NaaPaaat
|
 |
« #30 : February 18, 2009, 11:15:33 PM » |
|
ทำไมตอนนั้นสวยยยยย
แล้วตอนนี้ .................
|
|
|
|
Unidentified Girl
.: ภูมิใจ "ครูสวย" :.
Sr. Somsri'S Fanclub
Hero Member
    
: 
: 4966
|
 |
« #31 : February 18, 2009, 11:16:09 PM » |
|
สวยกว่า
|
|
|
|
อุซางิจัง..CUD44
ผิดไหม...ที่แอบรักครู55+
Sr. Somsri'S Fanclub
Hero Member
    
: 
: 4341
เป็นน้องสาวแองจี้แล้วผิดไม๊
|
 |
« #32 : February 18, 2009, 11:16:50 PM » |
|
ค่ะ๕๕
ครูเป็นรุ่นพี่หนู๒สถาบันแล้วนะคะ ๕๕
ps.ก็ยังสวยเข้าใจไหมน้าพ๊าดดดดดดดดดดดดดดดด
|
ชั้นคือสาวน้อยน่ารักผู้พิทักษ์ความรักและความยุติธรรม เซเล่อมูน...ตัวแทนจากดวงจันทร์จะลงทันแกเอง
CUD44~ARTS CU 77
|
|
|
มาริโอ้(ว)
|
 |
« #33 : February 18, 2009, 11:17:54 PM » |
|
อย่าบังอาจมาว่าครูแม่นะครับ น้าพาด ด ด ด ด
|
กุหลาบเปลี่ยนกระถางมิจางกลิ่น...
...ชมพู-ฟ้าเปลี่ยนถิ่นมิจางสี
ผมจะรักสวนกุหลาบจนวันตายยย
|
|
|
NaaPaaat
|
 |
« #34 : February 18, 2009, 11:19:11 PM » |
|
ไปนอนละ
เผ่นดีกว่าาาาาาาา
อิอิ
|
|
|
|
ครูปอนด์
Hero Member
    
: 
: 650
ศิษย์คุณครูสมศรี
|
 |
« #35 : February 19, 2009, 03:09:14 AM » |
|
น้องวิว รุ่นพี่หรือรุ่นทวด 555
|
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
และกรรมหมายรวมถึง "กรรมปัจจุบัีน" ในวินาทีนี้ด้วย
|
|
|
Pu_Pu
รักคุณครูสวยจัง
Newbie

: 
: 28
|
 |
« #36 : February 19, 2009, 07:00:13 PM » |
|
ว้าววววว
โหอิจฉาพี่พิ้สมากมายอะ
ทำไมไม่ได้มีมี๊ศรีเหมือนพี่พิ้ว
งั้นให้คุณครูเป็นม๊าศรีละกันเนอะ
เหอะๆๆๆ
|
ขอบคุณที่เป็นลูกศิษย์ของคุณครู วันหนึ่งต้องเป็นผู้ชนะแน่นอน
|
|
|
Dereana
{*(oo)*}รักครูสวย
Hero Member
    
: 
: 2379
- -* กาใบ้ - -*
|
 |
« #37 : February 19, 2009, 08:22:38 PM » |
|
*0*
|
....ไม่ใช่คนที่โชคดีที่เกิดมามีทุกสิ่ง.... แต่หนูโชคดีจริงๆที่ได้เป็นลูกศิษย์คุณครู...
|
|
|
คุณครูสมศรีสุดสวยจร้า!!
