ขอตอบนะคะ... พี่อารมณ์น้องเลยค่ะ

พี่หน่ะ จริงๆพี่เริ่มฝันสะเปสะปะจาก วิทยา>นิเทด>หมอ>ทุน กพ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ แต่พี่ก้ไปไม่ถึงฝันหรอกนะ ปัญญาพี่ไปได้แค่ ทันตะ จ่ะ ประโยคมันฟังดูแหม่งๆมั๊ย? คือความจริง ตอน ม.6 พี่อยากสอบทุน กพ ให้ได้มากๆ อยากไปเรียนทุน กพ มากๆ (ก็ได้แรงบันดาลใจจากรุ่นพี่ที่เรียนกับครูนี่แหละ) เถียงกับพ่ออยู่นานเหมือนกัน ว่าอยากเรียนทุน ไม่ได้อยากเป็นหมอ พอเค้าเปิดสอบทุน พี่ก็ไปสอบนะ พอสอบไปก็เหมือนจะรู้ชะตาตัวเองแล้วแหละว่าไม่ติด ฮ่าๆ พี่ก็เลยทิ้งมันเลย แล้วก็ เล่นๆ เที่ยวๆซักพัก กลับมาอ่านหนังสือต่อ คราวนี้เหมือนฝันของเราจะเป็นยังไงก็ช่างล่ะ เราทำดีที่สุดแล้วหนิ ผ่านไม่ผ่านอีกเรื่อง..... พี่ก้เลยอ่านหนังสือสอบหมอต่อ แล้วพี่ก็ดันหวังซะซู๊งงงง สูง พี่เล่นเลือกศิริราชอันดับ1 โดยไม่เกรงใจปัญญาตัวเองเลย ฮ่าๆ แล้วก็ดันหวังอีกนะ ว่าต้อง ศิริราช ศิริราช ศิริราช อารมณ์แบบ สอบเพื่อศิริราชเท่านั้นอ่ะ อันดับ 2 3 4 ที่เหลือแบบ เมินเลย ไม่ได้คิดถึงเลย อาจจะเพราะโดนญาติพี่ไซโคด้วยส่วนนึงว่าที่ๆมันเรียนดีที่สุด แต่นั่นก็ถูกของเค้าแหละ ของเค้าดีจริง คะแนนสูงจริง เชื่อมั๊ย วันประกาศผลทุน มันดันประกาศ 2 วันก่อนสอบ กสพท พี่ตื่นเต้นมากอ่ะ ทีแรก พี่กะจะดูหลังสอบ แต่ถ้าพี่ดูหลังสอบ พี่จะโคตรกระวนกระวายใจอ่ะ พี่ก้เลยตัดสินใจ ดูแม่งเลย ฮ่าๆ ผล ปรากฎว่า "ไม่ติด" พี่น่ะ กลัวตัวเองเหมือนกัน กลัวว่าตัวเองจะเครียดแบบไม่รู้ตัว โชคดีมีคนแนะนำให้วันสอบ พี่ตื่นมาเอาแต่สวดมนต์ในใจ อย่าไปคิดถึงอดีต จนพี่ลืมมันได้ แล้วพี่ก็สอบ กสพท ทีแรก จากช่วงเช้าที่ยังมีอารมณ์ค้างอยู่บ้าง พอตอนบ่าย กับ วันถัดมา พี่ลืมได้สนิทอ่ะ ว่าพี่สอบทุนไม่ติด

