: เปิดกรุ รวมมิตร ศิษย์เก่า เก๊า เก่า : Unidentified Girl February 21, 2009, 01:34:14 PM ทำไมช่วงนี้ครูโชคดีจังที่เจอแต่ศิษย์เก๋ากึ่ก ลองค้นมารวมๆกันดูค่ะ (เฉพาะที่หาเจอในเวบนี้นะคะ เวบอื่นมีอีกแต่ยังไม่ได้รวมค่ะ อิอิ) : Re: เปิดกรุ รวมมิตร ศิษย์เก่า เก๊า เก่า : Unidentified Girl February 21, 2009, 01:34:51 PM ขอกราบเท้าครูก่อนเลยครับ (อยากเข้าไปกราบจริงๆ จัง ครูจะว่างอยู่ที่บ้านหรือที่โรงเรียนช่วงไหนบ้างครับ อยากเข้าไปจริงๆ) สวัสดีครับครู ผมไม่รู้ว่าครูจำผมได้ไหม เพราะว่าลูกศิษย์ของครูเยอะมากเหลือเกิน แต่ถึงครูจะจำได้หรือไม่ได้ ผมจำครูได้และระลึกถึงพระคุณของครูเสมอก็พอแล้วครับ ผมชื่อแจ๊ค ตอนนั้นเรียนอยู่เซนต์คาเบรียลครับ เคยเรียนกับครู 3-4 คอร์ส เคยเรียกครูว่า "แม่" ครูเคยเรียกว่า "กุมาร vocab" ถ้าครูเห็นหน้าผมก็คงจำได้ (มั้ง) ครับ จากที่เคยตกอังกฤษเมื่อตอนสมัยอยู่ ม.4 แต่ครูเป็นคนทำให้ผมชอบภาษาอังกฤษครับ ภาษาอังกฤษของผมเริ่มจากศัพท์ของครูจริงๆ เมื่อเริ่มท่องได้ เริ่มอ่านรู้เรื่องทีละนิด จึงค่อยๆ เริ่มกลับมาเก็บไวยากรณ์ที่ตกหล่น หายไป เพราะไม่ได้ตั้งใจเรียนมาตั้งแต่เด็กๆ สมัย ม. 5-6 กลายเป็นคนที่เก่งอังกฤษ และได้คะแนน ท๊อปห้องอยู่เกือบตลอด ครูเคยช่วยให้สอบสัมภาษณ์ เพื่อที่จะได้ไปต่างประเทศ กับโครงการ AFS ผมสอบผ่าน และผมได้ไป ประเทศอิตาลีครับ ตอนที่อยู่อิตาลี ผมยังได้ใช้ความรู้ที่ครูสอน เรียนรู้ภาษาอิตาเลียนด้วยครับ เพราะว่าครูนอกจากสอนศัพท์ภาษาอังกฤษ ครูยังสอน "รากศัพท์" ต่างๆ ซึ่งจุดนั้น เป็นจุดที่ผมสามารถนำมาใช้ศึกษาภาษาอิตาเลียนต่อได้ กลับมาจากอิตาลี ผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยตามความชอบของผม ซึ่งนั่นก็คือ ภาษา และนอกจากนั้นผมยังเลือกคณะตาม "บุคคลตัวอย่าง" ซึ่งอยู่ในใจผมตลอด นั่นก็คือครูสมศรีครับ แน่นอนครับคณะที่ผมเลือกคือ อักษรศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตอนนี้ผมเรียนจบจากที่นั่นแล้ว วิชาเอกภาษาอิตาเลียน วิชาโทภาษาอังกฤษ จบมาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เหรียญทองของเอกภาษาอิตาเลียน ทั้งหมดนี้จะเป็นไปไม่ได้เลยหากขาด "ครูสมศรีของผม" ถ้าไม่มีครู ผมคงไม่มีความรู้ภาษาอังกฤษดีเท่านี้ ผมคงไม่สามารถไปต่างประเทศได้ ผมคงไม่สามารถเข้าคณะนี้ได้ ชีวิตผมคงไม่เป็นเช่นนี้ และแน่นอนครับ นอกจากวิชาความรู้ สิ่งที่ครูสอนอยู่เสมอก็คือเรื่องคุณธรรม คำทุกคำที่ครูสอน ผมจำได้เสมอ ที่เขียนมาวันนี้ ผมแค่อยากจะกราบขอบคุณคุณครู สิ่งที่ครูได้ให้กับผมนั้นมากมาย ขอให้น้องๆ ที่กำลังเรียนกับครูอยู่ ให้ได้ความรู้และคุณธรรมตามที่ครูอยากจะให้ได้ไป สุดท้ายนี้ ผมขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนไตร และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก ดลบันดาลให้ครูสุขภาพร่างกายแข็งแรง และมีความสุขตลอดไปด้วยเทอญ จิรโรจน์ สุธิตะกูล ปล. เมื่อคืนฝันถึงครูครับ ได้กราบครูในฝันเลยล่ะ และฝันเมื่อคืนนี้ก็เลยเป็นเหตุผล ที่ผมมาหา website และเข้ามาในบอร์ดวันนี้ครับ จากหัวข้อ ขอบคุณคุณครู ผมถึงฝั่งแล้วครับ (http://www.kru-somsri.ac.th/board/index.php?topic=52) : Re: เปิดกรุ รวมมิตร ศิษย์เก่า เก๊า เก่า : Unidentified Girl February 21, 2009, 01:36:04 PM สวัสดีค่ะ ครูสมศรี ครูสมศรีเป็นครูคนแรก ที่เราสามารถเรียกได้เต็มปากว่า "ครู" ถึงจะเรียนจบจากครูมานานมากๆๆๆๆๆหลายปี แต่กระดาษที่ครูเคยวางตัวอักษร ร้อยเรียงเป็ฯข้อคิดสิ่งดีดี ใส่ตะกร้า วางไว้หน้าโรงเรียนให้ ก็ถูกเอาขึ้นมาอ่านทุกครั้ง จนตอนนี้ กระดาษที่สีเคยสดสวย เปลี่ยนตัวเองเป็นกระดาษเหี่ยวๆวางตัวเองอยู่ในโต๊ะหนังสือที่บ้าน แต่สิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยน คือความหมายดีดี และกำลังใจงามๆ ที่วิ่งเต้นไปตามตัวอักษรสีดำเหล่านั้นค่ะ ครู สอนภาษาที่มากกว่าภาษาอังกฤษ แต่ครูสอนภาษา ท่วงท่า ของหนูในการเดินไปสู่เป้าหมายแรกได้สำเร็จค่ะ หนูโชคดีที่มีครูเป็นครู เพราะครู เป็น "คร" เต็มความหมาย ขอบคุณครูสมศรีที่สุดค่ะ ;) จากหัวข้อ คิดถึงครูค่ะ (http://www.kru-somsri.ac.th/board/index.php?topic=889) : Re: เปิดกรุ รวมมิตร ศิษย์เก่า เก๊า เก่า : Unidentified Girl February 21, 2009, 01:36:43 PM อาจารย์ครับ อาจารย์สบายดีใช่ไหมครับ.... ;D ผมเป็นศิษย์เก่าเมื่อสามสี่ปีที่แล้วอ่ะครับ ผมยังไม่เคยลืมอาจารย์เลยครับ คิดถึ๊งคิดถึงอาจารย์มากเลยครับ ทุกวันนี้ผมได้เรียนคณะวิศวก้อเพราะอาจารย์นี่แหล่ะครับ คะแนนอังกฤษผมดีมากๆๆๆ เลยครับ ดีกว่าคะแนนวิศวะซะอีกครับ อาจารย์ครับ ผมกำลังจะไปเรียนต่อเป็นนักบินล่ะครับ แต่ผมต้องสอบ Toefl ด้วยล่ะครับ ผมควรจะไปเรียนต่อที่ไหนดีครับ ผมควรฝึกเองหรือว่าไปเรียนดีกว่าครับ แล้วอาจารย์จะเปิดสอนไหมครับ ผมอยากเรียนกับอาจารย์มากๆเลยครับ อาจารย์ช่วยแนะนำหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ จากหัวข้อ อาจารย์คร๊าบ (http://www.kru-somsri.ac.th/board/index.php?topic=1014) : Re: เปิดกรุ รวมมิตร ศิษย์เก่า เก๊า เก่า : Unidentified Girl February 21, 2009, 01:37:16 PM คุณครูสมศรีที่เลิฟ หนูชื่อปุ้ยค่ะ วันก่อนไปส่งน้อง (ลูกคุณอา) ไปเรียนกับคุณครู ระหว่างนั่งรอ ก็ไปรอที่ร้านข้าว แล้วก็ถามเค้าว่าเอ... แต่ก่อนคุณครูสอนอยู่ตึกไหน เค้าก็ถามว่าเรียนตั้งแต่เมื่อไหร่ พึ่งจะมีโอกาสได้นั่งนับ เอ่อ...