ขอบคุณ ความโชคไม่ดี ที่ โชคดี
คุณครูสมศรีครับ...คุณครูเชื่อไหมคับว่าคำพูดของคนเราที่พูดออกมาจากใจอย่างแท้จริงนั้นมีความหมายกับคนฟังอย่างมากยิ่งถ้าคำพูดนั้นเป็นคำพูดที่แสดงถึงความรัก,ห่วงใย,ใสใจและหวังดี คุณครูคับผมมีเรื่องจะเล่าให้คุณครูฟังแต่ถ้าเล่าโดยคำพูดผมคงพูดมันออกมาได้ไม่หมดแน่ เลยต้องใช้วิธีพิมพ์ลงคอมฯ เพื่อผมจะได้แน่ใจว่า ผมได้ตั้งใจพิมพ์ความรู้สึกของผมลงไปจนครบ ลองอ่านดูนะครับ คุณครูสมศรี...
คุณครูครับเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงๆที่เกิดขึ้นกับตัวของผมเองเรื่องนี้เกิดขึ้นตอนผมจบม.3คือว่าผมสอบติดที่โรงเรียนเดิม(ขอไม่บอกชื่อนะครับ)ในสายศิลป์-ภาษาในชั้นม.4 ซึ่งตอนนั้นผมดีใจมากที่ได้รู้ว่าคนโง่อย่างผมก็ยังสอบติดกับคนอื่นเขาได้ พอคนที่บ้านได้รู้ก็ดีใจกับผมด้วยแล้วก็แนะนำให้ผมลองไปสอบที่อีกโรงเรียนหนึ่งดูซึ่งเป็นโรงเรียนดังในจังหวัด และผมก็ได้ตอบตกลงเพราะคิดว่าเป็นการวัดความรู้ของตัวเองไปด้วย แต่ในใจตอนนั้นสึกอยากอยู่โรงเรียนเก่ามากกว่า เพราะรู้สึกผูกพันธ์กับโรงเรียนเก่าอย่างมากก็เลยตัดสินใจบอกกับ พ่อ แม่ ว่าถ้าสอบติดก็ขอว่าจะไม่อยู่ได้ไหม เพราะ อยากอยู่โรงเรียนเก่ามากกว่า ตอนนั้น พ่อ แม่ ก็ตกลงไม่ได้ว่าอะไรผม พอถึงวันสอบผมก็ไปสอบตามที่บอกไว้แล้ว ผมก็สอบติด สาย วิทย์-คณิต ซึ่งผมรู้สึกดีใจมาก พอ พ่อ แม่ ผมรู้พวกเขาก็ดีใจกับผมด้วยแต่ว่าสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปคือ พวกเขาจะให้ผมเข้าเรียนที่โรงเรียนใหม่ ตอนนั้นผมก็ตกใจนิดหน่อยแต่ก็บอกเหตุผลต่างๆที่ไม่อยากอยู่ แต่พ่อ แม่ พยายามอยากให้ผมอยู่โรเรียนใหม่ให้ได้ด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง ดังนั้นผมเลยตามใจพ่อ แม่ เพราะผมไม่อยากจะขัดใจท่าน และก็คิดว่า เดี๋ยวคงจะรู้สึกดีไปเองเมื่อเวลาผ่าน แต่คุณครูเชื่อไหมครับว่าจนถึงก่อนหน้านี้ก่อนที่ผมจะได้มาเรียน “ภาษาอังกฤษกับคุณครูสมศรี”เวลาผ่านไปแล้วประมาณปีกว่าๆ ผมเองยังรู้สึกอยากกลับไปโรงเรียนเดิมอยู่เลยครับคุณครู แต่ผมรู้สึกว่าถ้าอยู่ที่ๆเราไม่ชอบต่อให้ดีขนาดไหนมันก็ไม่ชอบ ผมเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่รู้อย่างเดียวว่ายังไงก็ต้องเรียนให้จบให้ได้ แต่ตอนนั้น ความรู้สึกเบื่อ และท้อ ให้เกรด