมข่าวประกาศตั้งแต่ 7 โมง ตอนเย็นก็ทำงานคณะฯอยุ่ที่ห้องคณะกรรมการนักเรียนจนถึง 3-4 ทุ่ม ไม่เว้นวันหยุดราชการ ปกติวันเสาร์-อาทิตย์ แอนๆเค้าจะเรียนพิเศษอ่านหนังสือกัน แต่หนูอยู่แต่ห้องคณะฯ เรียนพิเศษ 3 ชม. ในแต่ละวันกลับมาถึงบ้านก็ไม่ค่อยได้ทำอะไร เพราะมันดึกแล้ว ทำภารกิจส่วนตัวเสร็จก็จะดูทีวี ทำการบ้าน แล้วก็เข้านอน สาเหตุนี้เองที่ทำให้หนูไม่ได้อ่านหนังสือ แถมหนูก็ทำงานกลุ่ม/งานห้องน้อยลง ส่งผลให้หนูมีปัญหากับเพื่อนด้วยค่ะ แต่เพื่อนเค้าก็เข้าใจเรานะแหละ เพราะเราทำงานหนัก คุยกันได้ (แต่มันก็ทำให้หนูเครียดนะคะ)
3.หนูไม่ค่อยมีสมาธิ มีจิตใจจดจ่ออยู่กับอะไรได้ไม่นาน คืออยู่บ้านหนูไม่มีห้องส่วนตัว เวลาทำการบ้าน อ่านหนังสือก็จะทำที่ห้องนั่งเล่น อยู่ในสายตาพ่อแม่ตลอดเวลา พ่อแม่ก็เปิดทีวีดู เวลาทำอะไรหนูก็เลยไม่มีสมาธิ วอกแวกตลอด ก็เลยกลายเป็นคนทำงานช้าไปด้วย แล้วถ้าหนูทำการบ้านเสร็จ แทนที่หนูจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน หนูกลับชอบหาอะไรที่ไร้สาระมาทำแก้เซ็ง เช่น ทำสิ่งประดิษฐ์ติ๊งต๊อง ออกแบบกล่อง ทำกล่องเล่น วาดรูป ปักครอสติช หนูใช้เวลากับของไร้สาระพวกนี้ไปมากจนเข้านอนเลย หนูก็เลยไม่อ่านหนังสือ แต่ถ้าหนูมีโอกาสอ่านหนังสือจริงๆ อ่านได้ไม่นานก็จะเบื่อ แล้วก็ดูทีวีอย่างเดียวไปเลย แม่ก็จะบ่น บางทีหนูก็ไปนอน บางทีหนูก็ออกไปอ่านที่โต๊ะกินข้าวอีกห้องนึง แต่หนูก็ยังไม่มีสมาธิอยู่ดี หูของหนูมันหาเรื่องต้องการจะฟังเสียงทีวีตลอด หรือถ้าหนูไปอ่านที่ห้องนอน อ่านไม่ถึงหน้าก็จัหลับ ตื่นมาอีกทีก็ตี 2-3 ก็จะหลับยาวจนถึงเช้าเลย
4.หนูเป็นคนที่เบลอๆ สับปะหงกบ่อยมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนที่โรงเรียน เรียนพิเศษ เรียนติว หรือเวลาอ่านหนังสือ หนูจะมีอาการง่วงนอนแล้วก็สับปะหงกเปนประจำทั้งๆที่หนูก็ไม่ได้นอนดึก หนูหลับจนเพื่อนๆต้องปลุก อยู่บ้านแม่ก็จะหยิก ไปล้างหน้าล้างตา ตบหัวตบหน้าตัวเองก็ไม่ดีขึ้น ก็ไม่รู้จะทำยังไง การที่หนูหลับบ่อยๆ เวลาเรียนหนูก็เลยได้รับความรู้ไม่เต็มที่ บางทีก็งงๆ กลายเป็นเด็กที่ไม่ตั้งใจเรียนไป เวลาอ่านหนังสือหนูก็จะหลับ ทำให้อ่านไม่รู้เรื่อง อ่านเพียงเพื่อให้จบๆไปเท่านั้น เพราะหนังตากับหัวสมองมันไม่ไหวจริงๆ