ปุ้ยเรียนกับคุณครูตั้งแต่ 9 ปีที่แล้วแหน่ะค่ะ -_-' อยากบอกคุณครูว่า เอกสารทุกแผ่นที่คุณครูให้น้องๆ ปุ้ยยังเอามาอ่านอยู่เลย อ่านแล้วมีความสุขแล้วก็ยังทำให้มีกำลังใจด้วย พอมาทำงานแล้ว มันเหนื่อยจริงๆ มันต่างจากตอนเรียนมากเลย ตอนเรียนเหนื่อยแค่กาย นอนดึก อ่านหนังสือ แต่พอมาทำงานมันเหนื่อยใจด้วย ก็เลยอยากจะมาขอกำลังใจแล้วก็คำสอนจากคุณครูเหมือนเมื่อเก้าปีที่แล้ว ที่สิ่งที่ได้รับคุณครูก็เป็นอีกพลังที่ทำให้ปุ้ยประสบความสำเร็จ (ในก้าวแรกที่สำคัญ) นอกจากนี้ก็อยากช่วยให้กำลังใจน้องๆด้วย ถ้าคุณครูหรือน้องๆ มีตรงไหนที่ปุ้ยพอจะทำประโยชน์ให้ได้ บอกได้เลยนะคะ ยินดีอย่างยิ่งที่จะ forward ความรู้(เท่าที่มีอยู่น้อยนิด) และความรู้สึกดีๆ ที่ได้รับจากคุณครูให้กับน้องๆที่ต้องการ ปล. ปุ้ยจบคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกือบสามปีกว่าแล้วค่ะ เผื่อน้องๆคนไหนอยากได้คำปรึกษาเกี่ยวกับคณะนี้ (หรืคณะอื่นๆในแวดวงสาธารณะสุข ก็น่าจะพอหาข้อมูลได้มั้ง) ก็ยินดีจ้า รักและเคารพคุณครูเสมอ ศิษย์ปุ้ยคร้าบ จากหัวข้อ จากศิษย์เก่าถึงคุณครูก้าบ (http://www.kru-somsri.ac.th/board/index.php?topic=1056) : Re: เปิดกรุ รวมมิตร ศิษย์เก่า เก๊า เก่า : Unidentified Girl February 21, 2009, 01:38:17 PM สวัสดีครับคุณครูสมศรีและทุกๆคน :D ผมชื่อโอ๊คนะครับไม่รู้ว่าครูจะจำผมได้รึเปล่าแต่ว่าขอบอกว่า ไม่ลืมครูแน่นอนครับ ๕๕๕ . ตอนนั้นเอ่อผมเรียนกับครูช่วงต้นปี 2002 แล้วก็ได้ทุนไปเรียนต่อ สิงคโปร์น่ะครับ ตอนนั้นเรียนกับครูสนุกมากแล้วก็เรียนที่อื่นก็ไม่เคยเอ็นจอยการเรียนภาษาอังกฤษเท่ากับที่นี่เลย ตอนไปสอบก็ใช้คำศัพท์ต่างๆที่ครูสอนมา เลยได้ทุนมาเรียนต่อที่ สิงคโปร์ ก็อยากขอบพระคุณคุณครูสมศรีมากนะครับ ห้าปีแล้วที่ไม่ได้กลับไปที่ราชวัตร เพราะว่าไม่ค่อยมีเวลา พอมีเวลากลับเมืองไทยเดี๋ยวเดียวก็ต้อง บินกลับไปเรียนต่อแล้ว ตอนนี้ อยู่ออสเตรเลียแล้วครับ เรียนวิศวะอยู่ที่ University of New South Wales. ที่นี่ก็ดีนะครับมีคนหลายเชื้อชาติมาเรียนอยู่ที่เดียวกัน เป็นโอกาสที่จะได้สร้าง Connection กับ เพื่อนๆ. ว่าแต่ออกนอกเรื่องไปมากแล้ว ผมยังเก็บกระดาษคำศัพท์ สมุดโน้ต ฯลฯ โดยเฉพาะสิ่งที่ผมเก็บรักษาไว้อย่างดี ใส่กรอบไว้ก็คือ กระดาษที่เต็มไปด้วยลายมือของครูสมศรี เป็นแผ่นพิมพ์หน้าสีขาว ตัวหนังสือลายมือครูสมศรีสีฟ้าอ่อน บทความที่เตือนใจอยู่เสมอ ให้แง่คิดต่างๆ ความกตัญญู ความพากเพียรพยายามต่างๆ ไม่แน่ใจว่าตอนนี้เปลี่ยนแบบไป หรือยังนะครับ.. ตารางการอ่านหนังสือก็เก็บเอาไว้ใช้ในโอกาสต่างๆ การวางแผนชีวิต เป็นประโยชน์มากจริงๆครับ ตอนนั้นที่เพิ่งเริ่มไปเรียนที่สิงคโปร์ใหม่ๆเนี่ย ภาษา อังกฤษที่นู่นก็ ยอมรับว่ายากมาก น้ำตาตกใน บ่นตลอดว่าเอ้อ ทำไมถึงตะเกียกตะกายมาที่นี่เนี่ย มาแล้วพบแต่ความลำบาก ทั้งๆี่ตอนนั้นอยู่เมืองไทย ภาษาอังกฤษเป็นวิชาที่ทำได้ดีมาตลอด ไม่ เคยได้ต่ำกว่าสาม ได้สี่ก็บ่อยครั้ง ถึงจุดตรงนั้นเนี่ยก็เอาข้อความของครูสมศรีขึ้นมาอ่าน เราก็ต้องพยายามละเนอะ ไหนๆก็มาแล้ว ทำให้มันดีที่สุด ปีแรก ไม่ เคยผ่านเลย ถ้าผ่านก็โชค ดี ดวงแข็ง พอถึงปีสอง ไอ้เทคนิคต่างๆที่ครูเคยสอนมาก็เอามาใช้ จำยังไงเอย เรียนยังไงให้สนุก ก็โอเค ประมาณกลางปีที่สองได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนโรงเรียนเข้าเเข่งขัน Commonwealth Essay Competition. อย่างน้อย เราก็ได้รับคัดเืลือกโดยโรงเรียน ถือว่าก็เป็นประสบการณ์อีกอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ใครอยากเข้าก็เข้า. เทรนนิ่งหนักมาก คือที่จริงแล้ว เรียนที่ต่างประเทศเนี่ยเค้าก็ไม่ค่อยมีข้อสอบกากบาทหรอกครับ ทุกอย่างก็ข้อเขียนหมดแล้ว ข้อสอบของโรงเรียนเนี่ย ภาษาอังกฤษมีสองส่วนเท่านั้นแหละ Comprehension & Composition. เรียงความก็ยังง่ายๆอยู่เป็นพวก Narrative - By Creativity and Imagination. ง่ายๆคิดอะไรออกก็เขียน เป็นการแต่งเรื่องขึ้นมา พอมาถึงปีหลังๆเนี่ย ขึ้น ม.ห้า ม. หก หัวข้อเนี่ยเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เป็น Argumentative. จำนวนคำ็เพิ่มขึ้นไปเป็นทวีคูณ หัวข้อก็ยากขึ้น ผมมี Essay อันนึงอยากให้อ่านกันเดี๋ยวจะโพสต์ไว้ในอีกกะทู้นึงนะครับ ชื่อว่า ครูสมศรีก็เปรียบเสมือนกับประกายไฟทีจุดแล้ว่ทำให้ผมเนี่ยได้มีความพยายามอดทน และได้ประสบความสำเร็จขึ้นมาอยู่อีกระดับนึง ขอบคุณครับ โ๊อ๊ค Ukrit, T. [/color] จากหัวข้อ Voice from Sydney, Australia! (http://www.kru-somsri.ac.th/board/index.php?topic=1605) : Re: เปิดกรุ รวมมิตร ศิษย์เก่า เก๊า เก่า : Unidentified Girl February 21, 2009, 01:38:59 PM และแล้วเวลาก็ผ่านไปตั้ง 3 ปีแล้วนะคะ ชีวิตที่ต้องพยายามและตั้งใจเพื่อจุดประสงค์ที่ต้องการ จำได้ว่าไม่ค่อยขยัน ท่องศัพท์บ้างไม่ท่องบ้าง สุดท้ายเข้าห้องสอบเอน คุ้นที่ครูพูดทุกคำแต่จำความหมายไม่ได้ เสียดายจัง!!!! แต่เท่านี้ก็ OK