เมื้อกี้หนูทะเลาะกับคุณแม่มา เพราะหนูนัดพี่ติวเตอร์ออกไปเรียนพิเสด
หนูถามคุณแม่และขออนุญาติแล้วถึงสองครั้ง
แต่พอคุณแม่รู้ แม่กลับเข้ามาตบตีหนู
คำพูดที่แม่ถามหนูคือ "ใครให้มึงออกไป"
หนูบอกแม่ไปว่าหนุก็บอกแม่ไปแล้วไง เท่านั้นเอง แม่ก็เริ่มทำร้ายหนู
แม่เอาเท้ามาถีบหนู เอาเหล็กที่เป็นขาโต๊ะพับมาตีหนู
หนูสงสัยจังเลยครูว่าทำไมแม่เขาถึงทำกับหนูขนาดนี้ ทั้งตบ ทั้งต่อย
ไหนแม่บอกว่ารักไง
แล้วหนูทำอะไรผิด ?
ครูคะ ตอนนี้หน้าหนูเย็นไปหมดแล้ว
ทั้งน้ำตาทั้งเลือด หน้าหนูก็ชา หัวหนูก็แตก
หนูอยากไปหาหมอ เพราะหนูปวดหัว ปวดหัวมาก หนูรู้สึกจะวูบแล้ว หนูเจ็บตรงซี่โครง ตอนนี้แม่หลับไปแล้ว
ถึงเรื่องจะเกิดมาสี่ชัวโมงแล้ว แต่หนูก็ยังกลัวอยู่ หนูไม่กล้าปลุกแม่ให้ไปหาหมอ หนูไม่อยากเจอแม่
หนูกลัวแม่ไปแล้วคะครู หนูเกีลยดแม่ไม่อยากให้แม่เข้ามาใกล้หนู หนูผิดหรือป่าวคะ?
ตอนนี้หนูตัดสินใจออกจากบ้าน หนูจะนั่งรถไฟไปอยู่กับคุณย่าที่ลำปาง หนูไม่อยากอยู่ที่บ้านแล้ว หนูไม่กล้านอน หนูกลัวไม่ตื่น หนูกลัวแม่มาทำร้ายหนูอีก
หนูไม่ผิดใช่ไหมคะครูที่แก้ปัญหาแบบนี้
หรือหนูควรจะทำยังไงคะ
ถ้าหนูมีโอกาศหนูจะกลับมาที่กระทู้นี้ก่อนที่หนูออกจากบ้านนะคะ
เมื้อกี้หนูทะเลาะกับคุณแม่มา เพราะหนูนัดพี่ติวเตอร์ออกไปเรียนพิเสด
ข้อนี้หนูทำถูกแล้วลูก ที่เวลาจะไปไหนต้องบอกคุณแม่ก่อนหนูถามคุณแม่และขออนุญาติแล้วถึงสองครั้ง
แต่พอคุณแม่รู้ แม่กลับเข้ามาตบตีหนู
คำพูดที่แม่ถามหนูคือ "ใครให้มึงออกไป"
หนูบอกแม่ไปว่าหนุก็บอกแม่ไปแล้วไง เท่านั้นเอง แม่ก็เริ่มทำร้ายหนู
แม่เอาเท้ามาถีบหนู เอาเหล็กที่เป็นขาโต๊ะพับมาตีหนู
หนูสงสัยจังเลยครูว่าทำไมแม่เขาถึงทำกับหนูขนาดนี้ ทั้งตบ ทั้งต่อย
ไหนแม่บอกว่ารักไง
แล้วหนูทำอะไรผิด ?