5.หนูมีกระบวนการเรียนรู้ที่ไม่ดี หรือจัดระบบความรู้ในหัวสมองไม่ได้ หรือดึงความรู้ที่มีอยู่มาใชจริงๆไม่เป็นก็ไม่ทราบค่ะ หรือเป็นทั้ง 3 อย่างเลยก็ไม่รู้ เรพาะว่าเวลาหนูเรียนมันก็เข้าใจดี แต่พอสอบ หรือเพื่อนถาม เรากลับตอบไม่ได้ แล้วก็มีครั้งหนึ่งคือ อาจารย์สังคมบอกให้ไปท่องช้อยส์มา จะสอบปลายภาค ทุกคนก็ดีใจไม่ต้องอ่านแค่ท่องช้อย 200 ข้อ อาจารย์ดึงไปออก 80 ข้อ หนูก็อ่านโจทย์ แล้วก็ท่องช้อยส์ 2-3 รอบ ก่อนสอบก็ถาม-ตอบกับเพื่อนๆ แต่พอทำข้อสอบหนูกลับจำไม่ได้ซักข้อเลย เดาทุกข้อ กามั่วอย่างเดียวเลย แบบว่าเซ็งมากๆ เพื่อนเค้าทำได้กันหมด แถมยังรู้ด้วนว่าอาจารยพิมข้อสอบผิด หนูก็ไม่รู้เรื่องกับเพื่อนเค้าเลย แล้วหลังสอบเสร็จ 2-3 วัน หนูก็เจออาจารย์ที่โรงเรียน อาจารย์ถามว่า “ไม่ได้อ่านหรอ” หนูก็ตอบไม่ถูก จะให้บอกไปว่าอ่าน 3 รอบ แถมยังติวกับเพื่อน แต่ทำไม่ได้มันก็เหมือนว่าโกหก หนูก็ได้แต่ยิ้ม สวัสดี แล้วก็เดินจากไป ปล่อยให้อาจารย์งง … ส่วนวิชาที่ต้องคิดเลข คือ คณิต เคมี ฟิสิกส์ มันก็ต้องอาศัยการฝึกทำโจทย์เยอะๆ หนูก็มีหนังสืออยู่เต็มบ้าน แต่ไม่มีร่อยรอยการทำเลยซักนิด คือหนูเข้าใจในเนื้อหา แต่พอเห็นโจทย์แล้วมันกลับนึกไม่ออกว่าต้องคิดยังไง ไม่รู้จะเริ่มทำยังไงดี ไม่รู้ว่าโจทย์ต้องการจะวัดเราเรื่องอะไร หนูก็เลยทำข้อสอบไม่ได้ พอทำไม่ได้หลายๆข้อมันก็เลยท้อ แล้วหนูก็ปล่อยมันไปเลย … อีกวิชาที่หนูเครียดก็คือ English ซึ่งเป็นวิชาที่สำคัญมาก หนูก็รู้ศัพท์เยอะ แต่หนูกลับทำข้อสอบไม่ได้เลยค่ะ พวก error reading cloze test หนูก็ทำไม่ได้เพราะไม่รูเรื่องไวยกรณ์ แปลบทความก็ไม่ออก จับจุดไม่ถูกเลยค่ะ การทำข้อสอบ English ของหนูทุกครั้งจึงเป็นแค่การเดา
6.หนูทำตามเป้าหมาย ทำตามแผนที่วางไว้ไม่ได้ คือหนูพึ่งเริ่มคิดที่จะขยัน แล้วก็เขียนว่าวันนี้ต้องทำอะไรบ้าง พรุ่งนี้ต้องทำอะไรบ้าง เช่น อ่านชีวะ ทำโจทย์คณิต ทำข้อสอบ smart 1 ท่องศัพท์ แต่หนูทำได้อย่างมากแค่อย่างเดียว บางทีก็ทำไม่ได้เลยค่ะ หนูรู้สึกว่าตัวเองใช้เวลาอย่างไร้สาระมาก วันๆเอาแต่ไร้สาระ พยายามฮึดสู้ แต่มันก็ไม่มีกำลังใจ ไม่มีแรงยังไงไม่รู้