แล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ณ วันนี้หนูเรียนอยู่ปี 3 ยังเอาศัพท์ของครูมาท่องอยู่เลย ยิ่งอ่านงานวิจัยนะคะ ใช้เยอะสุดๆ จากคนที่ไม่เคยรู้เรื่องภาษาอังกฤษเลยนะ เพื่อนตั้งฉายาให้เป็น Ms.Dictionary แล้ว พอผ่านมาก็เข้าใจแล้วค่ะ ทำไมครูถึงพยายามกระตุ้นให้ตั้งใจ ขอบคุณมากนะคะ ตอนนี้ส่งน้องชายตัวดีไปเรียนแล้ว บายๆ วันหลังจะมาทักทายใหม่นะคะ จากหัวข้อ -ขอบคุณมากค่ะ- (http://www.kru-somsri.ac.th/board/index.php?topic=2480) : Re: เปิดกรุ รวมมิตร ศิษย์เก่า เก๊า เก่า : Unidentified Girl February 21, 2009, 01:39:37 PM เอ็นสะท้าน - ข้อคิด ชีวิต และกำลังใจ ถึงน้อง ๆ ที่กำลังเตรียมตัวสอบ (http://akkarakitt.exteen.com/20080615/entry-1) posted on 15 Jun 2008 20:21 by akkarakitt in Experience (http://akkarakitt.exteen.com/category/Experience) เมื่อวานนี้ ได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยี่ยน เว็บครูสมศรีเซ็นเตอร์ (สถาบันกวดวิชาแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าของเป็นครูประจำชั้นของอาตมาสมัยเรียนมัธยม) ซึ่งเดี๋ยวนี้โด่งดังอินเตอร์มาก ได้อ่านกระทู้ และคลิปที่เกี่ยวกับการสอบเอ็นทรานซ์ จึงเกิดความคันไม้คันมือ อยากเอาประสบการณ์ของตนเอง ในการสอบเอ็นทรานซ์ มาตีแผ่เป็นวิทยาทานบ้าง ขออภัยเถิด อย่านึกรังเกียจว่า อาตมาเอาแต่เขียนเรื่องของตนเองเลย เพราะไม่มีวัตถุดิบใด จะง่าย และสะดวกเท่า เรื่องของตนเองอีกแล้ว เคยอ่านหนังสือเรื่อง ชี้ค ของ ประภัสสร เสวิกุล แล้วก็รู้สึกว่า การที่คนเราจะเขียนหนังสือดี ๆ สักเล่ม จำต้องออกไปค้นหาวัตถุดิบ มากมายเหลือเกิน เนื้อหาชีวิตของอาตมา เป็นวัตถุดิบที่ไม่ต้องออกไปค้นหาที่ไหนเลย อยากเขียนที่ไหน เขียนเมื่อไหร่ มันก็พร่างพรูออกมาได้เสมอ ขึ้นอยู่กับว่า อยากจะเขียนเรื่องอะไรเท่านั้นเอง อีกอย่าง ต้นทุนที่บิดามารดาของอาตมา อุดหนุนจุนเจือ กว่าจะร่ำเรียน สั่งสมประสบการณ์ร้อยพันหมื่นแสนล้านอย่าง จนเติบใหญ่ นั้นมิใช่น้อย แต่ก็ต้องกองไว้ที่หน้าโบสถ์ พร้อมทรัพย์สินศฤงคารทั้งหลาย เมื่อตอนเข้าไปขออุปสมบทกับพระอุปัชฌาย์ เมื่อถือเพศพรหมจรรย์แล้ว สิ่งเหล่านั้นก็กลายเป็นของไร้ค่า พึงต้องทำลายทิ้งเสียด้วยซ้ำ ถ้าหวังพระนิพพาน ตัวตนที่รู้สึกว่า แหม...เก่งนะเรา เป็นบัณฑิตวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยชื่อดัง เก่งนะเรา ทำโน่นทำนี่สำเร็จ คงจะเก่งกว่าใครอีกหลายคน หรือที่รู้สึกว่า แหม...แม้เราจะเก่งกาจสามารถ แต่ยังไม่รวยเท่าคนนั้นคนนี้ ไม่ประสบความสำเร็จอย่างคนนั้นคนนี้ หรือแม้กระทั่ง เราเสมอเขา ในเรื่องนั้นเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกดีกว่า ด้อยกว่า หรือเสมอคนอื่น ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องละทั้งสิ้น สิ่งเหล่านี้แล ที่พาให้เรามาเกิดซ้ำ ๆ ซาก ๆ ไม่รู้จบ บางเวลา ที่อาตมา ท้อถอยในผ้าเหลือง มองซ้ายมองขวา มีใครทำอย่างเราไหม เคยมีวิศวกรสายวิทย์จ๋า บรรลุธรรมบ้างไหม แล้วเรามาเพียรทางธรรมนี่ มันจะสำเร็จรึ ไปลาสิกขาเอาตอนแก่นี่แย่เลยนะ ก็เอาความยากลำบากของชีวิตนี่ละ เป็นกำลังใจ เดินบิณฑบาตไปอย่างเหนื่อยล้า น้ำหนักย่ามกดไหล่จนปวด เหงื่อโทรมกาย จีวรเป็นคราบเกลือสม่ำเสมอ ก็คิดเอาว่า ถ้าเราทำไม่สำเร็จในชาตินี้ ชาติต่อ ๆ ไป ก็ต้องกลับมาเดินอย่างนี้อีก ต้องมาเริ่มเรียน ป.๑ ใหม่ ต้องมาเรียนมัธยมใหม่ ต้องมาสอบเอ็นทรานซ์ใหม่ ต้องมาทำธุรกิจใหม่ ต้องมาจีบสาวใหม่ ต้องมามีลูกใหม่ ต้องมาซื้อบ้านใหม่ ต้องมาบวชใหม่ โอ้ย...มันทุกข์ไม่มีประมาณ ทุกข์ทุกขั้นทุกตอน ไม่เอาอีกแล้ว ไม่ขอเกิดอีกแล้ว ขอชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย การให้กำลังใจตัวเองเช่นนี้ ก็เหมือนกับตอนให้กำลังใจตัวเองเวลาอ่านหนังสือ เฝ้าพากเพียรจนสามารถข้ามขีดจำกัดของตัวเอง และถ้าอาตมายังมีสถานะทางสังคม เป็นฆราวาสอยู่ ก็คงอายต่อการตีแผ่ ความขั่ว ความเสล่อ ความเปิ่น ความโง่ของตัว แต่บัดนี้ คำสรรเสริญ คำนินทา ก็เป็นเพียงของของโลก ที่อาตมาบวชเข้ามาเพื่อทิ้งมันไว้เบื้องหลัง สมัยก่อนอาจจะมีชีวิตอยู่ตามปากของคนอื่น คอยระแวดระวังคำสรรเสริญ และนินทา บัดนี้ปากคนอื่น กลับเป็นเพียงบททดสอบว่า อาตมาละโลกธรรมได้หรือยัง ประสบการณ์ชีวิตของคนคนหนึ่ง อาจจะประเมินค่าไม่ได้ อาจเป็นแรงบันดาลใจให้ใครบางคน อาจเป็นข้อคิด อาจเป็นบทเรียน อย่ามาเดินซ้ำรอยที่คนอื่นเคยเดินพลาดมา อาจเป็นอะไร อะไร อีกหลาย ๆ อย่าง อาตมาจึงคิดว่า สมควรเอาชีวิตที่ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต มีแต่ปัจจุบันนี้ มาแบ่งปัน ให้คนที่กำลังเตรียมตัวสอบเอนทรานซ์ในปีหน้า ได้เห็นมุมมองของคนที่ชื่อว่า ประสบความสำเร็จในการสอบ คนหนึ่ง เคล็ดไม่ลับของอาตมา ที่ประสบความสำเร็จในการงานต่าง ๆ คืออาตมามักจะนำเอาพลังงานด้านลบ มาแปรเป็นพลังงานด้านบวก ซึ่งได้สาธยายไว้ในจดหมายถึงครูสมศรี ซึ่งนำมาบางส่วน ดังนี้ ....... อาตมาเองเป็นคนที่เกลียดภาษาอังกฤษจับใจ มาแต่อ้อนแต่ออก ตั้งแต่จำความได้ ไม่เคยเลยสักวินาทีเดียว ที่จะชอบภาษาอังกฤษ อาตมาชอบคณิตศาสตร์ ชอบวิทยาศาสตร์ ชอบฟิสิกส์ ชอบคำนวณ มากกว่า นั่งเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ให้ไปนั่งเก้าอี้ไฟฟ้า ยังจะสบายใจกว่า จึงไม่แปลกใจเลย ที่เกรดวิชาภาษาอังกฤษ จะตก ๆ หล่น ๆ สม่ำเสมอ สิ่งที่เป็นยาขมสำหรับการเรียนภาษาอังกฤษเสมอมา คือการท่องศัพท์ เป็นกำแพงยักษ์ ใหญ่ยิ่งกว่ากำแพงเมืองจีน กั้นความพอใจในการเรียนภาษาอังกฤษ แม้จะทราบว่า ภาษาอังกฤษนั้น จำเป็นแก่ชีวิตทำงานในอนาคต ยิ่งกว่าวิชาใดใด จนมาวันหนึ่ง คุณโยม(ครูสมศรี)ก็มาปรากฏกายขึ้น ในห้อง ม.