ฟังนะลูก
แม่คือมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่งที่ได้รับประสบการณ์ชีวิตมาแตกต่างกัน
ลักษณะของคุณแม่ของหนูคือภาวะความเครียดที่ตนเองไม่สามารถสะกดกั้นไว้ได้
คิดอย่างไรก็กระทำออกมาทันทีด้วย "อารมณ์"
ขึ้นชื่อว่าอารมณ์ โดยเฉพาะอารมณ์โกรธ
ยามเกิดขึ้นกับผู้ใด ย่อมเผาผลาญจิตใจของผู้โกรธก่อน และลามไปถึงผู้ที่อยู่ใกล้เคียง
คุณแม่คงไม่ได้โกรธเรื่องของหนูอย่างเดียว
แต่คงมีเหตุอื่นที่ถักทอให้คุณแม่กดดันและค่อยๆสะสมตะกอนแห่งความเครียดไว้
ความเนิ่นนานของจิตใจที่คิดวนเวียนจนทำให้เกิดความคับแค้นใจในวินาทีสุดท้ายที่เกินกว่าจะทานทน
โดยมีหนูคือฟางเส้นสุดท้ายที่ถูกหย่อนลงบนหลังลาที่บรรทุกของหนักมาแสนนาน
เราอาจจะแปลกใจว่าทำไมลาจึงหลังหักเพียงแค่น้ำหนักของฟางเพียงเส้นเดียว
แต่ "ลาเท่านั้นที่จะรู้ถึงน้ำหนักที่ลาแบกมาแสนเนิ่นาน"
หนูเคยใส่บาตรทำบุญใช่ไหมลูก
แต่พ่อและแม่คือพระอรหันต์ของลูก
บุญที่ทำมิได้หมายความว่าต้องทำกับพระศาสนาเท่านั้น
แยกความเจ็บออกไปจากตัวเราก่อนนะลูก
คุณครูยังขอยืนยันด้วยเกียรติของความเป็นครูว่า "แม่รักหนู"
แต่สติของคุณแม่ตามอารมณ์ไม่ทัน
แค่หนูยอมท่านคงยังไม่พอ
โจทย์ชีวิตของหนูอาจยากกว่าอายุและประสบการณ์ในวัยนี้
หนูต้องรักษาสภาพจิตใจของตัวหนูนะลูก
อย่างน้อยหนูก็ยังมีคุณครู มีเพื่อนในบอร์ดที่เป็นกำลังใจให้หนู
แต่ถ้าหนูรักษาสติไว้ให้มั่น
ก้าวข้ามความรู้สึกที่จะตามทวงถามหนูอยู่ร่ำไปว่าแม่รักหนูหรือไม่ให้กลายเป็นคำถามใหม่ว่า
อะไรเข้ามาสิงใจคุณแม่ ทำให้คุณแม่แปรเปลี่ยนไป
ตั้งแต่นี้ต่อไป หนูคงต้องนิ่ง ไม่ตอบโต้ ไม่แสดงความรู้สึกไม่พอใจทางสีหน้า และฟังอย่างลุ่มลึกโดยไม่โต้กลับอย่างทันควัน
เลือกเวลาคุณแม่อารมณ์ดี เข้าไปใกล้ชิดและถามไถ่ความห่วงใยที่สายเลือดที่ผูกพันพึงมีต่อกัน
มองเข้าไปในดวงตาคุณแม่หนูจะสัมผัสได้ว่าแม่ทุกข์หรือไม่
อย่าถามว่าทำไมหนูต้องเป็นฝ่ายยอม
แต่จงบอกกับตัวเองว่า "ใครมีสติก่อน ก็ถือว่าเข้มแข็งกว่าทางปัญญา
และผู้ที่เข้มแข็งกว่าก็ควรเป็นผู้ที่เอื้อมมือช่วยผู้ที่แข็งแรงน้อยกว่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าท่านผู้นั้นเป็นบุพการีของเรา
ครูคะ ตอนนี้หน้าหนูเย็นไปหมดแล้ว
ทั้งน้ำตาทั้งเลือด หน้าหนูก็ชา หัวหนูก็แตก
หนูอยากไปหาหมอ เพราะหนูปวดหัว ปวดหัวมาก หนูรู้สึกจะวูบแล้ว หนูเจ็บตรงซี่โครง ตอนนี้แม่หลับไปแล้ว
ถึงเรื่องจะเกิดมาสี่ชัวโมงแล้ว แต่หนูก็ยังกลัวอยู่ หนูไม่กล้าปลุกแม่ให้ไปหาหมอ หนูไม่อยากเจอแม่
หนูกลัวแม่ไปแล้วคะครู หนูเกีลยดแม่ไม่อยากให้แม่เข้ามาใกล้หนู หนูผิดหรือป่าวคะ?