หนูอยากเรียนบัญชี มันก็ต้องเก่งคณิตกับ English แต่หนูก็ไม่เก่งซักอย่าง หนูก็เครียดมากๆ ชอบคิดมาก ควบคุมจิตใจไม่ค่อยได้ หนูพยายามจะขยันๆๆๆขยันให้มากขึ้น แต่เวลาคิดได้มันก็ทำได้แค่ 1-2วันก็ไม่ไหว คำพูด กำลังใจของเพื่อน อาจารย์ พ่อแม่ คุณครูสมศรี หรือตัวหนูเอง มันทำให้หนูฮึดสู้ได้เพียงระยะสั้นเท่านั้น หนูเปลี่ยนแปลง/พัฒนาตัวเองไม่ได้เลยค่ะ หนูเครียดมาก ชอบร้องไห้คนเดียวเป็นประจำ แล้วก็จะโทษตัวเองว่าทำไมทำไม่ได้ซักที แต่มันก็ทำไม่ได้จริงๆ หนูไม่อยากเป็น “ไอ้ขี้แพ้” หนูอยากมีอนาคตที่ดี แต่ตอนนี้หนูรู้สึกว่าหนูเป็น “ไอ้ขี้แพ้” ยังไงก็ไม่รู้ หนูท้อแท้กับชีวิตมาก คุณครูช่วยหนูทีนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ ^^
ปล.อีกอย่างคือเพื่อนๆหนูมักจะคิดว่าหนูซุ่มอ่านหนังสือ แต่จริงๆไม่ใช่เลย หนูบอกไปเพื่อนๆก็หาว่าหนูโกหก แล้วก็โกรธหนูอีก หนูไม่รู้จะอธิบายให้เพื่อนฟังยังไงค่ะ ขอความคิดเห็นหน่อยนะคะว่าจะต้องทำยังไงดี หนูไม่อยากมีปัญหากับเพื่อนเลยค่ะ
ปล2.พิมพ์มาย๊าว ยาว เหนื่อยเหมือนกัน แต่การพิมพ์ครั้งนี้มันคงคุ้ม หนูจะรอวันที่คุณครูช่วยหนูนะคะ … “รัก”
[/size]

พี่ปุมป้ยตอบน้อง
อย่างยาวจริงๆด้วย
แต่พี่กลับมองว่า หนู"เจ๋ง" นะ อย่างน้อยที่สุดหนูก็ยังรู้ตัวว่าหนูมีปัญหา และรู้ด้วยว่าปัญหาคืออะไร
เพราะพี่เคยไม่รู้ตัว สนุกกับกิจกรรม สนุกกับเพื่อนๆ พี่ๆ สุดท้ายได้ F มาประดับ transcript
แต่เป็นเกรดที่คุ้มมาก และโชคดีมากที่ได้มาตั้งแต่เทอมแรกๆของการเรียนมหาวิทยาลัย
เพราะมันทำให้พี่ปวดหัวใจแล้วก็ขยาดมาก (ทั้งที่ไม่มีใครรู้ ที่บ้านพี่ก็ไม่เคยสนใจเรื่องการเรียนของพี่อยู่แล้ว)
ฉะนั้นไม่ว่าจะทำกิจกรรมกี่ล้านอย่าง จะไม่ทิ้งเรื่องอ่านหนังสือสอบอีก
ทีนี้กลับมาที่ปัญหาของหนู
อ่านมามีหลายปัญหา แต่พี่คิดว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับหนูคือ
"หนูลืมเอาศักยภาพที่แท้จริงที่หนูมีในตัวอยู่แล้วมาใช้กับการเรียนด้วย"
ที่จริง การทำกิจกรรม ไม่ได้ง่ายไปกว่าการเรียน
ถ้าหนูทำกิจกรรมได้ดีขนาดนั้น ทำไมเรื่องเรียนให้ดีเราจะทำไม่ได้
เทคนิคง่ายๆ จากพี่
- ที่ไหนในบ้านก็อ่านหนังสือได้ อย่าตั้งเงื่อนไขกับตัวเองมาก เราจะโดนความขี้เกียจมันหลอกเอา ว่าเพราะตรงนั้นไม่ดี ตรงนี้ไม่เหมาะ แต่จริงๆ เป็นเพราะเราขี้เกียจ