๖ บี โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ประดุจเทพฤทธิ์พิชิตมาร ค่อย ๆ กะเทาะกำแพงใจ ที่มีอคติต่อภาษาอังกฤษ ด้วยลีลาการสอนแบบเป็นกันเอง เอิ๊กอ๊าก เฮฮา และการให้จำศัพท์เป็นชุด พร้อมแจกแจงรากศัพท์ ทำลายความยากเย็นในการจดจำคำศัพท์จนหมดสิ้น จากนั้นก็ยังได้ไปเรียนเสริมต่อที่บ้านศรีย่านอีก ในการนี้ หากจะว่า การพลิกชีวิตของคนคนหนึ่ง เป็นผลงานของคุณโยมทั้งหมด ก็ออกจะเว่อร์เกินเหตุไป (เดี๋ยวคนจะไปฟ้อง สคบ.) อาตมามีตัวช่วยอีกอย่างที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปตลอดกาล นั่นคือ "เพื่อน" เพื่อนคนนี้ชื่อขึ้นต้นด้วย นอหนู เรียกว่า คุณนอ ละกัน คุณนอ เป็นคนที่เป็นแรงกำลังใจอย่างต่อเนื่อง ในการบรรลุคุณวิเศษด้านภาษา นั่นคือ พื้นฐานเธอก็เป็นคนที่เก่งภาษาอังกฤษมาก ๆ เมื่ออาตมาได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ มา ก็จะเอามาถามเธอว่า เธอทราบไหมว่า คำคำนี้ แปลว่าอะไร คุณนอเป็นบุคคลที่มีจิตวิทยาดีมาก เธอก็ว่า เธอไม่ทราบ แล้วชมว่า อาตมาช่างเก่งเสียนี่กระไร ทำไมถึงจำคำศัพท์เหล่านี้ได้ นั่นเองทำให้อาตมาพองลมเป็นลูกโป่ง นี่ขนาดเขาเก่งภาษาอังกฤษกว่าเรามาก เขายังไม่รู้จักศัพท์ที่เราท่องได้เลย จากนั้นก็บ้าท่องศัพท์อย่างไม่ลืมหูลืมตา จากความเกลียด ก็กลายเป็นความชอบ จากความชอบ ก็กลายเป็นความรัก อาตมารักภาษาอังกฤษมาก ถึงขนาดสมัครสอบเอ็นทรานซ์เข้าคณะอักษรฯ จุฬาฯ ในปีถัดมา เบนเข็มจากวิศวกรหนุ่มมาดเข้ม มาเป็นแต๋ว Linguist กันดีกว่า ซึ่งต่อมา หลังจากได้รับการจุดประกาย จากคุณโยมแล้ว อาตมาก็ได้ไปเรียนภาษาอังกฤษเสริม ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งลีลาการสอน ละม้ายคล้ายของคุณโยม แต่จะเป็นศัพท์ที่มนุษย์ธรรมดาเขาไม่ใช้กัน และมุ่งสอบโทเฟิ่ล มากกว่าการสอบเอ็นทรานซ์ และได้สำเร็จวิชาแปลงกายเป็น ซุปเปอร์ไซย่า ณ ที่นั้นเอง ด้วยคะแนนสอบเอ็นทรานซ์ วิชาภาษาอังกฤษ กข ๗๘ คะแนน และ อังกฤษ กขค ๘๖ คะแนน จาก ๑๐๐ คะแนน ซึ่งถือว่า สูงลิบลิ่ว ในสายวิชาชีพเดียวกัน ถ้าพูดถึงความสำเร็จในการสอบเอ็นทรานซ์ หรือ ความสามารถในด้านภาษา (บางคนเขาเข้าใจว่า อาตมาจบเมืองนอกมาด้วยซ้ำ ทั้งที่ไม่เคยได้ไปเรียนเลย) ขึ้นมาเมื่อไหร่ จะต้องมีชื่อ "ครูสมศรี" อยู่อันดับต้น ๆ ของบทสนทนาว่า เป็นผู้มีพระคุณอย่างล้นเหลือต่ออาตมา เปลี่ยนชีวิตของอาตมาไปอย่างเรียกว่า metamorphosed หาเค้าเดิมไม่เจอ มาว่าถึง กระบวนการเตรียมการสอบเอ็นทรานซ์โดยละเอียด อาตมาเป็นบุคคล ประเภทแพ้ใจตัวเอง เสียเป็นส่วนใหญ่ หากอยู่บ้าน ก็จะรื่นเริงบันเทิงใจ ไปกับสิ่งสนุกสนาน ซึ่งสมัยนั้น คือหนังสือการ์ตูน วีดีโอเกม และทีวี (สมัยนี้ คงจะเป็นไฮไฟว์ แคมฟร็อก และเอ็มเอสเอ็น) โอ้...ความฝันของผู้บิดา และเรา มันไกลสุดเอื้อมเสียด้วย ฝันไปไกลถึง มหาวิทยาลัย อันดับหนึ่งของประเทศ ต้องเอาชนะคนเป็นแสนคน เข้าไปเรียน ซึ่งจริงแล้ว ไม่ต้องชนะคนทั้งแสนหรอก ชนะแค่คนเดียวก็พอ คือ ตัวเอง ในเมื่ออยู่บ้านแล้ว ไม่ได้อ่านหนังสือเตรียมสอบเป็นแน่ อาตมาก็บังคับตัวเอง ด้วยการไปสมัครเรียนตามเซ็นเตอร์ต่าง ๆ ทุกวิชา ไม่ปล่อยให้ตัวเองว่าง แม้จะไปนั่งหลับ นั่งคุย ก็ยังดีกว่า นอนอ่านการ์ตูนอยู่บ้าน สมัยก่อน คณิตศาสตร์ ก็ไปเรียนกับ อ.สมัย เหล่าวานิชย์ เดี๋ยวนี้ไม่รู้ยังอยู่หรือเปล่า ฟิสิกส์ก็ไปเรียน อ.ช่วง ทมทิตชงค์ สถาบันพียูเซนเตอร์ ซึ่งปัจจุบันกลายเป็น แอพพลายฟิสิกส์อันโด่งดัง(เพราะเป็นคดี) สมัยก่อนไม่ได้มีห้องเรียนสะดวกสบายเช่นนี้หรอก อ.สมัย อยู่แถวลาดพร้าว ห้องเรียนกระจิ๋วหลิ๋ว อัดคนเข้าไปเกือบร้อย พียูเซ็นเตอร์นั้น ก็ไปเช่าห้องเรียนเด็กประถม หรือ ม.ต้น แถวถนนศรีอยุธยา โต๊ะนั่งเรียนเล็กเหลือกำลัง และไม่มีแอร์ ภาษาไทยสังคม ก็ไปเรียนที่ดาว่องซ์ กับเจ๊ อ.ปิง ได้ข่าวว่า เดี๋ยวนี้ไปไกลถึงขั้นเป็นแม่ยก ส่งเด็กประกวดสาวประเภทสอง อยู่แถวเยาวราช ที่นี่ห้องเรียนก็อัดเป็นปลากระป๋องเหมือนกัน ดีหน่อยที่เบียดกับเด็กคอซอง เลยขยันเรียนเป็นพิเศษ วิชาเคมีก็ไปเรียนหนึ่งต่อสอง กับมาสเตอร์ที่โรงเรียนนั่นแล และภาษาอังกฤษ ก็เรียนกับคุณโยมที่บ้านศรีย่าน กับอีกสถาบันดังกล่าวข้างต้น เรียกว่าตั้งแต่เช้าจรดเย็น ทั้งเจ็ดวัน ไม่เคยว่าง กระนั้นก็ดี ในช่วงสุดท้าย ก่อนสอบ อย่างไรก็ต้องอ่านหนังสือเอง ก่อนหน้านี้ อาตมาก็กดดันตัวเองให้ถึงที่สุด ด้วยการขอโยมแม่ย้ายบ้าน ไปขังตัวเองอยู่ในทาวน์เฮ้าส์หลังหนึ่ง ซึ่งไม่มีอะไรเลย (ที่บ้านของยั่วกิเลสมันเยอะ) มีโต๊ะ เตียง หนังสือเรียน เตาแก๊สปิกนิกอันหนึ่ง และรถยนต์หนึ่งคัน แค่นั้น เคยมีหนังสือการ์ตูนอยู่ ๒-๓ เล่ม ก็อ่านซ้ำไปซ้ำมาอยู่นั่นแหละ (ก็กดดันตัวเองให้ไปอยู่ในที่ที่ไม่มีอะไรมายั่วกิเลสได้ มีอะไรพอที่จะบันเทิงได้นิดหน่อย ก็อ่านซ้ำซากอยู่อย่างนั้น) สุดท้ายก็ตัดใจ เผามันทิ้งบนเตาปิกนิกนั่นแล เลิกดูทีวีเป็นการถาวร ตั้งแต่ ม.