สวัสดีครับครู สม ศรี
ผม ได้เริ้มเข้ามาอ่านบอร์ดของครูเมื่อไม่นานามานี้ครับ
ตอนนี้ปีนี้ ผมกำลังเรียนอยู่ชั้น ม.4ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในกทม. นำหน้าว่า สาธิต๐ อยู่ๆ แถวๆหัวหมาก ปีนี้ขึ้นม.5 ครับ
ครูครับผมขอเล่าว่า....
ตอนนั้น ป.6 ผม กำลัง จะสอบเข้าที่โรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งโรงเรียนแห่งนั้น ก็คือ โรงเรียนที่ผมกำลังศึกษาอยู่ในขณะนี้
โรงเรียนได้เปิดสอบเข้าเร็วมาก ผมก็ไม่ทราบหรอกครับ่วามันดียังไง แต่พอบอกว่าให้ลองไปสอบดู โดยที่ผมไม่ได้ตั้งใจว่าจะติด แต่ผมก็ได้อ่านหนังสือไปสอบนะครับ(อ่านเยอะมากด้วย)
สุดท้ายผลออกมาว่าผม สอบติดที่นี่ แม่-พ่อ-ผมดีใจมากครับ
แต่ความจริงแล้ว ผมไม่ได้อยากเข้าหรอกครับโรงเรียนนี้ ผมอยากเข้าห้องเรียนพิเศษ ของโรงเรียนอีกแห่งหนึ่ง เป็นโรงเรียนชายล้วน อยู่ตรงใกล้ๆหัวลำโพง หน้าโรงเรียนมีคลองผ่าน แต่ผมก้ได้อ่านหนังสือไป สอบนะครับ ปรากฏว่า ผมสอบห้องเรียนพิเศษไม่ติดครับ--* ตอนนั้นผมรู้สึกแย่มากๆเลยครับ แต่ว่าพี่ผมเคยเป็นศิษย์เก่าอยู่ที่นั้น สนิทกับอาจารย์ที่นั่นมากๆเลย พี่เขาบอกว่า น้องอยากเข้าหรือเปล่าถ้าอยากเข้า อาจารย์นช่วยได้ พอกลับมาที่บ้าน ผมก็มานั่งคุยกับแม่ พ่อ ว่า ถ้าเข้าไปแล้วผมจะทำตัวยังไง เข้าไปโดยไม่ใช้ความสามารถของตัวเอง จะถูกคนอื่นมองว่าเป็นแกะดำหรือเปล่า เรียนแล้วจะมีความสุขหรือเปล่า สุดท้ายแล้วผมก็ไม่ได้เลือกจะเข้าห้องพิเศษ แต่ต่อมาก็มีสอบห้องปกติ ผมก็ได้ไปสอบอีกครั้งหนึ่ง สุดท้าย ผมสอบติดของห้องเรียนปกติที่นั่นครับ แต่แล้วด้วยเหตุหลายๆอย่างรวมถึงความผิดหวังของผมที่ไม่ได้ห้องเรียนพิเศษ ผมจึงตัดสิยใจ ไม่เข้าที่นั่น จึงเลือกมาเข้าเรียนม.1ณ. ที่โรงเรียนแห่งนี้แทน
โรงเรียนที่นี่แต่ก่อน เปนโรงเรียนที่ดีๆๆๆๆๆๆๆมากๆๆๆๆๆเลยที่เดียวครับในอดีต พ่อเคยบอกว่า พี่ผมที่เป็นแพทย์เคยมาสอบ หรือ พี่สาวลูกพี่ลูกน้อง ก็เคยมาสอบแต่ว่าสอบไม่ติด แสดงว่าโรงเรียนนี้เข้ายาก คงเก่งแน่ๆ แต่ผมก็งงครับว่าทำไมผมถึงสอบติด !