น่าร๊ากกกกก
Administrator
Hero Member
    
: 
: 4363
เดาซิ...คุณครูอุ้มน้องหมากี่ตัว อิอิ
|
 |
« #38 : February 20, 2009, 11:38:39 PM » |
|
หนูเพิ่งมาเห็นเว็บนี้ของครู แต่ตอนที่หนูเคยรู้จักครูมันนานมากแล้ว หนูเลยไม่แน่ใจว่าใช่คนเดียวกันรึเปล่า ข้อความต่อไปนี้หนูขอเขียนให้กับครูสมศรีของหนูนะคะ ถ้าหนูจำผิดคนก็ขอโทษด้วยค่ะ
หนูชื่อพิ้วนะคะ ย้อนกลับไปสิบสามปีก่อน เมื่อปี 1996 หนูอายุ 12 ปี ได้มีโอกาสไปเข้าค่ายทัศนศึกษาที่อังกฤษกับ King's School of English มันนานมากจนหนูจำอะรไม่ค่อยได้แล้ว เพื่อนๆที่ไปด้วยกันตลอดจนครอบครัวที่หนูไปพักอยู่ด้วยก็จำไม่ได้ ที่จำได้ก็มีแต่เพื่อนสองคน เป็นคู่พี่น้องชื่อเปียกับปลาที่หนูสนิทที่สุดในค่าย และอีกคนที่หนูจำได้ก็คือครูผู้ดูแลที่ไปกับพวกเรา นั่นก็คือครูสมศรี
ครูชื่อเล่นชื่อ**รึเปล่าคะ อยู่ในค่ายได้สักพักก็ได้รู้จักและคุยกับครูมากขึ้น จำได้แบบเลือนลางว่าพอคุยซักประวัติกันไปมาก็มีเรื่องบังเอิญ กลายเป็นว่าคุณแม่ของพิ้วชื่อ**คุณแม่ของเปียกับปลาก็ชื่อ** แล้วครูก็ชื่อ**อีก หลังจากนั้นหนูและเปียกับปลาก็เปลี่ยนสรรพนามเรียกครูใหม่ จากครูสมศรีกลายมาเป็น มี้ศรี ย่อมาจาก หม่ามี้สมศรี
ตลอดเวลาที่อยู่ในค่ายเวลาหนูคิดถึงบ้าน มี้ศรีก็จะคอยปลอบใจ เวลาหนูมีเรื่องกับเพื่อน มี้ศรีก็ให้กำลังใจและให้คำแนะนำให้หนูสบายใจขึ้น บางครั้งนั่งรถไปเที่ยว หนูไม่มีคู่นั่งด้วย มี้ศรีก็จะมานั่งคู่กับหนู มีอยู่ช่วงนึงที่พวกเราบางส่วนแยกจากคณะแล้วข้ามฟากไปเที่ยว Disneyland ที่ปารีสกัน 3 คืน 4วัน ช่วงนั้นหนูมีความสุขที่สุดเลย ตอนกลางวันก็เดินเที่ยวเล่นเครื่องเล่นกับมี้ศรี ตกดึกหนูและเปียกับปลาก็จาพากันไปนั่งเล่นคุยกันที่ห้องของมี้ศรี หนูรักมี้ศรีมากค่ะ
พอจบค่าย หนูมัวแต่ดีใจที่ได้กลับบ้าน ก็เลยลืมขอที่อยู่ติดต่อกับมี้ศรีไว้ เราก็เลยขาดการติดต่อกันและไม่ได้เจอกันอีกเลย