เราไม่สู้(รึป่าว) พี่เห็นด้วยเรื่องที่เงียบๆ ถ้าคุณแม่ดูทีวีมุมนี้ ย้ายไปอีกมุมเลย ตรงไหนก็ได้ นั่งคาบันได ดาดฟ้า ที่ไหนที่เงียบ ไม่ทำให้เบื่อ พี่นั่งอ่านมาหมดแล้ว
ที่จริง การอ่านหนังสือ ก็แค่ การที่เรา ใจของเรา อยู่กับเนื้อหาในหนังสือ แค่นั้นเอง อย่าคิดมาก ไม่งั้นเราจะจำข่าวข้างถุงกล้วยแขกที่เราอ่านตอนเดินกินได้ยังไง
- ถ้าวันไหนเพลีย ทำโจทย์แทนการอ่านหนังสือ ตอนเตรียมเอ็นท์ พี่ทำกระดาษคำตอบเองเป็นร้อยแผ่นเลย ทำโจทย์แล้วกาใส่กระดาษ เวลาตรวจตรวจง่าย
ระบุวิชาและปีของข้อสอบที่ทำ เก็บไว้เป็นสถิติ เวลาทำครั้งต่อไป เราจะอยากทำให้คะแนนสูงกว่าเดิม การทำโจทย์จะสนุกขึ้น (สำหรับพี่นะ)
- เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับว่า คนเรามีเวลาเท่ากัน ถ้าหนูทำกิจกรรมของโรงเรียนมากกว่าเพื่อน หนูก็ต้องลดเวลาของกิจกรรมอย่างอื่นให้น้อยกว่าเพื่อน
พี่เองก็บ้ากิจกรรมไม่แพ้หนูหรอก รับรองได้ พี่เป็นประธานรุ่นของเพื่อนเภสัช ตอนนี้ทำงานทุกวัน เรียนโทวันเสาร์-อาทิตย์ เป็นประธานรุ่นที่เรียนโทด้วย ทำงานให้ชมรม MBA
แน่นอนเวลาเรามีเท่ากัน พี่ต้องเลือกเอากิจกรรมบางอย่างออก เช่น การดูทีวี การคุยโทรศัพท์กับเพื่อนนานๆ เพื่อให้งานพี่เสร็จตามกำหนดทุกอย่าง ให้พี่ได้นอนเพียงพอและออก
กำลังกายด้วย หนูลองลิสต์กิจกรรมของหนูดูซํก 3 วัน แล้วเอามาวิเคราะห์ว่า อันไหนตัดออกได้ น่าจะทำให้หนูมีเวลาอ่านหนังสือมากขึั้น
- เวลาที่เราตั้งเป้าหมายว่าเราจะทำอะไร ให้ตั้งเท่าที่เราจะทำได้จริง เช่น ถ้าพรุ่งนี้เป็นวันหยุด อย่าไปตั้งว่า จะทำโจทย์เลข อ่านชีวะ ท่องศัพท์
แต่ให้ตั้งว่า จะอ่านชีวะให้จบ 1 บท บทไหน ระบุไปเลย ระบุด้วยว่าจะอ่านกี่โมงถึงกี่โมง ช่วงแรกๆ เผื่อเวลาหน่อย พอเราทำได้บ่อยขึ้น เราจะเริ่มรู้ว่า
จริงๆแล้วเราต้องใช้เวลากับการอ่านชีวะ 1 บท ทำโจทย์เลขย้อนหลัง 1 ปี กี่นาที แล้วจะประมานเวลาได้แม่นขึ้น แต่การต้ังเป้าสั้นๆ ชัดเจน
จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายได้ง่ายขึ้น ทุกครั้งที่เราทำสำเร็จ เราจะมีกำลังใจและเข้มแข็งขึ้น ถ้าหนูตั้งเป้าหมายหลวมๆ เว่อร์ๆ สุดท้าย พอทำไม่ได้
หนูจะยิ่งอ่อนแอ แล้วก็จะท้อใจ (อย่างที่เป้นอยู่) ซึ่งทั้งที่จริงๆ เราทำมันได้ เขียนแผนที่จะทำเป็นหัวข้อตัวใหญ่ๆ แปะไว้ พออ่านจบ 1 บท
