Kru Somsri's English School
July 15, 2025, 07:57:06 PM
:
191147
46430
16682
:
Jasonerure
Kru Somsri's English School
ห้องสนทนาของโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษคุณครูสมศรี
คุยกับคุณครูสมศรี
ก่อนจะไม่มีแม่ให้กอด....เรื่องจริง จาก forwarded mail
:
[
1
]
: ก่อนจะไม่มีแม่ให้กอด....เรื่องจริง จาก forwarded mail ( 972 )
T.
Newbie
: 17
ก่อนจะไม่มีแม่ให้กอด....เรื่องจริง จาก forwarded mail
«
:
April 07, 2010, 02:51:14 AM »
>
>
> > ก่อน
> > ไม่มีแม่ให้กอด....เรื่องจริง
> > จากโรงเรียน อัสสัมชัญ
> >
> > อ่านแล้วจะกลั้นน้ำตาแทบไม่อยู่......
> >
> >
> > เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับ...มิสอุไรพร
> >
> > ครูที่มีจิตวิทยาสูงในการสอนเด็ก
> >
> >
> > รักใดไหนเล่าเท่ารักแม่...วีรกรรมสุดยิ่งใหญ่ของแม่ที่ลูกทุกคนต้องอ่าน!
> >
> >
> > ตึกเซนต์หลุยส์มารี
> > โรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถม
> > ราวกลางปี พ.ศ.2539
> >
> > 'มิสคะ
> > ช่วงพักเที่ยงจะมีผู้ปกครองมารอพบสองท่านที่หน้าห้องรับรองค่ะ'
> >
> >
> > โทรศัพท์แจ้งจากห้องประชาสัมพันธ์ทำให้มิสอุไรพรนาคะเสถียร
> >
> > ครูสาวประจำระดับชั้นป.4
> > รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
> >
> > เพราะจำได้ว่ามีการโทรนัดหมายจะมาพบจากคุณแม่ท่านหนึ่งเพียงท่านเดียวในวันนี้
> >
> >
> > เอ...ใครล่ะนี่
> > จะมีเรื่องอะไรรึเปล่านะ
> >
> > เมื่อมิสอุไรพรเดินมาถึงหน้าห้องประชาสัมพันธ์
> >
> > ครูสาวก็แทบยกมือรับไหว้จากสุภาพสตรีทั้งสองท่านไม่ทัน
> >
> > หากก็รู้สึกแปลกใจที่เห็นคุณแม่ท่านหนึ่งยกมือไหว้แต่เพียงแขนข้างเดียว
> >
> > อย่างไรก็ตามมิสได้เชิญคุณแม่ท่านแรก
> >
> > เข้าไปคุยก่อนตามลำดับการนัดโดยเก็บงำความแปลกใจไว้
> >
> >
> > หลังจากคุยกับคุณแม่ท่านแรกเสร็จมิสจึงเชิญคุณแม่อีกท่านเข้ามาคุยในห้องรับรอง
> >
> >
> > ภาพแรกที่ได้เห็นชัดๆทำให้ครูสาวตกใจเล็กน้อย
> >
> >
> > แขนซ้ายของคุณแม่เป็นแขนเทียม
> > คุณแม่มาปรึกษาเรื่องการเรียนของลูก
> >
> > เพราะไม่ได้มาในวันนัดพบผู้ปกครองประจำปีเมื่อต้นปีการศึกษาที่ผ่านมา
> >
> >
> > 'ลูกเขาไม่อยากให้มา
> > เขาว่าเขาอายที่แม่ใส่แขนเทียม
> >