ถ้าครูใช่คนเดียวกับมี้ศรีของหนู หนูมีเรื่องจะเล่าให้มี้ศรีเยอะเลย หลังจากจบค่ายไปสองปี หนูก็กลับไปเข้าเรียน High school ที่อังกฤษ ต่อด้วยมหาวิทยาลัย Goldsmiths College ที่ลอนดอน เวลาข้ามไปเที่ยว Disneyland ปารีสทุกทีก็จะคิดถึงมี้ศรี ตอนนี้หนูเรียนจบมาสามปีแล้ว กลับมาทำงานที่เมืองไทย ตั้งแต่วันนั้นที่หนูเป็นเด็กอายุ 12 จนมาถึงวันนี้ หนูอาจจะลืมอะไรไปหลายอย่าง แต่หนูไม่เคยลืมมี้ศรีคนนี้เลย ถึงแม้ว่าเราจะเคยอยู่ด้วยกันในเวลาแค่ 5 สัปดาห์ เราอาจจะไม่ได้ติดต่อกันหลังจากนั้น แต่หนูก็ยังรักและคิดถึงมี้ศรีอยู่ตลอดนะคะ
ในชีวิตหนูเคยเจอครูมาก็หลายคน แต่มี้ศรีก็เป็นครูที่หนูรักที่สุดอยู่เสมอ และหนูก็ดีใจที่ได้เห็นเพื่อนๆน้องๆในนี้ได้มีโอกาสเจอกับครูที่แสนจะน่ารักเหมือนกับที่หนูเคยเจอ
ตอนนี้หนูกำลังมีแพลนจะกลับไปเรียนปริญญาโทที่อังกฤษในเดือนกันยายนนี้ ถ้าเป็นไปได้หนูก็อยากจะเจอมี้ศรี อยากคุยกับมี้ศรีอีกสักครั้งก่อนที่หนูจะกลับไปเรียน จะได้หายคิดถึงซะหน่อย
รูปข้างล่างนี้เป็นรูปเดียวของมี้ศรีที่หนูมี เคยถ่ายไว้เยอะแต่หายไปไหนหมดก็ไม่รู้ แต่จะพยายามหาต่อไปค่ะ
คนที่ยืนอยู่ใต้รูปมงกุฏบนรถบัสนี้ใช่มี้ศรีรึเปล่าเอ่ย หนูไม่แน่ใจเพราะตอนั้นมี้ศรีไว้ผมยาวและไม่ได้ใส่แว่น ถ้าหนูจำผิดคนก็ขอโทษด้วยนะคะ และแล้ว 13 ปีที่มี๊ศรีและลูกสาวพิ้วไม่ได้เจอกันก็กลับมาพบกันอย่างชื่นมื่น
เหตุเกิดเพราะพี่พิ้วนั่งอ่านกระทู้ตอบปัญหาของคุณครูและเกิดความรู้สึกอภัยเพื่อนที่มาทำร้ายจิตใจพี่พิ้ว
พอพี่พิ้วดูชื่อก็เริ่มเอะใจแล้วอยากรู้ว่าบอร์ดของพวกเราทำอะไรกัน
และแล้ว...พรหมลิขิตให้ลูกพิ้วกับมี้ศรีมาพบกัน
มี้ศรีจำหนูได้เสมอ เด็กที่เป็นผู้ใหญ่เกินตัว
เด็กที่เรียนอินเตอร์ บางกอกพัฒนา เด็กที่เล่นเปียโนเก่ง
เด็กที่เป็นตัวแทนวัย 11 เข้าไป cpmplain ฝรั่งกับมี้ศรี
9ปีที่พี่พิ้วไปเรียนต่อในอังกฤษ แต่สำเนียงพี่พิ้วชัดกว่าคนไทยอีกหลายคน
พี่พิ้งบอกว่า"หนูฝึกค่ะ ถ้าหนูพูดไม่ชัด หนูจะเรียกตัวเองว่าคนไทยได้อย่างไร"
พี่พิ้วยังเก็บเกี่ยวประสบการณ์มามากมาย
พี่พิ้วเรียนมาด้านไหน
พี่พิ้วทำอะไรอยู่
ถ้าหนูทราบ
หนูต้องตื่นเต้นแน่ๆเลย
ไว้รอพี่พิ้วมาตอบเองดีกว่านะคะ
อยากบอกพิ้วว่า
"มี้ศรีภูมิใจในตัวหนูมากค่ะ"
|
อย่าลืมเทียมเกวียนเยี่ยงควาย อ่านซ้ำๆ ทวนซ้ำๆ นะคะ คุณครูสมศรีและพี่ๆเสื้อส้ม เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ๆค่ะ!!!!!