ตกเย็น พอสอบเสร็จ พี่ก็เดินกลับบ้านกับเพื่อน... คำตอบที่พี่ตอบไม่เหมือนเพื่อนเลย (เอาแล้วไง กรูจะติดมั๊ยวะเนี่ย? บางคำตอบ ทำได้ แต่เค้าก็ทำได้ เสมอ แต่มันเก่งกว่ากรูมากเลยนะเว่ยเห้ยยยย กรูจะรอดหรอวะ?) <-- ไอนี่คิดตอนวันแรกนะ แต่แบบ โชคดีไง พี่เป็นคนที่ไม่ค่อยจำเรื่องสอบ ไม่ค่อยจำข่้อสอบว่าถามอะไร ตอบอะไร จนถ้ามีคนมาสะกิดความคิดจริงๆถึงจะนึกออก แม้แต่เกรดพี่เองพี่ยังไม่จำเลยน้อง ฮ่าๆ กลับมาอ่านหนังสือต่อ แล้วไปสอบวันที่สอง พอสอบเสร็จก็ไปเที่ยวเล่นกะเพื่อนแบบ ลืมไปเลยว่าสอบ (จำได้ใช่มั๊ยที่พี่บอกหน่ะว่าพี่ตั้งใจสอบเพื่อศิริราชอย่างเดียวเลย) พอสอบเสร็จ พี่ก็ตั้งใจล่ะ ว่าจะไม่คิดถึงมันอีก เพราะพี่เองก็ไม่มั่นใจว่าจะติดรึป่าว เอาไงดี ใจจริงๆหน่ะ อยากเข้านิเทด พี่มองว่า นิเทดเป็นงานสนุก มีแต่เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม ครีเอทอะไรได้เยอะ เฮฮา กาก เกรียนกับเพื่อนได้ พี่คิดว่าเรียนนิเทด น่าจะเหมือนชีวิตพี่ในห้องเรียนตอน ม ปลายอ่ะ อารมณ์ น่าจะมีความสุข น่าจะติสท์ได้เหมือนกัน ผล กสพท ประกาศเร็วเป็นเรื่องดี(มากๆๆ ที่พี่จะได้รู้ชะตาตัวเอง ว่าจะอ่านต่อไม่อ่านต่อ) แต่ผลมันดันออกมาว่าพี่ติด ทันตะ สงขลา ไม่ใช่ทันตะสงขลาไม่ดี แต่พี่เป็นเด็ก กรุงเทพ พี่ดันเลือกทันตะ เพราะ คำพูดญาติพี่คำเดียวเลยว่า พี่ชายมันเรียนทันตะ เข้าออกงานตามเวลา บางทีเห็นมันเรียนก็อิจฉานะ สบายจัง ฮ่าๆ ที่เลือกสงขลาเพราะจริงๆพี่ก็มีญาติอยู่แหละ แต่ไม่สนิท กับอีกเหตุผล เพราะอันดับคะแนนมันลงล๊อกพอจะเป็นอันดับที่สี่พอดี

พูดง่ายๆคือ พี่ลืมไปแล้วว่าพี่เลือกไว้ ... พี่คิดว่าพี่จะไม่ติดแล้ว!!!! เอาแล้วไง ความทุกข์เกิดแล้วเว้ยเห้ย อยากเรียนนิเทดนะ สงขลาก้ไม่อยากไป ทันตะก็อยากเรียน เอาไงดีวะ?

สุดท้ายก็โดนพ่อแม่เฉ่งไปเรียนจนได้ จนถึงตอนนี้พี่ให้คำตอบกับตัวเองได้แล้ว เรื่องนิเทดอ่ะ.... เอาจริงๆ พี่ว่าถ้าเราจะติสท์อ่ะ ติสท์ที่ไหนก็ได้ ถ้าเรามีพรสวรรค์ซะอย่าง ยังไงซักวัน งานที่เราชอบก็จะมาหาเองนะ.... เหมือนกับดีไซน์เนอร์อ่ะ ลองนึกถึงสมัยก่อนดูดิ... เค้าไม่เห็นจำเป็นต้องไปเรียนเลย แค่เค้ามีหัวคิดดีๆ ออกแบบมาแล้วคนชอบ เค้าก็ทำมาหากินได้แล้ว จริงมั๊ย? เรื่องนี้พี่เลยเลิกคิดไปเลย พี่คิดว่า ถ้าพี่อยากเรียนนิเทด พี่ก็เรียนทันตะไปซิ แต่เอกการแสดงก็แค่นั้น ฮ่าๆ ล้อเล่น แบบ เวลามีกิจกรรมไรงี้อ่ะ เราก็อาสาทำงานที่เราอยากทำดิ พี่ว่าแบบนี้มัน soft กว่านะ เพราะบางที เกิดเราแป้กจริงๆ แล้วอาจารย์ให้เราคิดโปรเจค แล้วแบบคิดไม่ออกอ่ะ??? มันจะกลายเป็นความเครียดนะ พูดอย่างนี้เห็นภาพไม่ชัด เอางี้ น้องมองเหมือนดาราตลกคนนึง ที่กำลังจะเข้ากองถ่ายตลก แต่กำลังอารมณ์เสียอยู่ แล้วต้องแสดงตลก มันเหมือนบังคับความรู้สึกตัวเอง หลอกตัวเอง ไรงี้อ่ะ ส่วนอีกเรือ่ง พี่เห็นด้วยกับอาจารย์น้องนะ พี่พูดจริงๆ ว่าพ่อพี่โคตรไม่อยากให้พี่เรียนนิเทดเลย (จริงๆพี่อยากกำกับหนัง กำกับละครเวที) แต่พอพ่อพี่รู้ พ่อพี่บอกว่ากว่าจะไปถึงขั้นนั้นได้ คนเข้าก็เยอะ คนจบก็เยอะ ตกงานก็เยอะ จะเหลือจริงๆก็พวกเส้นทั้งนั้น ที่เหลือ ถ้าไม่เรียนต่อ ก็ขายของตามตลาด คือมันน้อยอ่ะ ที่จบมาจะได้ทำงานตามสายอาชีพที่เรียนมา ถ้าหน้าตาไม่นำพาแบบพี่นะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