๔ จนถึงปัจจุบัน คิดดูซีว่า เด็ก ม.๔ มีรถขับแล้ว สมัยนี้คงเป็นเรื่องปกติ แต่สมัยนั้น อาตมาเป็นคนแรก ๆ ของรุ่นเลยที่มีรถขับ มีรถแล้วจะเฉไฉ เถลือกไถลไปทางไหนก็ได้ บ้านก็อยู่คนเดียว ไปไหนไม่ต้องบอกใคร อันนี้ต้องพึ่งวินัยส่วนตัว ผ่อนคลายได้บ้าง แต่ไม่ไปติดกับมัน เวลาทั้งหมดของชีวิต ทุ่มเทให้กับการอ่านหนังสือ กับนอน ง่วงนักก็นอน ตื่นมาก็อ่านต่อ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ ที่จะเข็นตัวเอง ที่ปกติขี้เกียจตัวเป็นขน ให้ข้ามขีดจำกัดของตัวเอง สมองความจำอาตมาก็ไม่ได้ดีเด่อะไรมาก ออกจะเป็นคนหัวทึบเสียด้วย หนังสือที่เขาท่องกัน ๓ รอบ จำได้ ของอาตมาต้องอย่างต่ำ ๒๐ รอบ เรียนตก ๆ หล่น ๆ มาตลอด ความประพฤติก็โปเก เกเรพอควร สมัย ม.๓ เคยถูกตีประจานต่อหน้า ๓ ชั้นปีเพราะไปสอบซ่อม วิชาคณิตศาสตร์แทนเพื่อน จบมาหลายปี รุ่นน้องยังจำได้อยู่เลย ที่โรงเรียนไม่มีใครคิดหรอกว่า อาตมาจะเอ็นฯติด มาสายเป็นประจำ ขาดเรียนเป็นประจำ จนได้ มส. (หมดสิทธิ์สอบ) วิชาชีวะไปวิชานึงหน่ะ ถึงได้เลิกโดด แต่ที่โดด ก็โดดไปเรียนพิเศษนั่นแหละ คนใกล้ชิดถึงจะทราบ เป็นเด็กที่ห้าวเหลือกำลัง เป็นโต้โผ นำกำลังเพื่อนไปปิดล้อมห้องปกครอง ยื่นข้อเสนอกับบราเดอร์(ฝ่ายปกครองของโรงเรียน)ว่า ม.๖ เทอมสุดท้าย จะขอปิดเทอมเร็วกว่าปกติ เพื่อไปเตรียมตัวสอบเองที่บ้าน เพราะได้ทราบมาว่า ที่โรงเรียนสวนกุหลาบเขาทำเช่นนั้นกัน แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ ท่านว่า แต่ละคนกำลังใจไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะหยุดไปดูหนังสือ บางคนอาจจะหยุดไปเถลไถล ถ้าผู้ปกครองนักเรียนมาถามท่าน ท่านจะตอบพวกเขาว่าอย่างไร แม้หยักสมองจะน้อยกว่าคนอื่น แต่อาตมาก็มีลูกบ้า ลูกอึด ลูกทน ลูกทรหด ยิ่งกว่าริกส์คนมหากาฬ เช้ามา หกโมงเช้า อาตมาจะไปยิ้มทักทายให้ยามดูแลประตูที่เซ็นเตอร์สอนภาษาอังกฤษแล้ว เซ็นเตอร์แห่งนี้ เปิดให้เรียนกับ "วีดีโอ" เสียด้วย ใครเคยเรียนหนังสือกับวีดีโอ จะทราบว่า มันน่าเบื่อเหลือกำลังแค่ไหน เรียนได้สักคาบหนึ่ง แปดเก้าโมงก็ออกมา กะว่ารถหายติดแล้ว ก็ขับรถไปเรียนที่โรงเรียนเซนต์ฯต่อ สามโมงครึ่งเลิกเรียน อาตมาก็กลับมาเรียนภาษาอังกฤษอีก เรียนไปจนสี่ทุ่ม ค่อยขับรถกลับบ้าน ทำอย่างนี้แทบทุกวัน ถามว่า ทำกำลังใจอย่างไร จึงปรารภความเพียรได้ขนาดนั้น ประการหนึ่ง อาตมาใช้วิธีเอาพลังงานด้านลบ มาแปรเป็นพลังงานด้านบวก พลังงานด้านลบ คือ สมัยนั้นอาตมาเป็นคนงกมาก ตระหนี่มาก งกระดับไหน ลองมาดูตัวอย่าง ตอน ม.๓ ไปเก็บขวดน้ำอัดลมขาย ก็เคยมาแล้ว คือที่โรงอาหารของโรงเรียน ร้านขายน้ำเขาขี้เกียจไปตามเก็บขวด เขาก็ใช้วิธีเก็บมัดจำ เวลานั้นน้ำอัดลมขนาด ๑๐ ออนซ์ ขวดละ ๔ บาท เขาก็คิด ๕ บาท ต้องเอาขวดมาคืน จึงจะได้เงินมัดจำ ๑ บาทคืน ทีนี้เด็กเซนต์ฯส่วนใหญ่เป็นลูกคนรวย เขาไม่มาสนใจเงิน ๑ บาทหรอก ตรงข้ามกับอาตมาที่มีฐานะปานกลางค่อนข้างจน ผนวกกับความงก ก็ไปเก็บขวดที่เขาไม่เอามัดจำคืน ไปเอาเงินมัดจำกับร้านค้า เวลาเอาขวดไปแลกตังค์ (ทีละหลาย ๆ ขวด) ร้านค้าเขาก็มองหน้า เพราะร้านค้าเขาก็ส่งคนออกมาเก็บเป็นรายได้ของเขาเหมือนกัน งานนี้เลยมีเขม่นกัน อาตมาก็หน้าด้านหน้าทน ไม่สนใจ ได้เงินซะอย่าง นี่เป็นตัวอย่างของความงกของอาตมา อาตมาก็เอาความงกนั้น มาเป็นพลังปู่เต่าในการเรียนหนังสือ เพราะการเรียนกับจอทีวีนี่ อยากจะเรียนเท่าไหร่ นานแค่ไหน เขาก็ไม่ได้ห้าม มีกำลังแค่ไหนเรียนไปเล้ย อาตมาก็คิดแบบงก ๆ ว่า อย่างนี้เรียนมาก ก็คุ้มค่ามาก ฉะนั้นก็เจียดเวลาทุกนาที ที่พอเจียดได้ ไปนั่งตาปรือเบลอ ๆ ในห้องเรียน บางทีเรียนกันไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน พกขนมปัง แซนด์วิช นมถั่วเหลือง แรดตามซอย เข้าไปกินเป็นข้าวเที่ยง ไม่จดก็นั่งฟัง ถ้าง่วงก็ฟุบหลับ นั่งดู นั่งฟัง นั่งจด จนคำศัพท์มันซึมเข้าไปในกระแสเลือด ไม่ต้องท่องให้เสียเวลา อีกประการหนึ่ง ตอนนั้น ไม่มีใครมาให้กำลังใจเราหรอก เราเองต้องให้กำลังใจตัวเอง เวลามันขี้เกียจอ่านหนังสือขึ้นมา อาตมาให้กำลังใจตัวเองว่า นี่ถ้าทำสำเร็จ เราจะแปรสภาพจาก เด็ก ม.ปลายกะโปโลธรรมดา ๆ ไปเป็นนิสิตจุฬาฯไฮโซ เลยนะ มันเหมือนการเปลี่ยน social status (สถานะทางสังคม) เลยนะ คิดดูซีว่า สถานะทางสังคมมันเปลี่ยนกันได้ง่ายเสียที่ไหน บางคนมีเงินเป็นร้อยล้าน ก็ซื้อปริญญาบัตรไม่ได้ เกียรตินี่มันกินไม่ได้ แต่เท่ นึกภาพตามไปด้วย เป็นภาพเรายืนใส่ชุดนิสิตปี ๑ อยู่ในรั้วจามจุรี หรือสวมชุดครุย รับปริญญากับในหลวง (อาตมาเป็นรุ่นสุดท้ายที่ในหลวงเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร) สมัยเป็นเด็ก ม.ปลาย จะมองจุฬาฯ เป็นอะไรที่เลิศเลอมาก สูงส่งมาก (แต่ภายหลังเข้าไปเรียนแล้ว ก็รู้สึกเฉย ๆ) mission impossible มาก ๆ บอกตัวเองทุกครั้งที่ทดท้อ เบื่อหน่ายว่า เราทนลำบากอีกเพียงไม่นาน แลกกับการมีชีวิตที่แตกต่างตลอดไป ไปไหนบอกเราเป็นนิสิตจุฬาฯ โอ้ย...