|
|
|
violettals
|
 |
« #39 : February 21, 2009, 01:36:15 AM » |
|
ขอบคุณมี้ศรีมากๆๆๆๆนะคะ ทั้งๆที่มี้พาเด็กไปอังกฤษไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ละครั้งเด็กๆก็มีหลายสิบคน แต่มี้ศรียังจำลูกพิ้วคนนี้ได้ ไม่ใช่จำได้แค่ชื่อนะคะ แต่ยังจำรายละเอียดอื่นๆได้อีก เช่นเคยเรียนที่ไหน ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร มี้ศรีจำได้หมด ตอนนี้หนูทำงานเป็นครู หนูจะดูมี้ศรีเป็นตัวอย่างค่ะ จะเป็นครูที่ดีแบบมี้ศรีค่ะ
เอาล่ะ มาตอบโจทย์ที่มี้ศรีตั้งไว้ดีกว่า
พี่พิ้วเรียนมาด้านไหน
พี่จบทางด้านร้องเพลงคลาสสิกค่ะ แปลกใจล่ะสิ แต่มันก็น่าแปลกเพราะว่าคนที่ไปต่างประเทศแล้วไปเรียนด้านนี้มีน้อยมากค่ะ เป็นงัยมางัยต้องเล่าตั้งแต่ต้นนะคะ พี่เป็นคนชอบดนตรีตั้งแต่เด็กแล้ว ตอนแรกๆก็เรียนโรงเรียนรัฐบาลแถวๆบ้าน แต่พอประมาณ ป.3 คุณแม่ของพี่เห็นว่าพี่ชอบร้องเพลง ชอบเล่นเปียโน ชอบเต้นบัลเลต์ แต่ก็สังเกตุว่าการบ้านเยอะ ไม่มีเวลาไปเรียนสิ่งที่อยากเรียนเลย คุณแม่ก็เลยให้พี่ออกจากโรงเรียนแล้วไปเข้าโรงเรียนนานาชาติ สมัยนั้นโรงเรียนนานาชาติมีคนไทยน้อยมาก แล้วโรงเรียนเก่าก็ไม่มีวิชาภาษาอังกฤษเลย พี่ไม่เคยเรียนภาษาอังกฤษ แล้วอยู่ดีๆต้องเข้าไปอยู่ท่ามกลางฝรั่งมากมาย วันแรกๆกลับบ้านก็ร้องไห้เพราะฟังเค้าไม่รู้เรื่อง ถ้าคุณแม่ใจอ่อนยอมเอาพี่ออกมาเข้าโรงเรียนเดิมตั้งแต่ตอนนั้น พี่ก็คงไม่เป็นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แต่คุณแม่ไม่ใจอ่อน คุณแม่บอกว่า เอาไว้ถ้าหนูทะเลาะกับเพื่อนๆฝรั่งที่โรงเรียนได้เมื่อไหร่ แม่จะยอมให้หนูออก พี่ก็เรียนต่อไป สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ภาษาอังกฤษของพี่ดีขึ้นอย่างรวดเร็วก็เพราะว่า พี่ใช้ความชอบของพี่เป็นตัวช่วย เช่นพี่ชอบร้องเพลง เวลาโรงเรียนมีคอนเสิร์ตพี่ก็จะขอขึ้นไปร้อง และต้องร้องเพลงภาษาอังกฤษ ทำให้ได้ภาษาไปในตัว พี่ชอบเล่นละคร พอมีละครโรงเรียนพี่ก็ไปออดิชั่น ได้บทเล็กบทน้อยอะไรก็เล่นหมด การเล่นละคร นอกจากจะบังคับให้เราต้องอ่านบทและพูดภาษาอังกฤษแล้ว เรายังต้องตีความบทนั้นให้รู้เรื่องอีกด้วย