ของตัวเอง หรือ ความรู้สึก แย่ๆ ต่างๆที่ผมมีเมื่อก่อนมันกำลังจะหายไปหมดแล้วล่ะครับ เพราะใคร... คุณครูรู้ไหมล่ะครับก็เพราะ “แม่” กับ “แม่” ยังไงล่ะครับ แม่คนแรกคือ ผู้ให้กำเนิดผมมา ผู้ที่รักผมจนหมดหัวใจ ซึ่งเวลาผมเหนื่อย พอนึกถึง ท่านทีไร ความเหนื่อยก็เปลี่ยนไปกลายเป็นความอดทนทำให้ผมตั้งใจเรียนเพื่อท่านแม่ของผม ส่วนอีก “แม่” ก็คือ แม่ครู.. ที่ผมได้เจอหน้าแม่ครูคนนี้ทุกวันเสาร์ผ่านทางครูตู้...แม่ครูคนนี้ก็คือ... “คุณครูสมศรี ธรรมสารโสภร”
คุณครูคือคนที่ถอดรหัสคำว่า “รัก” ที่ผมรู้ว่าแม่มีให้ผมแต่ผมไม่ค่อยเข้าใจมันสักเท่าไร ตลอดเวลาที่ผมมานั่งห้องแอร์ ท่องศัพท์ จดและจำ ผมได้มากกว่า คำว่า “ความรู้” แต่อีกสิ่งหนึ่ง ที่สำคัญมากๆ และผมได้มาจาก คุณครู คือ “คุณธรรมและความกตัญญู” รหัสคำว่า “รัก” ที่แม่มีให้ผม คุณครูคือคนที่ช่วยผมถอดรหัสมันเป็นเดือนๆ จนทำให้ผมรู้ว่า คำว่า “รัก” ไม่สามารถรับรู้ได้ด้วยคำพูด แต่มันรับรู้ได้ด้วย “ใจ” ใจที่มีแต่ให้ไม่หวังสิ่งตอบแทน ใจที่ห่วงใย เฝ้าค่อยวันที่เราจะประสบความสำเร็จในชีวิต ในหน้าที่การงาน และคุณครูก็ทำให้ผมรู้ว่า ไม่ว่าจะอยู่ที่สถาบันไหนมันก็ไม่สำคัญเท่ากับว่า เราจะตั้งใจเรียนไปเพื่อใคร
คุณครูทำให้ผมรู้ว่าการที่ พ่อ แม่ อยากให้ผมมาอยู่ที่ๆดีกว่านั้นคือความหวังดีอย่างยิ่ง คุณครู สมศรี ครับ ผมขอยืมคำพูดของคุณครูมาใช้หน่อยนะครับ ว่า... “ผมโชคดีที่โชคไม่ดี” ที่ไม่ได้อยู่สถาบันที่ตัวเองอยากจะอยู่ แต่ในทางกลับกัน มันทำให้ผมได้เจอกับคุณครูผู้ที่ทำให้ผมรู้ว่า “ผมจะฉลาดไปเพื่ออะไร…”
และนี้ล่ะครับ คือคำว่า “แม่-แม่ครู” ในอุดมคติของผม
ปล.คำพูดข้างต้นนี้ผมตั้งใจบรรจงความรู้สึกจากใจผมและกลั่นออกมาเป็นตัวหนังสือเพื่อให้แม่และคุณครูที่ผมรักได้รู้ถึงความรู้สึกของคนที่เป็น “ลูก-ลูกศิษย์”
ขอบคุณ
ความโชคไม่ดี ที่ไม่ได้อยู่ที่สถาบันที่ตัวเองอยากอยู่เพราะ
โชคดี ที่มันทำให้ผมรู้ว่าความ “รัก” จากแม่คืออะไร
ขอบคุณ
ความโชคไม่ดี ที่ผมเรียนภาษาอังกฤษไม่เก่ง เพราะ
โชคดี ที่มันทำให้ผมได้เจอกับ คุณครูสมศรี ผู้ที่ทำให้ผมรู้ว่า “ผมจะฉลาดไปเพื่ออะไร” และ “จะฉลาดไปเพื่อใคร”…
ขอบคุณครับแม่...ขอบคุณครับคุณครูสมศรี...
จากนกกรง..[สาขา นครสวรรค์]
::)อ่อ..ขอบคุณฉายานี้ด้วยนะครับคุณครูสมศรี อิอิ
[/size]