มันโก้น้อยเสียที่ไหน เผื่อจะมีสาว ๆ คนไหน อยากจะควงกับหนุ่มวิศวฯ จุฬาฯ บ้าง (ช่วงนั้นก็คิดอะไรโง่ ๆ ตามสไตล์เด็กโรงเรียนชายล้วนนั่นแล ไม่เคยรู้หรอกว่า สาว ๆ เขาไม่เคยมองหรอกว่า จะเรียนสถาบันไหนมา แต่อะไรโง่ ๆ ที่ช่วยให้เรามีความเพียรได้ ก็คิดมันเข้าไปเหอะ) ช่วงสุดท้ายก่อนสอบ มีความพอใจในการเรียนภาษาอังกฤษมาก ถึงขนาดไปนั่งเรียน ตั้งแต่ ๖ โมงเช้า ไปยัน ๔ ทุ่ม เรียนเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ จนมีความเชี่ยวชาญพิเศษ สามารถตาดูจอโทรทัศน์ แล้วจดคำศัพท์ได้โดยไม่ต้องก้มมอง หรือเวลาอาจารย์บอกคำศัพท์ ๑ ตัว ก็สามารถแจกคำศัพท์ที่เหลือในชุดเดียวกันล่วงหน้า เช่น เจอคำว่า relevant ที่แปลว่า ตรงจุดตรงประเด็น ก็จะสาธยายศัพท์ที่เหลือออกมาได้ในทันที คือ pertinent germane apopos (อีกตัวจำไม่ได้แฮะ ไม่ได้ใช้มานานแล้ว) จนสุดท้ายต้องเบรกตัวเอง บอกตัวเองว่า ถ้าไม่หยุดเรียนภาษาอังกฤษเดี๋ยวนี้ จะอ่านวิชาอื่นไม่ทัน (ต้องรู้จักแบ่งเวลาอ่านหนังสือนะ จะมัวดูแต่วิชาที่ชอบไม่ได้ อ.สมัย เคยแนะว่า ถ้าเราวางแผนดี ๆ ทำคะแนนให้ได้สักครึ่งหนึ่งทุกวิชา แค่นี้ก็เอ็นฯติดแล้ว แต่ส่วนใหญ่มักจะทำไม่ได้กัน วิชาที่ชอบก็คะแนนโด่งเลย วิชาที่ไม่ชอบคะแนนก็ต่ำเตี้ยเลย) จึงกลับมาหมกตัวที่ทาวน์เฮ้าส์ ทำข้อสอบเก่าย้อนหลังไปเป็นสิบ ๆ ปี ช่วงเดือนสุดท้าย ก่อนการสอบ เชื่อไหมว่า อาตมาเอาเวลาไปว่ายน้ำ ที่สระเซนต์คาเบรียลทุกวัน จนรุ่นน้องถามว่า พี่ไม่ดูหนังสือสอบเหรอ และการณ์ต่อมา พบกันอีกครั้ง น้องเขาก็ทำตาโต เห็นพี่มาว่ายน้ำทุกวัน ไฉนหน้าพี่ถึงไปติดอยู่หน้าห้องแนะแนว ในฐานะที่ทำชื่อเสียงให้โรงเรียน พี่ไปอ่านหนังสือตอนไหน ช่วงนั้น ความรู้สึกมันบอกว่า เราทำดีที่สุดแล้ว จะสอบติด หรือไม่ติด ก็ช่างมันเถิด โยมพ่อโยมแม่ถามว่า ทำข้อสอบได้ไหม ก็ยิ้ม ๆ ตอบว่า ช่างมันเถอะ อย่าไปสนใจเลย สอบได้มันก็คือได้ จนโยมพ่อโยมแม่กระวนกระวายใจ อาตมาเคยเอ็นฯไม่ติดอะไรเลย ตอน ม.๕ กลับมาโรงเรียน อายแทบตาย เพราะมั่นใจอย่างล้นเหลือว่า ติดแน่ ๆ ไปกราบลามาสเตอร์ คุณครู แทบทุกคน พอเปิดเทอม อ้าว...ไหนว่าไปแล้วไปลับ ไหงกลับมาเรียนอีกเล่า เคยประสบกับความผิดหวังแล้ว สอบครั้งนี้เลยไม่หวังอะไรเลย ไม่หวังจริง ๆ นะ ถึงขนาดไปเรียนเอแบค รอผลสอบเลย ถ้าไม่ติดก็เรียนเอแบคนี่ละวะ ครั้นเรียนไป เกิดติดใจขึ้นมาอีก เพราะที่เอแบค เรียนกันเป็นภาษาอังกฤษ (ดูคนมันบ้า) พอประกาศผลสอบ ดันติดอันดับหนึ่ง เกิดไม่อยากไปเรียนขึ้นมาอีกแล้ว อยากอยู่ที่เอแบคนี่ละ (แต่โยมพ่อโยมแม่ไม่ยอม) ที่สุดเลยเรียนมันทั้งสองมหาลัย อยากจะขอทิ้งท้ายให้น้อง ๆ ว่า อิทธิบาท ๔ เป็นคุณธรรมให้ถึงความสำเร็จ ประกอบด้วย ฉันทะ-ความพอใจในงานที่ทำ วิริยะ-ความเพียรในงานที่ทำ จิตตะ-มีใจจดจ่อในงานที่ทำ และวิมังสา-คิดใคร่ครวญในงานที่ทำ นั้น มี ฉันทะ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้าเรามีความพอใจเสียแล้ว ความเพียร และอื่น ๆ มันก็ตามมาเอง ครูสมศรี ชื่อว่า จุดประกาย ฉันทะในการเรียนภาษาอังกฤษให้อาตมา และมี "เพื่อน" เป็นแรงเกื้อหนุน จึงสามารถระเบิดพลัง เป็นซุปเปอร์ไซย่า ในกาลต่อมา น้อง ๆ ล่ะ หาเจอหรือยังว่า มีอะไร เป็นตัวจุดประกาย เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ ฯ ที่มา : http://akkarakitt.exteen.com/20080615/entry-1 จากหัวข้อ เจอ blog ของพระท่านหนึ่งเขียนถึงครูสมศรีโดยบังเอิญ (http://www.kru-somsri.ac.th/board/index.php?topic=3672) : Re: เปิดกรุ รวมมิตร ศิษย์เก่า เก๊า เก่า : Unidentified Girl February 21, 2009, 01:40:12 PM ฝากถึงน้องๆ ที่กำลังเรียนครูสมศรีทุกคน และกราบสวัสดี อาจารย์สมศรีด้วย พี่อยากฝากบอกในฐานะเด็กที่เรียนภาษา อังกฤษตั้งแต่อนุบาลยันตอนนี้ก็เรียนอยู่ น้องๆบางคนอาจจะ แค่คิดว่าเรียนภาษาอังกฤษเพื่อเอาไปสอบเข้าเรียนต่อ มหาวิทยาลัยดีๆที่อื่น (เหมือนพี่ที่ตอนแรกๆก็คิดอย่างนี้แหละ ค่ะ) แต่พี่อยากบอกว่าเรียนไปไม่ใช่เพื่อเอาสอบเข้าอย่างเดียว แต่น้องต้องสามารถเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วย ยิ่งน้องๆที่ เรียนเพื่อเอาไปสอบ admission เป็นก้าวแรกในการแข่งขันจริงๆ พี่อยากบอกว่าน้องเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เก่งภาษาอังกฤษได้ ถือว่าก็ดี แต่ยังไม่หมด การเข้าทำงานนั้นเค้าถือว่าทุกคนต้อง เก่งภาษาอังกฤษมาแล้ว ใช้ภาษาอังกฤษได้ดี บางที่อาจเกือบ ต้องเทียบเท่าเจ้าของภาษา และยิ่งตอนนี้งานในประเทศไทย ต้องติดต่อกับชาวต่างชาติมากขึ้น งานบางแห่งเค้าต้องสอบ toefl ถึงจะรับพิจารณา ย้ำนะน้องพิจารณาไม่ได้รับเข้าเลย แล้วเดี๋ยวนี้เก่งภาษาอังกฤษ ไม่พอค่ะน้อง สถิตินักท่องเที่ยวที่ เข้ามาบ้านเราคือพวกรัสเซีย จีนและพวกตะวันออกกลาง และที่ อีกอย่างพวกนี้พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ดังนั้นเค้าถือว่า ภาษาอังกฤษคือภาษาพื้นฐานที่ต้องใช้เป็นเหมือนภาษาไทย น้องหลายคนอาจคิดว่า แล้วพี่มาบอกทำไม พี่ก็อยากบอกว่า น้องบ้างคนยังไม่ตระหนักถึงความสำคัญของภาษาอังกฤษ เพื่อนพี่จบมา 3 กว่าๆ เรียนเก่งแต่ไม่ชอบภาษาอังกฤษ แต่อีกคนไปสมัครเหมือนกัน เรียนไม่ค่อยเก่ง แต่พูดภาษา อังกฤษได้ รับเข้าทำงานเลย น้องเข้าใจไหมคะทุกอย่างสอนได้ แต่ภาษาอังกฤษเค้าไม่สอนกันในที่ทำงานหรอกค่ะน้องๆทั้ง หลาย ตอนนี้ทุกอาชีพต้องพูดภาษาอังกฤษได้ อยากก้าวหน้า ต้องภาษาอังกฤษค่ะน้องแล้วหาภาษาที่สามเรียนต่อไป พี่ยังเสียดายอยู่เลย ที่ตอนอยู่มอปลายไม่ยอมตั้งใจเรียน ไม่ค่อยเข้าเรียน กะแค่สอบ admissionได้เป็นพอ เข้ามาอยู่ แล้วซึ้งเลยค่ะ ว่าไม่ตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษนั้นเป็นยังไง เพราะที่เรียนๆมานั้น ถ้าเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้วก็เริ่มต้นใหม่ หมด ยกเว้นภาษาอังกฤษ ที่ทางมหาลัย จะเอามาวัดเพื่อ pass ชั้น จบเร็วก็ขึ้นภาษาที่สามได้เร็วขึ้น สุดท้าย พี่อยากบอกว่าภาษาทุกวันนี้อย่าคิดว่าเราแค่พูดแต่ ภาษาไทยแล้วจะได้งานดีๆ ทุกวันนี้เราต้องใช้ภาษาอังกฤษ ในการ communicate กับคนต่างชาติมากขึ้น อย่าท้อนะคะ น้องๆ แล้วที่น้องเรียนมาปวดหัวมาก็จะคุ้มค่าค่ะ จากศิษย์เก่า ที่admission ติด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จากหัวข้อ ภาษาอังกฤษในปัจจุบัน เรื่องจริงที่น้องๆควรต้องใส่ใจ (http://www.kru-somsri.ac.th/board/index.php?topic=6518) : Re: เปิดกรุ รวมมิตร ศิษย์เก่า เก๊า เก่า : Unidentified Girl February 21, 2009, 01:40:38 PM สวัสดีครับ หวังว่าครูคงพอจำผมได้ ผมที่เคยอยู่บ้านครูสมศรี ไปเชียงใหม่กับครู กับพี่เก๋ และ อาล่งเย ตอนนี้ผมอยู่ที่ลาสเวกัส เรียนต่อโทอยู่ที่นี่ ผมแค่อยากจะ happy new year to you oran จากหัวข้อ เป็นไงบ้างครับครูสมศรี (http://www.kru-somsri.ac.th/board/index.php?topic=6907) : Re: เปิดกรุ รวมมิตร ศิษย์เก่า เก๊า เก่า : Unidentified Girl February 21, 2009, 01:41:13 PM หนูเพิ่งมาเห็นเว็บนี้ของครู แต่ตอนที่หนูเคยรู้จักครูมันนานมากแล้ว หนูเลยไม่แน่ใจว่าใช่คนเดียวกันรึเปล่า ข้อความต่อไปนี้หนูขอเขียนให้กับครูสมศรีของหนูนะคะ ถ้าหนูจำผิดคนก็ขอโทษด้วยค่ะ หนูชื่อพิ้วนะคะ ย้อนกลับไปสิบสามปีก่อน เมื่อปี 1996 หนูอายุ 12 ปี ได้มีโอกาสไปเข้าค่ายทัศนศึกษาที่อังกฤษกับ King's School of English มันนานมากจนหนูจำอะรไม่ค่อยได้แล้ว เพื่อนๆที่ไปด้วยกันตลอดจนครอบครัวที่หนูไปพักอยู่ด้วยก็จำไม่ได้ ที่จำได้ก็มีแต่เพื่อนสองคน เป็นคู่พี่น้องชื่อเปียกับปลาที่หนูสนิทที่สุดในค่าย และอีกคนที่หนูจำได้ก็คือครูผู้ดูแลที่ไปกับพวกเรา นั่นก็คือครูสมศรี ครูชื่อเล่นชื่อ**รึเปล่าคะ อยู่ในค่ายได้สักพักก็ได้รู้จักและคุยกับครูมากขึ้น จำได้แบบเลือนลางว่าพอคุยซักประวัติกันไปมาก็มีเรื่องบังเอิญ กลายเป็นว่าคุณแม่ของพิ้วชื่อ**คุณแม่ของเปียกับปลาก็ชื่อ** แล้วครูก็ชื่อ**อีก หลังจากนั้นหนูและเปียกับปลาก็เปลี่ยนสรรพนามเรียกครูใหม่ จากครูสมศรีกลายมาเป็น มี้ศรี ย่อมาจาก หม่ามี้สมศรี ตลอดเวลาที่อยู่ในค่ายเวลาหนูคิดถึงบ้าน มี้ศรีก็จะคอยปลอบใจ เวลาหนูมีเรื่องกับเพื่อน มี้ศรีก็ให้กำลังใจและให้คำแนะนำให้หนูสบายใจขึ้น บางครั้งนั่งรถไปเที่ยว หนูไม่มีคู่นั่งด้วย มี้ศรีก็จะมานั่งคู่กับหนู มีอยู่ช่วงนึงที่พวกเราบางส่วนแยกจากคณะแล้วข้ามฟากไปเที่ยว Disneyland ที่ปารีสกัน 3 คืน 4วัน ช่วงนั้นหนูมีความสุขที่สุดเลย ตอนกลางวันก็เดินเที่ยวเล่นเครื่องเล่นกับมี้ศรี ตกดึกหนูและเปียกับปลาก็จาพากันไปนั่งเล่นคุยกันที่ห้องของมี้ศรี หนูรักมี้ศรีมากค่ะ พอจบค่าย หนูมัวแต่ดีใจที่ได้กลับบ้าน ก็เลยลืมขอที่อยู่ติดต่อกับมี้ศรีไว้ เราก็เลยขาดการติดต่อกันและไม่ได้เจอกันอีกเลย ถ้าครูใช่คนเดียวกับมี้ศรีของหนู หนูมีเรื่องจะเล่าให้มี้ศรีเยอะเลย หลังจากจบค่ายไปสองปี หนูก็กลับไปเข้าเรียน High school ที่อังกฤษ ต่อด้วยมหาวิทยาลัย Goldsmiths College ที่ลอนดอน เวลาข้ามไปเที่ยว Disneyland ปารีสทุกทีก็จะคิดถึงมี้ศรี ตอนนี้หนูเรียนจบมาสามปีแล้ว กลับมาทำงานที่เมืองไทย ตั้งแต่วันนั้นที่หนูเป็นเด็กอายุ 12 จนมาถึงวันนี้ หนูอาจจะลืมอะไรไปหลายอย่าง แต่หนูไม่เคยลืมมี้ศรีคนนี้เลย ถึงแม้ว่าเราจะเคยอยู่ด้วยกันในเวลาแค่ 5 สัปดาห์ เราอาจจะไม่ได้ติดต่อกันหลังจากนั้น แต่หนูก็ยังรักและคิดถึงมี้ศรีอยู่ตลอดนะคะ ในชีวิตหนูเคยเจอครูมาก็หลายคน แต่มี้ศรีก็เป็นครูที่หนูรักที่สุดอยู่เสมอ และหนูก็ดีใจที่ได้เห็นเพื่อนๆน้องๆในนี้ได้มีโอกาสเจอกับครูที่แสนจะน่ารักเหมือนกับที่หนูเคยเจอ ตอนนี้หนูกำลังมีแพลนจะกลับไปเรียนปริญญาโทที่อังกฤษในเดือนกันยายนนี้ ถ้าเป็นไปได้หนูก็อยากจะเจอมี้ศรี อยากคุยกับมี้ศรีอีกสักครั้งก่อนที่หนูจะกลับไปเรียน จะได้หายคิดถึงซะหน่อย รูปข้างล่างนี้เป็นรูปเดียวของมี้ศรีที่หนูมี เคยถ่ายไว้เยอะแต่หายไปไหนหมดก็ไม่รู้ แต่จะพยายามหาต่อไปค่ะ คนที่ยืนอยู่ใต้รูปมงกุฏบนรถบัสนี้ใช่มี้ศรีรึเปล่าเอ่ย หนูไม่แน่ใจเพราะตอนั้นมี้ศรีไว้ผมยาวและไม่ได้ใส่แว่น ถ้าหนูจำผิดคนก็ขอโทษด้วยนะคะ (http://i72.photobucket.com/albums/i191/violettals/Krusomsri.jpg) จากหัวข้อ ครูขา ครูใช่ครูสมศรีคนเดียวกับที่หนูเคยรู้จักรึเปล่าคะ (http://www.kru-somsri.ac.th/board/index.php?topic=7924) : Re: เปิดกรุ รวมมิตร ศิษย์เก่า เก๊า เก่า : Unidentified Girl February 21, 2009, 01:41:47 PM ;D คุณครู : อ้าววว ผู้ปกครองใครมาคะ? ??? ลูกศิษย์รุ่นแรก : คุณครูจำหนูไม่ได้หรอคะ รุ่นแรกเลยนะคะเนี่ย ;D (http://ud.popcornfor2.com/show/b7Qd2b04.jpg) คุณครู : อ้าวววว :o :o :o แล้วรู้ได้ไงว่าครูมา (ดูภาพสิคะ 555) ลูกศิษย์รุ่นแรก : ป้ายนี่ ไม่ค่อยจะเล็กเลยนะคะเนี่ยยยย!! -_-* คุณครู : ไม่ช่ายยยย หมายถึง รู้ได้ยังไงว่าคุณครูมาวันนี้ :o :o ลูกศิษย์รุ่นแรก : ก็โทรมาถามสิคะ จะยากอะไร -_-* ................................. และก็จบลงที่.....