ดูเหมือนว่าอะไรหลายๆอย่าง จะลงตัวครับ
แต่กลับว่ามันไม่ใช่เลย สิ่งที่ผมคาดหวังว่าจะเข้ามาเจอสิ่งที่ดีๆมาคลาดเคลื่อนไปหมดซะทุกอย่าง
เริ่มแรกเลยนะครับ ผมบอกก่อนเลยว่า การเรียนพิเศษของผม ผมเพิ่งจะมาเริ่มเรียนจริงๆ ตอน ม.3 ต้นปี เพื่อเตรียม สอบเข้าโรงเรียนเตรียม ดังนั้น ม.1 ม.2 ผมยังไม่รู้ภาษามากเท่าใดนัก ทำให้ไม่ค่อยเรียนเก่งมาก แต่ผมก็ขยันอ่านหนังสือนะครับ หมั่นทำการบ้านบ่อยๆ แม้ว่าโรงเรียนผม จะไม่เน้นนักเรียนด้านวิชาการเลย อะไรๆที่โรงเรียนอื่นเขาสอนกัน โรงเรียนผมไม่สอนหรอกครับ ผมได้ไปดูการบ้านของเพื่อนๆต่างโรงเรียนผมเห็นเเล้วแทบอยากจะร้องไห้ว่า นี่หรืออะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด ทำไมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย โรงเรียนเรามัวแต่ให้ทำกิจกรรม มากมาย ตอนสอนก็ไม่เข้าใจ(อันนี้เพื่อนๆทุกคนในระดับชั้นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันนะครับ ผมไม่ใฝช่ไม่ตั้งใจเรียนนะครับครู) แต่ผมก็บอกกับตัวเองว่า "ไม่เป็นไรๆ โรงเรียนไม่ให้ ก็น่าจะหาเองได้นะ" ตอนนั้น ก้พยายามไปซื้อหนังสือมาอ่านเอง แต่อย่างว่าอะครับ ผมไม่ใช่ครู ไม่ใช่เด็กอัจฉริยะ จะอ่านเองรู้เรื่องได้อย่างไร สุดท้ายแล้วผมก้รู้เรื่องมากขึ้นจากการมาเรียนพิเศษ
ต่อมาก่อนการสอบเข้า รร.เตรียม ม.3 ผมก้รู้เรื่องอย่างมากในทุกๆวิชาจากการเรียนพิเศษเอาเอง ทำให้มั่นใจมากขึ้น แต่ตอนนั้นผมยังไม่รู้จัก ครูสมศรีซึ่งสอนอังกฤษหรอกครับ(มันคงเปนความโชคร้าย ที่ผมไม่ได้เรียนกับครู ทำให้ไม่รู้เรื่องเลย ถ้าผมได้เรียนครูตอนนั้น ชีวิตผมอาจจะเปลี่ยนไป อาจสอบติดที่เตรียม ไม่เหมือนตอนี้ก้ได้) ก่อนสอบผมก็ได้อ่านหนังสือหนัก เหมือนกับเพื่อนๆทุกคนที่เขาพยามยยามกัน แต่ทว่า ผมก็สอบเตรียมไม่ได้ แต่ลำดับที่ผมอยู่เกือบแล้ว ในสายวิทย์ที่เข้า จะรับ 1ใน 800 พ่อถามผมว่า จะเข้ามั้ย ผมก้บอกพ่อไปว่า "พ่อ มีเงินหร่อ" ตอนนั้นในใจผมอยากตะโกนบอกพ่อออกมาดังว่า " (พ่อ ผมขอโทษนะ ผมทำเต็มที่มากๆแล้ว แต่ก็สอบเข้า ที่เตรียมไม่ได้ ผมขอโทษ ที่ผมเอาเงินพ่อมาใช้กับการเรียนไปมากๆ แต่สุดท้าย ไม่มีอะไรได้กลับมา" พ่อไม่ค่อยมีเงินมากพอ พ่อถามว่า อยากเข้า เด๋วพ่อเอา...ช่วยให้มั้ย ผมบอกว่าไม่ต้องหรอก พอเถอะ พ่อไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น ยังมีพี่ กับน้องที่ต้องเรียนอีก สุดท้ายผมก็ไม่ได้เข้าไปเรียนที่ชื่อว่า เตรียมอุดม