เอาปากกาฆ่าทิ้งเลยว่าทำเสร็จแล้ว (สำเร็จแล้ว) จะสะใจมาก ช่วยเสริมแรงในการทำงานของเราในข้อต่อไป
- หาอะไรก็ได้มาเตือนตัวเอง ว่าเราต้อง "สู้" เอาแบบว่า พอขี้เกียจจะลุกจากที่นั่งอ่าน แล้วสายตาสาดมาเห็นกระดาษใบนี้แล้วฮึดเลย ไม่ไปแล้ว นั่งอ่านต่อ
เช่น ถ้าวันนี้ไม่อ่าน มีเวลาอีกชาติก็อ่านไม่จบ เอารูปคุณครูสมศรีไปแปะไว้ก็ได้ น่ากลัว เอ้ย! เป็นแรงกระตุ้นที่ดีมากๆ (ถ้าเป็นพี่ เดี๋ยวคุณครูก็จะมาตอบกระทู้หนู
พี่จะ Cut เอาที่ครูตอบ มา Print ใส่กระดาษตัวโตๆ แล้วแปะให้ทั่วเลย)
- เวลาทุกนาทีมีค่า กระดาษศัพท์ของคุณครู พับอยู่ในกระเป๋ากระโปรงพี่ทุกวัน แค่ชั่วระยะเวลาเข้าแถวตอนเช้า หยิบมาท่อง พอเลิกแถวเราได้ 1 คำแล้ว เดินจากหน้าโรงเรียนไป
ห้องเรียน หยิบมาดูอีก 1 คำ ได้อีกแล้ว (แต่ศัพท์คุณครูพี่ท่องได้ทีละ set นะ) พี่จะลอกศัพท์ สูตรเคมี สูตรเลข ใส่กระดาษเขียนด้วยเมจิกตัวใหญ่ๆ แผ่นนึงไม่ต้องเยอะ
แปะไว้ข้างฝักบัว เอาไว้ดูตอนอาบน้ำ หน้ากระจกที่แปรงฟัน บนเพดานที่พอล้มตัวนอนแล้วจะเห็น อาบน้ำเสร็จ แปรงฟันเสร็จ วิ่งออกมาลองเขียนเลย ดูซิจำได้มั้ย
นี่แหละ จะวัดว่าเราผ่านมัน หรือ อ่านมัน หรือ ท่องมัน- อะไรที่ต้องท่องจำ อย่าใช้อ่าน อย่านึกในใจ ให้ท่องมันด้วยการเขียน อย่างที่บอก พอเราสมาธิไม่ดี เราท่องในใจ ยังไม่ทันจบประโยค ใจเราคิดเรื่องอื่นไปแล้ว
ทั้งที่เรายังท่องมันออกมาไม่หมด แต่เราคิดว่าเราจำมันได้แล้ว เพราะฉะนั้น เขียนๆๆๆ
ยาวเหยียดกว่าคำถามอีก แต่พี่ก็ขุดเอาเทคนิคที่พี่ (ซึ่งมีพฤติกรรมคล้ายหนู) ใช้แล้ว work มาแบ่งปันกัน
หวังว่าจะมีประโยชน์กับหนูบ้างนะ
อย่าลืม!! อย่าให้ตัวเองโดนหลอก (ปิศาจตัวร้ายจะชอบมากระซิบเราว่า "นอนเถอะวันนี้เหนื่อยมากแล้ว" "ไม่ต้องรีบอ่านหรอก พรุ่งนี้ค่อยอ่านก็ทัน เพื่อนก็ยังไม่ได้อ่าน")
ถ้าเราเชื่อ เราก็โดนหลอก หลอกให้ขี้เกียจ หลอกให้อ่อนแอ ฉะนั้น เราต้องบอกตัวเองเยอะๆ ว่าเราทำได้ เราทนไหว เราไม่ได้เป็นขี้แพ้
ถ้าเราเอาชนะมันได้ในครั้งแรก ครั้งต่อไปเราจะชนะมันง่ายขึ้น แล้วมันจะไม่มากระซิบข้างหูเราอีกเลย เพราะมันรู้ว่ายังไม่เราก็จะอ่านให้จบ ทำให้ได้อย่างที่ตั้งใจ
สู้ๆ นะ พี่รู้ว่าหนูทำได้