กระเช้าน่ากินๆค่ะ (http://u5.popcornfor2.com/show/3@I5a3d3.jpg) 555++ ;) จากหัวข้อ จะเกิดอะไรขึ้น? ถ้าคุณครูพบลูกศิษย์รุ่นแรกกที่ขอนแก่นนน!!! (http://www.kru-somsri.ac.th/board/index.php?topic=7980) : Re: เปิดกรุ รวมมิตร ศิษย์เก่า เก๊า เก่า : Unidentified Girl February 21, 2009, 01:42:09 PM สวัสดีครับคุณครูสมศรีที่น่าเคารพรัก พอดีเข้าเว็บศิษย์เก่าเซนต์มีหัวข้อเกี่ยวกับครูสมศรีแล้วลิงค์มาเว็บของคุณครู เลยเข้ามาเยี่ยมชมด้วยความคิดถึงและความเคารพ เพื่อนๆห้องผมยังเจอกันและพูดถึง ครูอยู่เสมอครับ แต่ส่วนใหญ่จะด่ากันเองว่าทำให้ครูต้องปวดหัวเพราะมาสอนลิงห้องผม 6E น่าจะเป็นปีแรกที่ครูมาสอนครับ ขอให้คุณครูแข็งแรงมีพลังในการสอนน้องๆต่อไปนะครับ เลี้ยง 6E ปี2529 จากหัวข้อ ไม่เจอครูมา20กว่าปีแล้ว (http://www.kru-somsri.ac.th/board/index.php?topic=8031) : Re: เปิดกรุ รวมมิตร ศิษย์เก่า เก๊า เก่า : Unidentified Girl February 21, 2009, 01:47:25 PM อ๊ะ ลืมของ คุณปู่ตำรวจอีกคน ;D
ถ้าจำไม่ผิด เมื่อประมาณปี 2528...คุณครูได้เริ่มการสอนที่ รร.เซนต์คาเบรียล และได้มีฉายาว่า...ใครทายถูกมีรางวัล...ใบ้นิดนึง เป็นการ์ตูนที่ดังมากกกกกกกก จากหัวข้อ ทายถูกมีรางวัล!!! (http://www.kru-somsri.ac.th/board/index.php?topic=6759) ประวัติโรงเรียนฯที่แท้จริงก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณ 25 ที่แล้ว ตั้งโดยคุณครูคนหนึ่งที่แอบลักลอบสอนเด็ก โดยเลือกรับเฉพาะเด็กนักเรียนที่หน้าตาดี และมีความมุ่งมั่นที่จะมีอนาคตที่ดี โดยใช้แรงงานทุกคนในครอบครัวอย่างทั่วถึง ไม่เว้นแม่แต่คุณแม่ของคุณครูเองก็ยังต้องทำงานเพื่อโรงเรียนฯ (เหมือนโรงงานนรก) และยังชอบทำตัวเป็นคุณครูใจร้าย ไล่นักเรียนที่หิวโหยกำลังกินส้มตำอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ข้างสะพานใกล้ๆโรงเรียนฯ นอกจากนั้นยังให้หมาอัลเซเชี่ยนเฝ้าอยู่รอบๆห้องเรียน กันนักเรียนหลบหนี ดังนั้น ขอให้คุณครูฯแก้ไขประวัติโรงเรียนฯให้ถูกต้องด้วย มิฉะนั้น เราจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด โดยจะทำให้เพดานห้องเรียนเป็นรู...เราเตือนท่านแล้วนะ จากศิษย์รุ่นแรก... จากหัวข้อ ประวัติ รร.ครูสมศรี บิดเบือน ??? (http://www.kru-somsri.ac.th/board/index.php?topic=6800) : Re: เปิดกรุ รวมมิตร ศิษย์เก่า เก๊า เก่า : Unidentified Girl February 21, 2009, 02:27:18 PM จริงๆยังมีในส่วนที่ไม่ใช่ข้อความทางสืออิเล็กทรอนิคด้วยนะคะ
(เป็นจดหมายถึงคุณครู) คุณครูน่าเอามารวมต่อนะคะ ^-^ ถ้าไม่ใช่เพราะ คำสอนอันน่าจดจำของคุณครู และคุณครูของคุณครู ตลอดจนบุคคลต่างๆที่คุณครูเคารพ แล้วจะไปเพราะอะไรได้อีก นอกจาก ความสวย : Re: เปิดกรุ รวมมิตร ศิษย์เก่า เก๊า เก่า : Dereana February 21, 2009, 03:33:35 PM *0* โหหหหหหหห
: Re: เปิดกรุ รวมมิตร ศิษย์เก่า เก๊า เก่า : มาริโอ้(ว) February 21, 2009, 06:28:07 PM เงี่ยแหละครับ แก่แล้ว ศิษย์ก็ต้องเยอะเป็นธรรมดา อิอิ
: Re: เปิดกรุ รวมมิตร ศิษย์เก่า เก๊า เก่า : PRAEWSMILE February 21, 2009, 08:30:12 PM เงี่ยแหละครับ แก่แล้ว ศิษย์ก็ต้องเยอะเป็นธรรมดา อิอิ มาว่าแม่สมศรีของน้องแพรวแก่ได้ยังไงพี่ป่องคุณแม่ยังสาว สวย น่ารัก อวบ อึ๋ม บ๊ะ อวบ อึ๋ม บ๊ะ อะ อวบ อึ๋ม บ๊ะ 555555 : Re: เปิดกรุ รวมมิตร ศิษย์เก่า เก๊า เก่า : คุณครูสมศรีสุดสวยจร้า!! February 21, 2009, 10:50:29 PM ถูกของน้องแพรวคนสวยจ้า ;D
: Re: เปิดกรุ รวมมิตร ศิษย์เก่า เก๊า เก่า : destroy & develop February 21, 2009, 11:03:24 PM อีก10ปีข้างหน้า ผมก็คงเป็นศิษย์เก่าของครูสมศรีเหมือนพี่ๆ
แต่ถึงยังไง ครูสมศรีก็คือครูในดวงใจของผมตลอดไปครับ I love Kru Somsri forever : Re: เปิดกรุ รวมมิตร ศิษย์เก่า เก๊า เก่า : Unidentified Girl February 22, 2009, 05:51:19 PM เงี่ยแหละครับ แก่แล้ว ศิษย์ก็ต้องเยอะเป็นธรรมดา อิอิ ครูแก่ที่ไหน รอยเท้ากายังไม่มาเยือนเล้ยยยย : Re: เปิดกรุ รวมมิตร ศิษย์เก่า เก๊า เก่า : NaaPaaat February 22, 2009, 05:55:36 PM ^
^ ^ ไม่มีรอยเท้า แต่มาทั้งตัวเลยค้าบบ คุณพี่ค้าบบบ : Re: เปิดกรุ รวมมิตร ศิษย์เก่า เก๊า เก่า : PRAEWSMILE February 22, 2009, 08:42:32 PM ใครก็ได้
เอาหมาจากปากน้าพ้าดไปฆ่าที : Re: เปิดกรุ รวมมิตร ศิษย์เก่า เก๊า เก่า : Unidentified Girl February 23, 2009, 02:11:00 AM ;D
หวัดดีครับครูผมลิง 6E รุ่นที่คุณครูวิ่งหนีกิ้งก่า อ่ะีครับ 20กว่าปีไม่ได้เจอกัน คุณครูไม่เปลี่ยนเลยสวยเหมือนเดิม แค่แก่ลงไปนิดเดียว คิดถึงคุณครูนะครับ เอาไว้ตอนเลี้ยงรุ่นห้องผมจะเชิญคุณครูไป ขอบคุณครับ จากหัวข้อ ทักทายครูสมศรีจากศิษฐ์เก่า(SG) (http://www.kru-somsri.ac.th/board/index.php?topic=8099) |