สู้ๆน้อง โดยส่วนตัว ถ้าน้องเป็นน้องสาวพี่นะ พี่เชียร์สุดใจให้เข้าทันตะเลย ประเด็นนิเทดพี่ตัดออกไปล่ะนะ เหลือแค่ แพทย์กะทันตะ ทำไมพี่ถึงอยากให้เราเลือกทันตะ??? เพราะอย่างนี้ไง.... น้องเป็น ผญ นะ? ยิ่งถ้าน้องเป็นลูกคนเดียวอย่างพี่... น้องอยากจะเข้าเวรตอนกลางคืนมั๊ย??? เวลาจะอยู่กะพ่อ กะแม่ กะหมา กะแฟน กะเพื่อน?

? มันจะโดนสูบเลือดสูบเนื้อไปเลยนะ ซึ่งคณะพี่ เข้าออกตามเวลาเป๊ะ จะมีทรมานก็ตรงไม่ได้กินข้าวเที่ยง กะทำแล็ปดึกๆดื่นๆนี่แหละ แต่ทำแล็ป มันก็ไม่ได้เอาชีวิตใครมาแขวนไว้กะความง่วงเราป่ะ? ฮ่าๆๆๆ นั่นแหละ แต่ถ้าพูดโดยรวมนะ ระยะเวลาเรียน 6 ปี เท่ากันนะ 6 ปีนี้ก็ ทรมานลากเลือดพอกันแหละ แต่หลังจาก ปี 6 ทันตะไปแล้ว ชีวิตจะกลับสู่โหมดปกติ สบายเหมือนเดิมนะ (พี่บัณฑิต หมายถึง คนที่จบแล้วอ่ะ วันๆเอาแต่นั่งเล่นเฟส ฮ่าๆ โรงพยาบาลคนน้อยมาก เงินเดือนมีตั้งแต่ 4 หมื่น ยัน 8 หมื่นเลยนะ) งานมันสบายกว่ามาก อันนี้พี่ไม่รู้จะจริงรึป่าว... แต่พวกป้าๆพี่อ่ะ ชอบบอกว่า หมอ จบมาก็รักษาได้แค่หวัด อายุรกรรม ไรงี้อ่ะ ถ้าอยู่ฉุกเฉิน ก็เคสง่ายๆ เคสยากๆ พี่ ป โท ไม่ก็ อาจารย์เอาไปกินหมด กว่าจะจบเฉพาะทางจริงๆ ก็อีกนาน แต่ใช่ว่าทันตะจะเรียนแล้วจบเลยนะ ถ้าน้องอยากเก่ง อยากเจ๋ง น้องก็ต้องต่อเฉพาะทางเหมือนกัน จัดฟันระดับเบาะๆ 2 ปี ถ้าจัดฟันระดับเซียน แบบ ไม่หวั่นแม้ฟันทุเรศ ก็ 6 ปี ป๊าดดดดดดดดดด กว่าอิชั้นจะเรียนจบ!!! ไม่ต้องแต่งงานกันพอดี ฮ่าๆๆๆๆๆ ก็ต้องแลกกันไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นกับเกรดน้องด้วยนะ ว่าเกรดถึงคุณสมบัติเรียนต่อจัดฟันรึป่าว...

สู้ๆ ละกัน พี่เป็นกำลังใจให้ มีอะไรถามพี่ได้นะ ส่ง im มาก็ได้ พี่เชคบ่อย รออยู่นะจ๊ะ