พอเรียนนานาชาติมาได้สองสามปี พี่อายุ 13 คุณแม่นักคิดไกลของพี่ก็เริ่มวางแผนอีกแล้ว เห็นลูกชอบร้องเพลง ชอบดนตรี ชอบเล่นละคร คุณแม่ก็เสนอว่าที่อังกฤษมันมีโรงเรียนเฉพาะทางนะลูก ถ้าลูกชอบทางนี้ก็ลองสมัครดู จะได้เรียนเน้นทางนี้ไปเลย แต่ติดที่ว่าโรงเรียนนี้เข้ายากมากถึงมากที่สุด ไม่ใช่เฉพาะเราที่อยากเรียน เด็กที่เก่งดนตรีจากทั่วโลกก็อยากเข้าโรงเรียนนี้กันทั้งนั้น ตั้งแต่โรงเรียนนี้ก็ตั้งมา 150 กว่าปี ในประวัติเคยมีเด็กไทยเข้าไปเรียนแค่สองคนเท่านั้น ก็คือ คุณพลอยไพลิน เจนเซ่น และ พี่เป้ ทวีเวท ศรีนรงค์ พี่ชายคนโตแห่งวง VieTrio
ด้วยอายุ 13 พี่ก็ลองสมัครดู ด้วยการอัดเทปส่งเสียงร้องเพลงและเล่นเปียโนไป ผลออกมาว่า......ไม่ผ่านค่ะ พี่ก็แปลกใจมาก เพราะว่าครูที่โรงเรียนก็บอกว่าเราร้องเพลงดีมากๆ เป็นเด็กที่เล่นดนตรีเก่งที่สุดในโรงเรียน ตอนนั้นถึงแม้ว่าจะผิดหวัง แต่คุณแม่ก็ปลอบใจว่า ไม่ผ่านครั้งนี้ก็ยังมีคราวหน้า ลองใหม่ก็ได้ ข้อสำคัญ เราอย่าท้อแท้ ถ้าพี่ยอมให้การสอบไม่ผ่านครั้งนั้นมาทำให้พี่หยุดเล่นดนตรีไปเลย ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าพี่จะไปอยู่ที่ไหน ส่วนแม่พี่ก็เป็นคนที่ถ้าคิดจะทำแล้วต้องทำให้ได้ คิดแล้วว่าจะต้องให้พี่ไปเรียนที่อังกฤษให้ได้ ท่านก็ส่งไปจนได้ โรงเรียนที่อยากเข้าสอบไม่ผ่าน ไม่เป็นไร ไปโรงเรียนอื่นละกัน อย่างน้อยก็อยู่อังกฤษล่ะ พี่ก็ไป แล้วก็ไปเจอกับโรงเรียนประจำที่ต้องช่วยตัวเองตลอด ตอนไปใหม่ๆพี่ใช้เครื่องล้างจาน เครื่องดูดฝุ่น เครื่องซักผ้าไม่เป็น เพราะอยู่เมืองไทยมีคนใช้ทำให้ พอใช้ไม่เป็นก็ไปถามเพื่อน เพื่อนๆฝรั่งแปลกใจมากแถมหัวเราะเยาะอีกต่างหาก เพราะมันเป็นสิ่งที่เค้าทำกันมาตั้งแต่เด็ก หลังจากนั้นพี่ก็ค่อยๆหัดไป อะไรที่ไม่เคยทำเองก็ต้องมาทำหมด มาอยู่โรงเรียนนี้เราก็ได้เห็นอะไรกว้างขึ้นอีกเยอะ เช่นตอนอยู่เมืองไทยเราเข้าใจว่าเราร้องเพลงเก่งที่สุดในโรงเรียนแล้ว แต่พอมาถึงก็เห็นว่าเด็กเก่งดนตรีคลาสสิกที่นี่มีเยอะมาก ที่เห็นว่าเราเก่งในเมืองไทยมันก็เพราะคนเรียนดนตรีคลาสสิกมีน้อยเท่านั้นเอง ไม่เหมือนที่อังกฤษ ซึ่งเด็กจะเล่นดนตรีเป็นอย่างน้อยคนละ 1 อย่าง