กายเจ็บก็ต้องรักษา
ใจเจ็บก็ต้องรักษา
กายเจ็บ ให้คุณหมอรักษษนะลูก
เข้าไปหาแม่ ประนมมือขอโทษแม่(ทั้งๆที่หนูอาจจะไม่ใช่ฝ่ายผิด แต่อย่างน้อยความอ่อนน้อมจะทำให้ความแข็งกร้าวของแม่อ่อนลง)
บอกแม่ว่าหนูเจ็บตรงไหนบ้าง
เจ็บแต่กายนะลูก อย่าให้บาดแผลทางกายกระทบเข้ามาในหัวใจของเรา
แผลไม่นานก็จางหายได้
แต่บาอแผลทางจิตใจต้องชะล้างด้วย โอสถขนานเอกคือคำว่า "อภัย"
เทียบกับหยาดเหงื่อที่รินรด หยดเลือดที่รินไหลในวันที่แม่ให้กำเนิดหนูไม่ได้นะลูก
พระคูณแม่สูงล้น
ใช้ความอ่อนโยนและความดีรักษาตนให้พ้นภัยจากอารมณ์ของคุณแม่นะลูก
สิ่งใดที่หนูรู้สึกว่าแม่ไม่มีเหตุผล สิ่งนั้นก็อย่าให้เกิดกับตัวหนู
อย่าใช้คำว่าเกลียดแม่นะลูก
แค่หนูไม่ชอบบางพฤติกรรมที่ไม่มีเหตุผลของแม่
แต่ความเป็นแม่ยังอยู่นะลูก
เมื่อสถานการณ์ขึ้นหนูควรค่อยๆพูดกับแม่
หรือหาผู้ใหญ่ที่แม่เคารพรักค่อยๆบอกแม่
ผู้ใหญ่ก็มีสิทธิ์ทำสิ่งที่ผิดพลาดได้นะคะตอนนี้หนูตัดสินใจออกจากบ้าน หนูจะนั่งรถไฟไปอยู่กับคุณย่าที่ลำปาง หนูไม่อยากอยู่ที่บ้านแล้ว หนูไม่กล้านอน หนูกลัวไม่ตื่น หนูกลัวแม่มาทำร้ายหนูอีก
หนูไม่ผิดใช่ไหมคะครูที่แก้ปัญหาแบบนี้
หรือหนูควรจะทำยังไงคะ
ถ้าหนูมีโอกาศหนูจะกลับมาที่กระทู้นี้ก่อนที่หนูออกจากบ้านนะคะ
ไปหาคุณย่าไม่เป็นไร แต่อย่าออกจากบ้านในขณะที่ยังมีปัญหากันอยู่
ค่อยๆตัดสินใจนะลูก
การตัดสินใจทำอะไรในขณะที่จิตยังขุ่นมัว ย่อมก่อให้เกิดปัญหาเพิ่มขึ้นในภายหลัง
รอให้สถานการณ์ดีขึ้นอีกนิด แล้วขออนุญาตคุณแม่จะดีกว่าไหมคะ
อย่าทำให้ช่องว่างของความห่างเหินขยายมากขึ้นนะลูก
เพราะพอหนูห่างแม่ออกไปด้วยความรู้สึกไม่ดี พอเนิ่นนานเข้าจะกลับมา หนูก็จะรู้สึกห่างเหินและเข้าหน้าคุณแม่ไม่สนิทนะลูก
หนูโทรมาหาคุณครูที่ 02-669-1401-2
บอกพี่ที่รับสายว่าคุณครูให้หนูโทรมาหา
ถ้าไม่เจอคุณครูก็ทิ้งเบอร์โทรได้นะคะ
คุณครูจะโทรไปทันที
อย่าโกรธใครเลยนะลูก
ความเครียดในสังคมปัจจุบันถาโถมเข้ามาในชีวิตคนมากมาย หากเราไร้ที่ยึดเหนี่ยว
จิตใจก็จะบอบช้ำและหาทางออกไม่ได้
อดทนนะคะ
ครูจะรอโทรศัพท์จากหนูค่ะ
เป็นกำลังใจให้หนูนะลูก