> > กลัวโดนเพื่อนล้อแม่มาทีเพื่อนก็ล้อกันประจำว่าแม่แขนเดียว
> >
> > แม่เป็นหุ่นยนต์เหรอ
> > อะไรนี่น่ะค่ะ เลยไม่ได้มา'
> >
> > น้ำเสียงของคุณแม่แฝงแววเอ็นดูมากกว่าที่จะโกรธหรือไม่พอใจ
> >
> >
> > มิสอุไรพรขออนุญาตซักถามเกี่ยวกับสาเหตุที่คุณแม่ต้องใส่แขนเทียม
> >
> > เมื่อได้ทราบความจริงทั้งหมดครูสาวก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะต้องจัดการ
> >
> > เรื่องที่ลูกไม่ยอมรับและไม่เข้าใจแม่นี้โดยเร็ว
> >
> > หากปล่อยเรื่องนี้ไป...ก็จะเป็นบาปอันหนักยิ่งติดตัวเด็กไปในภายหน้า
> >
> > ทั้งตัวลูกชายและคนที่ล้อเพื่อนด้วย
> >
> >
> > ช่วงเย็นวันนั้นมีชั่วโมงลูกเสือแต่ฝนตกหนัก
> >
> > มิสอุไรพรจึงได้โอกาสนำเรื่องนี้มาเล่าให้นักเรียนฟังในห้องเรียน
> >
> >
> > เรื่องราวที่ว่านั้น
> > มีดังต่อไปนี้
> >
> > วันที่ 21 สิงหาคม
> > พ.ศ.2536หลังวันแม่เพียงไม่กี่วัน...
> >
> > ครอบครัวหนึ่งได้เดินทางไปเที่ยวนากุ้งที่จังหวัดสตูล
> >
> > ครอบครัวนี้ประกอบด้วยคุณพ่อ
> > คุณแม่
> > และลูกชายอีกสามคนพวกเขาเดินชมนากุ้งไปตามทางเดินซึ่งเป็นคันดิน
> >
> > ท่ามกลางบรรยากาศสดชื่นของธรรมชาติ
> >
> >
> > โดยคุณพ่อเดินนำหน้ากับลูกชายคนโตสองคน
> >
> > ส่วนคุณแม่เดินตามหลังมากับลูกชายคนเล็ก
> >
> >
> > ทางเดินที่เป็นคันดินนั้นมีการแบ่งเป็นท้องร่องเพื่อติดตั้งระหัดวิดน้ำ
> >
> > ซึ่งมีใบพัดทำจากเหล็กสูงจากคันดินราว25ซม
> >
> > คุณพ่อและลูกคนโตสองคนก็ข้ามท้องร่องแล้วเดินนำต่อไปข้างหน้า
> >
> > ไม่มีใครฉุกใจคิดระวังถึงเหตุร้าย
> >
> >
> > แต่แล้วลูกชายคนเล็กกลับก้าวพลาดล้มลงไปในท้องร่อง
> >
> > ขากางเกงเข้าไปติดกับร่องของระหัดวิดน้ำที่กำลังหมุนอยู่
> >
> > และฉุดขาของลูกทั้งสองข้างเข้าไปในใบพัดเหล็ก
> >
> >
> > 'ถ้าเป็นพวกคุณ
> > น้องตกลงไปอย่างนี้คุณจะทำอย่างไร'
> >
> >
> > มิสหยุดเรื่องไว้ก่อนเพื่อซักถาม
> > มองหน้าเด็กนักเรียน
> > ทั้งห้องที่นั่งเงียบกริบ
> > หน้าซีด
> > โดยเฉพาะลูกชายของคุณแม่ท่านนั้น
> >
> >
> > 'ทุกคนตกตะลึงใช่มั้ย
> > คิดไม่ทันใช่มั้ย
> > แต่นักเรียนรู้มั้ยว่าคุณแม่ท่านตัดสินใจทำอย่างไร'
> >
> >
> > คุณแม่ไม่ยอม
> > เสียเวลาคิดอะไรเลย
> >
> >
> > ท่านรีบยึดดึงตัวลูกเอาไว้แล้วเอาแขนซ้ายที่ว่างอยู่เข้าไปขวางใบพัดเหล็กไว้ก่อน...