ครูครับ ผมอยากถามครูว่า ตอนนี้ผมเริ่มกับครูได้ 2 คอร์สแล้ว
ผมได้เริ่มนับหนึ่งใหม่ ซึ่งการนับครั้งนี้ผมต้องการสอบเข้าแพทย์ ตอนนั้นผมคิดว่า ถ้าผมสอบเข้าเตรียมได้ ผมคงสามารถ มีโอกาส ที่ดีว่านี้ ที่สามารถสอบติดได้มากกว่า ผมจึงลองย้อนคิดไปว่า ถ้าตั้งแต่ป.6 ผมสอบเข้าห้องเรียนพิเศษ นั่นได้ ผมคงอาจติดเตรียม เพราะว่าโรงเรียนที่ผมอยู๋ตอนนี้ มันไม่ไหวแล้วจริงๆ ผมไม่รู้ว่าผมเป็นคนอกตัญญูหรือเปล่านะครับ บางวิชา อย่างเช่น ตอนเช้า เคมี ผมเข้าไปนั่งเรียน เหมือนผมไม่ได้อะไรจากมัน ผมได้ปิดกั้นนะครับครู ผมตั้งใจเรียน แต่ว่ารู้สึกมองนาฬิกาตลอดเวลาว่าเมื่อไหร่จะหมดคาบ...บางครังผมหยุดอยู่บ้านเพื่ออ่านหนังสือเองก็มีครับครู
ผมคิดว่าต่อจากนี้ โรงเรียนนี้ที่ผมเรียนอยู่ ผมรู้อย่างเดียว สิ่งที่ผมได้จากที่แห่งนี้ คือ มิตรภาพจากเพื่อนที่ดี แล้วกับอาจารย์บางท่านเท่านั้น วิชาการ ความรู้โรงเรียนผมแทบไม่ได้ให้อะไรมาเลย ผมไม่รูว่าความฝันของที่จะสอบเข้าแพทย์นั้น ยังพอมีเลยอยู่หรือเปล่า ตอนนี้ผมก็กำลังขึ้น ม.5 แล้ว อีกเวลาแค่2ปีผมจะสามารถทำมันได้มั้ย ตอนนั้น ผมเรียน คอร์ส Grammar แล้วมีพี่คนนึงมาพูดชื่อว่า พี่.. จำไม่ได้อะครับ ที่เค้าเรียนอยู่ มหิดลวิทย์ แล้วได้ทุนนักวิจัยอ่าครับ >>> คือผมรู้สึกท้อมากๆๆอิจฉาพี่เค้าด้วยว่า เนี่ยโรงเรียนพี่เค้ามีสิ่งแวดบล้อมที่ดีมากๆๆโรงเรียน ได้จัดการนักเรียนหลายๆเรื่องมากๆ ทั้งความรู้ต่างๆ การบีบบังคับ ให้อ่านหนังสือ ผมชอบมากๆเลยครับ แต่พอเปรียบเทียบกับโรงเรียนผม ไม่มีอะไรเลยครับ มีแต่สอนพวกกิจกรรม ออกค่าย ต่าง พวกการใช้ชวิตมากกว่า ผมคิดว่า ตรงจุดนั้น ผมได้รับมันมากเกินพอจากครอบครัวของผมอยู่แล้วอะครับ
ครูครับ บางครั้งผมรู้สึกท้อ ผมอยากมีพลังในการที่จะมุ่งมั่น
บางครั้ง เหนื่อยมากกับ ต้องตื่นแต่เช้า เพื่อนั้ง รถเมล์ 2 ต่อไปเรียน
บางครั้งรู้สึกว่า ถ้าผมทุ่มเทไปครัง้นี้ ผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร
รุสึกไม่ชอบใจเอาเสียเลยเวลา เรียนที่นี่ ผมคิดว่าผมคงเปนคนเลวมาก เปนเด็กอกตัญญูต่อโรงเรียน แต่นี่ความจริงที่ผมได้รับนะครับ ผมขอโทดทุกอย่าง ที่คิดไม่ดีต่อโรงเรียนนี้ ผมจะต้องอดทนอีกเพียง 2 ปี ผมก้จะหลุดพ้นกับโรงเรียนนี้แล้ว อีก 2 ปีเท่านั้น
ผมไม่รู้ว่าความรูสึกผมต่อจากนี้ไปจะต้องทำอย่างไรดี
บางทีเริ่มขี้เกียจที่จะไปเรียนที่โรงเรียน เริ่มเบื่อหน่ายในการอ่านหนังสือแล้ว