อยู่โรงเรียนนี้มาปีหนึ่ง คุณแม่ก็เขียนจดหมายมาบอกว่า โรงเรียนที่สอบไม่ผ่านคราวที่แล้วเปิดรับสมัครของปีนี้แล้วนะ จะลองอีกมั๊ย พี่ก็ตอบตกลง ลองไปก็ไม่เสียหาย คิดว่าดีซะอีก คราวนี้เรามีโอกาสมากกว่าคนอื่น เพราะเราเคยไม่ผ่านมาแล้ว พอจะรู้ว่าคราวที่แล้วผิดพลาดไปตรงไหนบ้าง พี่ก็ไปออดิชั่น คราวนี้ไม่อัดเทปส่งแล้ว แต่เป็นออดิชั่นสด เตรียมเพลงไปร้องสามเพลง เล่นเปียโนหนึ่งเพลง และเล่นไวโอลินอีกหนึ่งเพลง อาจจะเป็นเพราะคราวนี้เราไม่เครียด ไม่ได้ตั้งความหวังเอาไว้สูงแบบคราวก่อน เข้าไปแบบสบายใจมาก วันรุ่งขึ้นหลังจากออดิชั่น คนจากโรงเรียนก็โทรมาแจ้งผลว่า ผ่าน ไม่ได้ผ่านเฉยๆแต่ว่าให้ข้ามชั้นอีกต่างหาก คือโรงเรียนเดิมเรียนอยู่ year 10 แต่โรงเรียนที่ไปออดิชั่นนี้จะให้พี่เข้าไปเรียน year 12 เลย ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นกับคนที่เคยสอบไม่ผ่านมาก่อน
ข้ามชั้นมาแล้วก็ไม่ใช่ว่ามันจะสบาย เพราะนอกจากดนตรีแล้วพี่ก็เลือกเรียนวิชา English Literature ซึ่งยากมาแม้แต่สำหรับคนอังกฤษ เราก็คิดว่าคงไม่หนัก ภาษาที่ใช้เรียนก็น่าจะเป็นเหมือนยุคเชคสเปียร์ที่เราเคยเล่นละครมาอะไรประมาณนั้น ที่ไหนได้ เข้าไปวันแรก ครูยื่นหนังสือมา ชื่อเรื่อง The Merchant's tale พี่ก็คิดในใจว่า อืม ท่าทางจะสนุก เรียนอ่านนิทานแฮะ เปิดหน้าแรกมาก็เจอประโยค
Wepyng and waylyng, care and oother sorwe I knowe ynogh, on even and a-morwe
นี่ภาษาอะไรเนี่ย ในประโยคนึงเข้าใจแค่สองคำเอง ครูก็เฉลยว่า นี่เป็นภาษาอังกฤษยุค middle age แล้วทั้งเล่มก็เขียนด้วยภาษานี้ เราจะเรียนให้รู้คำแปลทุกคำก่อน แล้วก็ค่อยมาตีความโดยรวม ขึ้นเรือมาแล้ว จะลงก็ไม่ได้ พี่ก็เลยเรียนไป คนอื่นเค้ามีพื้นมาแล้วเพราะเคยเรียนคล้ายกันมาจาก year 11 แต่พี่ไม่ได้เรียนเพราะข้ามชั้นมา แต่จะเอาตรงนั้นมาเป็นข้อแก้ตัวไม่ได้ มีวิธีเดียวก็คือ ศึกษาให้มากกว่าคนอื่น
หลังจากจบโรงเรียน พี่ก็ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Goldsmiths College ซึ่งจะเด่นทางด้านศิลปะทุกแขนง รวมถึง ดนตรีและการละครด้วย ตอนที่จะเข้าก็มีญาติๆหรือเพื่อนๆของครอบครัวมาพูดกับคุณแม่ว่า มาเมืองนอกทำไมไม่เรียนหมอ เรียนบริหาร เรียนบัญชีแบบคนอื่นเค้า จะได้มีงานดีๆทำ เรียนดนตรีแล้วจะไปทำงานอะไรได้ แต่คุณแม่นักคิดนอกกรอบของพี่ก็บอกว่า เรียนอะไรก็เหมือนกันแหละ ขอให้ลูกชอบ ถ้าทุกคนคิดอย่างญาติๆแม่หมด โลกนี้ก็คงไม่มีนักดนตรี ในที่สุดพี่ก็ได้เข้ามหาวิทยาลัย โดยเอกทางด้านร้องเพลงและการแสดง