> >
> >
> > ใบพัดจึงหมุนเอาแขนของคุณแม่เข้าไป...คนงานที่เห็นเหตุการณ์รีบปิดเครื่องทันที
> >
> > แต่แรงเฉื่อยทำให้ใบพัดยังหมุนต่อด้วยกำลังแรง...
> >
> > แรงจนกระชากแขนซ้ายของคุณแม
> > ่ขาดสะบั้นลง!
> > คุณแม่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสสติสัมปชัญญะดับวูบลงในทันที
> >
> >
> > ท้องร่องทั่วบริเวณแดงฉานไปด้วยเลือด...เลือดของแม่...
> >
> >
> > ใบพัดเหล็กยังหมุนต่อไปอีกเล็กน้อยและบดเอาขาทั้งสองข้างของลูกชายคนเล็ก
> >
> > จนกระดูกหัก...แต่ไม่ขาด
> >
> > ไม่ขาด...เพราะแขนซ้ายของแม่ขาดแทน...ไม่ขาด...เพราะแม้จะไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะ
> >
> >
> > มือขวาของคุณแม่ก็ยังยึดตัวลูกเอาไว้แน่น...ไม่ยอมปล่อย...
> >
> >
> > คุณพ่อและลูกคนโตทั้งสองคนหันกลับมามองตามเสียงตะโกนเอะอะโวยวายของคนงาน
> >
> > พร้อมๆกับเสียงกรีดร้องของคุณแม่
> > ภาพที่เห็นทำให้พวกเขาช็อกจนแทบสิ้นสติ!
> >
> >
> > คุณพ่อกระโจนพรวดเดียวถึงตัวคุณแม่และลูกน้อยแต่...มันสายเกินไปแล้ว!
> >
> >
> > สิ่งเดียวที่ทำได้คือรีบพาสองแม่ลูกส่งโรงพยาบาลทันที
> >
> > ผลของการรักษาคือคุณแม่ต้องใส่แขนเทียมแทนแขนซ้ายที่ขาดไป
> >
> >
> > ส่วนลูกคนเล็กที่ขาหักต้องอยู่โรงพยาบาลนานราวสามเดือนจึงสามารถเดินเหินได้เป็นปกติ
> >
> >
> > มิสอุไรพรกวาดสายตามองไปรอบๆห้องถามขึ้นอีกว่า
> >
> > 'นักเรียนคิดว่าคุณแม่ท่านนี้กล้าหาญมั้ยคะ'
> >
> >
> > 'กล้าหาญมาก'
> > เด็กๆพากันตอบเป็นเสียงเดียวกันพลางพยักหน้า
> >
> >
> > หลายๆคนยังหน้าซีดเซียวเมื่อนึกภาพเหตุการณ์ไปตามที่ครูเล่า
> >
> > มิสมองหน้าลูกชายของคุณแม่แล้วบอกต่อว่า
> >
> > 'นักเรียนทราบมั้ยว่าคุณแม่ท่านนี้เป็นคุณแม่ของเพื่อนเราในห้องนี้เอง
> >
> > ไหนใครเป็นลูกของคุณแม่ท่านนี้ยืนขึ้นให้เพื่อนเห็นหน่อยสิ'
> >
> >
> > เด็กนักเรียนคนนั้นยืนขึ้น
> > ท่ามกลางเสียงปรบมือของเพื่อนทั้งห้อง
> >
> >
> > 'วันนี้เมื่อคุณกลับไปบ้านมิสฝากเรียนคุณแม่ด้วยว่าพวกเราชื่นชม
> >
> > และยกย่องท่านมากจริงมั้ยพวกเรา'
> >
> >
> > 'จริงครับๆ ใช่ครับๆ'
> > เสียงเล็กๆตอบมาเป็นทางเดียวกัน
> >
> >
> > 'มิสได้ทราบมาว่ามีหลายๆคนไปล้อเลียนเพื่อนไหน
> >
> > คนไหนบ้างคะที่เคยล้อคุณแม่เขา