ผมอยากสอบแพทย์ อยากให้พ่อ-แม่ มีความสุข ขอแค่สักครั้งที่ผมจะได้ทำในสิ่งที่ผมตั้งใจ แม้ว่า ความหวังครั้งนี้ หลายคนอาจมองว่า มันห่างไกลเหลือเกินครับ
ปล.ขอบคุณ นะครับครู ที่ช่วยรับฟังปัญหาของผม
อย่างน้อยเวลาผมเหนื่อยๆ ไปเรียนกับครู ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่รอบสด มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาบ้างครับ
โชคดีที่โชคดไม่ดี
โชคไม่ดีที่ตอนเล็กๆครอบครัวของคุณครูไม่ได้ร่ำไม่ได้รวยอะไร
แต่โชคดีที่ความไม่ร่ำรวยทำให้คุณครูเห็นคุณค่าของเวลาและความเพียร
โชคไม่ดีที่ครูเรียนไม่เก่ง
แต่โชคดีที่ทำให้คุณครูเริ่มพยายามให้มากขึ้นๆทุกวัน
โชคไม่ดีที่คุณครสอบไม่ติดสามเสนฯแล้วต้องไปเรียนจันทร์หุ่นบำเพ็ญฯ (สมัยก่อนไกลมาก อยู่กลางทุ่งและเมื่อก่อนเรียกกันว่าชุมชนห้วยขวาง)
แต่โชคดีที่การได้เรียนโรงเรียนขนาดเล็กทำให้คุณครูรู้จักเพื่อนในอีกระดับหนึ่งและรู้สึกว่าตนเองมีโอกาสที่ดีมากกว่าเพื่อนๆ
โชคไม่ดีที่คุณครูเหมือนควายท่ามกลางพญาอินทรีในโรงเรียนเตรียมฯ
แต่โชคดีที่การแตกต่างโดยสิ้นเชิงจึงไม่ทำให้คุณครูคอยเปรียบเทียบกับเพื่อน
แต่กลับชื่นชมและอยากเดินทางได้ระยะไกลเท่าฝูงพญาปักษา
ควายเลยเรียนรู้ว่า วืธีเดียวที่จะไปให้ทันพญาอินทรีคือ
การเดินให้มากกว่าเขา ซอยฝีเท้าให้เร็วกว่าเขา หยุให้น้อยกว่าเขา หลอมจิตให้แกร่งและเป็นนักสู้มากกว่าเขา
และแล้ววันหนึ่ง แม้จะแสนนาน คุณครูก็สามารถเดินมาถึงจุดหมายได้เช่นเดียวกับเขา
โชคไม่ดีที่คุณครูมีคุณพ่อคุณแม่แบบบ้านๆ ไม่มีความรู้สูง นอกจากปรัชญาการสอนลูกให้เป็นคนดี
แต่โชคดีที่พ่อแม่บ้านๆของคุณครูเลี้ยงคุณครให้คุณครูเติบโตไปตามความถนัดและความสนใจของตนเอง โดยไม่ได้คำนึงเรืองผลตอบแทนเป็นตัวตั้งในการเลือกสายอาชีพ
โชคไม่ดีที่คุณครูมีพี่ๆเรียนหนังสือเก่ง แต่ตัวเองไม่ฉลาดอยู่คนเดียว
แต่โชคดีที่ความโง่ ทำให้เราไม่ประมาทและอยากเก่งเหมือนพี่บ้าง และคิดเสมอว่าพี่น้องท้องเดียวกัน ทำไมเราจะทำแบบพี่เราไม่ได้ล่ะ
ไม่เห็นมีอะไรที่ไม่ดีสำหรับคุณครูเลย
ดีจังที่ "ไม่ฉลาด" เลยคิดได้แค่ผลตรงไปตรงมา
และวิธีแก้ที่ตรงไปตรงมาเช่นกัน
งานหนัก ก็แก้ด้วยความขยัน
ไม่ใช่มัวแต่นั่งอาภัพน้อยใจในโชควาสนา
สอบไม่ติด ก็ยังโชคดีที่ยังมีการสอบครั้งหน้ารอเราอยู่
คุณครูไม่เคยใช้ประสบการณ์ที่พลาดพลั้งไปทำลายเหตุข้างหน้าที่รอเราอยู่
หมื่นพรุ่งนี้รอเราอยู่
อย่าปล่อยให้สองสามเมื่อวานนี้ทำลายหมื่นพรุ่งนี้ที่รอเรา
เชื่อคุณครูนะคะ
สู้ๆนะลูก