หลายคนอ่านมาถึงตอนนี้คงคิดว่าทำไมพี่พูดถึงแต่คุณแม่ ไม่พูดถึงคุณพ่อ นั่นก็เพราะคุณพ่อคุณแม่ของท่ายหย่ากันตั้งแต่พี่อายุ 10 ขวบค่ะ จำได้ว่าคุณแม่มาบ่นให้ฟังว่าคุณพ่อไปเจอผู้หญิงคนอื่น พี่ก็เคยไปถามคุณพ่อ คุณพ่อก็ตอบว่าโดนคุณแม่ใส่ความ แต่ในที่สุดความจริงก็ออกมา หลังจากหย่าไม่กี่ปี คุณพ่อก็แต่งงานใหม่กับผู้หญิงที่คุณแม่สงสัย ตอนนั้นพี่ก็โกรธคุณพ่อ ว่าทำไมไม่บอกความจริงกับพี่ แต่ก็คิดได้ว่าท่านคงมีเหตุผลของท่าน คุณแม่ก็เคยมาพูดให้ฟังอยู่เสมอว่าคุณพ่อไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พี่รู้ดีว่าเราเป็นลูก ไม่ควรจะโกรธท่าน คุณแม่อาจจะโมโหจนลืมคิดไปว่าการที่ท่านทำอย่างนี้อาจจะทำให้ลูกไม่ชอบพ่อก็ได้ พี่เคยได้ยินมาบ่อยๆว่าเด็กที่ทำความเดือดร้อนให้สังคม เมาเหล้า ติดยา มักจะมาจากบ้านที่ครอบครัวมีปัญหา แต่พี่มานั่งคิดว่า ในเมื่อเหตุการรอบตัวเรามันแย่อยู่แล้ว ทำไมเราจะต้องใช้เหล้า ใช้ยาเสพติดมาทำให้ชีวิตเราแย่ลงไปอีกล่ะ เราควรจะทำให้มันดีขึ้นไม่ใช่หรอ เอาเวลามาวางแผนอนาคตตัวเองดีกว่า
พี่อยากจะแนะนำน้องๆว่า ถ้าใครคิดอยากจะไปเรียนเมืองนอก สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้ก็คือ เราเป็นคนไทย ภาษาไทยเราต้องพูดให้ชัด ต้องไม่ลืม น้องๆรู้มั๊ยคะ สมองคนเราโดยทั่วไปสามารถรับรู้ภาษาได้ถึง 5 ภาษา (ถ้าเป็นอัจฉริยะก็ 8 หรือมากกว่านั้น) เพราะฉะนั้นการที่เราจะใช้ภาษาอังกฤษและไทยได้ดีไปพร้อมๆกันเนี่ย มันไม่ใช่เรื่องยากเลย
ตอนนี้พี่ทำงานเป็นครูสอนร้องเพลงที่โรงเรียน Shrewsbury International School น้องๆบางคนอาจจะเคยได้ยินชื่อโรงเรียน ตอนที่พี่เป็นนักเรียน พี่เคยคิดว่าเป็นครูคงไม่ยากหรอก แค่สั่งงานนักเรียนเท่านั้นเอง แต่พอมาสอนดูแล้วมันไม่ใช่เลย นอกจากจะสอนวิชาความรู้แล้วมันยังมีอย่างอื่นอีก อย่างนักเรียนคนไหนมีปัญหาอะไรที่บ้าน ถ้าเค้ามาปรึกษา เราก็ต้องช่วยหาทางออก วิธีนี้ใช้ได้กับคนนึง อีกคนอาจจะใช้ไม่ได้ เราก็ต้องหาวิธีมาอธิบายในมุมมองที่ต่างออกไป ต้องพยายามเข้าใจความรู้สึกของเด็กทุกคน ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากมาก พี่สอนอาทิตย์นึงเด็กไม่กี่คนยังเหนื่อยเลย