> > ถ้ามีเราเป็นลูกผู้ชายต้องกล้ารับค่ะ'
> >
> >
> > มีนักเรียน 3-4 คนยืนขึ้น
> > สีหน้าของแต่ละคนซีดเซียวอย่างสำนึกผิด
> >
> >
> > มิสอุไรพรมองหน้าของเด็กกลุ่มนี้อย่างอ่อนโยนถามว่า
> >
> > 'ดีมากนักเรียน
> > ตอนนี้คุณคงอยากพูดอะไรกับเพื่อนใช่มั้ยคะ'
> >
> >
> > เด็กชายกลุ่มนั้นเดินเข้าไปโอบกอดคอแล้วกล่าวขอโทษเพื่อนด้วยความจริงใจ
> >
> > ครูสาวน้ำตาคลอ
> > ยืนมองภาพนั้นด้วยความปลาบปลื้มยินดีหนักใจอยู่เหมือนกันว่า
> >
> >
> > หากถามขึ้นมาแล้วไม่มีใครยอมรับว่าเคยล้อเพื่อน...จะทำอย่างไร?
> >
> >
> > เธอไม่เคยผิดหวังในตัวนักเรียนอัสสัมชัญและจนถึงเวลานี้ก็ยังคงไม่ผิดหวัง
> >
> > ใครเล่า...จะเข้าใจความเจ็บช้ำขมขื่นในหัวใจเล็กๆของเด็กชายคนหนึ่ง
> >
> > ที่ถูกเพื่อนล้อเลียนประสาเด็กโดยไม่ทันคิด
> >
> >
> > หากบัดนี้...ความรักของแม่และน้ำใจของเพื่อนได้สลายปมด้อยในใจ
> >
> > ของเด็กคนนี้ลงจนสิ้นแล้ว
> > เหลือเพียงความรักและภาคภูมิใจในตัวคุณแม่เท่านั้น
> >
> >
> > เมื่อหมดชั่วโมงเรียน
> > มิสอุไรพรได้เรียกตัวลูกชายเข้าไปคุยอีกครั้ง
> >
> > 'วันนี้เรามีอะไรในใจที่คิดว่าควรพูดกับคุณแม่มั้ยคะ'
> >
> >
> > เด็กคนนั้นนิ่งคิดไปชั่วครู่ก่อนจะตอบเสียงสั่นปนสะอื้นไห้ว่า
> >
> >
> > 'ผม...ผมจะไปขอโทษคุณแม่แล้ว...แล้วบอกคุณแม่ว่าผมรักคุณแม่ที่สุดในโลกเลยครับ'
> >
> >
> >
> >
> > รู้มั้ยน้ำนมหยดหนึ่งซึ่งไหลมาต้องใช้น้ำตาหยาดเหงื่อสักเท่าไหร่
> >
> > บอกแม่เถอะนะ บอกทุกวัน
> > ว่ารักท่านมากมาย
> > กอดแม่เถอะนะ ให้คุ้นเคย
> > กอดเลยไม่ต้องอาย
> > ก่อนไม่มีแม่ให้กอด...
> >
> > -----------------------------------------------------------------------------
:
[
1
]
:
:
-----------------------------
ห้องสนทนาของโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษคุณครูสมศรี
-----------------------------
=> คุยกับคุณครูสมศรี
=> กิจกรรมของโรงเรียน
===> ประกวดออกแบบแฟ้ม
===> ประกวดบทความวันพ่อ
===> ประกวดบทความวันแม่
-----------------------------
ห้องพักผ่อน พักเหนื่อยกับคุณครูสมศรี
-----------------------------
=> ข้อคิดสะกิดใจจากคุณครูสมศรี
-----------------------------
เจ้าหน้าที่
-----------------------------
=====> พิชิต U1