แต่มี้ศรีสิคะ มี้ศรีสอนนักเรียนไม่รู้กี่ร้อยคน แต่มี้ศรีก็ยังเข้าใจเด็กทุกคนได้ พี่ไม่รู้ว่าอนาคตพี่จะเป็นครูต่อไปหรือว่าไปทำอาชีพอื่น แต่ที่พี่รู้แน่ๆคือ ถ้าพี่เป็นครูต่อไป พี่จะพยายามเป็นครูที่ดีแบบมี้ศรีค่ะ ให้ได้สักครึ่งของมี้ศรีก็ยังดีเนอะ
|
|
|
|
Unidentified Girl
.: ภูมิใจ "ครูสวย" :.
Sr. Somsri'S Fanclub
Hero Member
    
: 
: 4966
|
 |
« #40 : February 21, 2009, 03:16:28 AM » |
|
ขอบคุณค่ะครูพิ้วที่เล่าเรื่องพร้อมข้อคิดมากมายให้ได้อ่าน
ขออนุญาตบอกว่า ดีใจ ที่ได้อ่านเรื่องราวของศิษย์คุณครูสมศรีหรือคนที่มีโอกาสสัมผัสคุณครู
ครูพิ้วทำใ้ห้รู้สึกเหมือนการพบมิตรเก่า แม้ไม่เคยเห็นหน้า แต่สุขใจที่ได้รับฟังเรื่องราว
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
|
|
|
|
violettals
|
 |
« #41 : February 21, 2009, 03:53:13 AM » |
|
ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ
ขอโทษนะคะที่พิมพ์ซะยาว
กลัวคนอ่านจะตาลายซะก่อน
|
|
|
|
P'ธีร์
ชีวิตต้องเดินก้าวไป
Newbie

: 12
|
 |
« #42 : February 21, 2009, 09:33:55 AM » |
|
แต่เราก็หากันจนเจอ มันนานแค่ไหนที่รอเธอมา อิอิ ถ้าใช่คุณครูสมศรีจริง ๆ ก็ยินดีด้วยนะครับ และขอต้อนรับสมาชิกใหม่คนเก่าด้วย
พี่ธีร์
|
|
|
|
Doctor Doggy
Global Moderator
Hero Member
    
: 760
อ่านหนังสือแล้วฉลาดนะน้องๆ
|
 |
« #43 : March 07, 2009, 01:10:36 PM » |
|
ขอบคุณนะคะที่ครูพิ้วเข้ามาช่วยตอบเสมอ
โชคดีของเด็กๆนะคะ
ขอบคุณแทนเด็กๆนะคะ
|
ทุกปัญหามีทางออก บอกพี่ๆ เสื้อส้ม คุณครูสมศรี... ครูไทยที่เข้าใจหัวใจเด็กไทย
|
|
|
ครูปอนด์
Hero Member
    
: 
: 650
ศิษย์คุณครูสมศรี
|
 |
« #44 : March 07, 2009, 01:28:32 PM » |
|
ขอบคุณอีกแรงครับ
|
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
และกรรมหมายรวมถึง "กรรมปัจจุบัีน" ในวินาทีนี้ด้วย
|
|
|
|