Kru Somsri's English School

ห้องสนทนาของโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษคุณครูสมศรี => คุยกับคุณครูสมศรี => Topic started by: T_T on August 17, 2007, 08:45:32 PM



Title: ครูตอบหนูด้วยนะคะ
Post by: T_T on August 17, 2007, 08:45:32 PM
ครูคะหนูถามคุณครูหน่อยว่าคุณครูเคยทะเลาะกับคุณแม่มั้ยคะ แล้วถ้าเคยครูทำยังไงให้คุณแม่หายโกรธอะคะ


Title: Re: ครูตอบหนูด้วยนะคะ
Post by: rUkToR+ on August 17, 2007, 08:54:04 PM
ขอโทษคุณแม่ค่ะ  รับรองท่านหายโกรธแน่นอน


Title: Re: ครูตอบหนูด้วยนะคะ
Post by: Milky Way on August 17, 2007, 09:07:21 PM
ตอบด้วยคนนะ เราอ่ะเคยทะเลาะกับแม่บ่อยด้วย(นานมาแล้วนะ)แล้วครูก็เคยพูดว่า"ลิ้นคนคือเนื้อก้อนเล็กๆแต่กระดกก้อนเนื้อชิ้นนี้ทีไรเชือดเฉือนหัวใจกันทุกที โดยเฉพาะ เชือดหัวใจพ่อ เฉือนหัวใจแม่ เพื่อบาดหัวใจกัน กัดลิ้นของตัวเองไว้ดีกว่า"พอเราได้ฟังเราก็เลยหยุดทุกอย่างที่ทำให้ผู้มีพระคุณสบายใจแล้วก็มีความสุข เราบอกแค่นี้เธอคงจะรู้แล้วนะว่าควรทำไงต่อ


Title: Re: ครูตอบหนูด้วยนะคะ
Post by: คุณครูสมศรีสุดสวยจร้า!! on August 17, 2007, 09:28:19 PM
เคยสิคะ ตอนนั้นไม่เคยทราบว่าคุณแม่อยู่ในช่วงวัยทอง

เพราะอารมณ์คุณแม่จะแปรปรวนโดยคุณแม่ก็ไม่รู้ตัว

ตอนนั้นได้แต่ร้องไห้เสียใจ แต่ต่ออหน้าก็ไม่เคยเถียงเลยแม้สักคำเดียว

คิดวนเวียนว่าเราทำผิดอะไร ทำไมแม่ถึงเข้าใจเราผิด

ได้แต่สวดมนต์ แล้วก็ปฏิบัติธรรม

แต่โชคดีที่เริ่มปฏิบัติธรรมตั้งแต่ปีหนึ่ง มีคุณแม่ชี รศ ดรสุภาพรรณ ณ บางช้าง

มีคุณหมออมรา มลิลา มีครูบาอาจารย์ที่เมตตาเติมน้าสอาดใส่คนโทใจของคุณครู

มีธรรมเป็นเข็มทิศ มีสติพยุงใจ มีปัญญาเกิดตามมาแก้ปมปัญหา

สติคือความรู้ตัว ไม่ใช่ความคิด สติทำให้เราไม่เข้าไปในความคิด

และเข้าใจความทุกข์ว่ามาจากความคิด

แค่ฝึกเห็นความคิดแต่ไม่เข้าไปในความคิดทุกครั้งที่รู้สึกตัว

ความทุกข์มันก็ค่อยๆหายไป

คุณครูอยู่แบบนี้มานาน จนเรียนรู้ว่าคุณแม่มีพระคุณที่ทำให้คุณครูรู้จักธรรมะ

สภาพของการที่ต้องอยู่กับคุณแม่ที่กำลังอยู่ในช่วงวัยเปลี่ยนแปลงและมีความทุกข์

ทำให้คุณครูเรียนรู้คำว่าอดทนด้วยสติ

อยากหนีไปจากจุดเกิดเหตุ แต่ก็หนีไม่ได้ เลยต้องเผชิญอย่างสุขุมและอ่อนโยนเพราะท่านคือแม่

จนสติที่ได้รับการเจริญหรือฝึกบ่อยๆ

ทำให้เราได้ตระหนักว่า ไม่รู้ตรงไหนคือสมศรี

รู้อย่างเดียวว่ามีก้อนเนื้อที่เคลื่อนไหวกับจิตใจหนึ่งดวง

เมื่อก่อนไม่รู้ตัวว่าตัวเราเองปล่อยให้อารมณ์และความรู้สึกควบคุมก้อนเนื้อนี้

แต่ต่อมาก็ให้คำว่าปัญญา(เหตุผลที่บริสุทธิ์)มาดูแลก้อนเนื้อนี้

ระหว่างฝึกไม่รู้ตัว มารู้อีกที่ก็รู้ว่าไม่โกรธแม่เลย

เพราะแม่ก็เป็นอีกก้อนเนื้อหนึ่งที่ยอมเสียสละก้อนเนื้อของตัวเองและแร่ธาตุสารอาหารของท่านมาสร้างเป็นก้อนเนื้อของเรา

ไปๆมาๆ ก็เหมือนการได้มาพบเจอกันอย่างมีพระคุณ การเคลื่อนที่ของก้อนเนื้อและอารมณ์ทำให้ทั้งสองมากระแทกกัน

ถ้าก้อนเนื้อและอารมณ์ของท่านเคลื่อน

สติจะหยุดการเคลื่อนของก้อนเนื้อของเรา

แรงปะทะไม่เกิด  ก้อนเนื้ออีกฝ่ายก็จะหยุดการเคลื่อนไปตามกฎธรรมชาติว่าไม่มีอะไรสถิตย์อยู่นิรันดร์

คนเราไม่สามารถโกรธใครได้ทั้งวัน หรือหัวเราะได้ทั้งวัน

เวลาแม่โกรธจึงเหมือนประหนึ่งปรากฎการณ์ธรรมชาติเช่นฟ้าผ่า แต่เราไม่เคยด่าว่าท้องฟ้า

เพราะฟ้าคือฟ้า เราคือก้อนเนื้อกับสติ

หนูต้องฝึกนะลูก

วันนี้จึงได้รู้ว่าแม่คืออุปกรณ์ของธรรมะที่มีพระคุณยิ่ง ที่มาร่วมสร้างสถานการณ์ให้เราได้พบปัญญา

ถ้าเราอยู่กับคนที่ว่าเราแล้วเราหนีเขาได้

ก็เท่ากับเรายังไม่ได้ฝึกความอดทนที่แท้จริง

ลองฝึกอดทนอย่างมีสติคือไม่ต้องรู้สึกหรือตีความกับปรากฏการณ์ที่เกิด

ต่อไปหนูจะอยู่กับทุกสถานการณ์ได้อย่างไม่ทุกข์และรู้เท่าทัน

แม่เป็นคนเดียวที่ด่าเราเสร็จก็กลั่นเหงื่อเลี้ยงเราต่อ

คำบ่นว่าของแม่คือเพชรในหัวคางคก

งดงามแต่แฝงมาในรูปที่น่าขยาดกลัว

แต่ถ้าหนูมีสติ แล้วไม่หลุดไปในความคิ และความรู้สึกของตนเอง

หนูจะพบเพชรเม็ดงามเลยจ้ะ

ลองค่อยๆฝึกนะลูก ถ้าอยากทราบว่าฝึกอย่างไรก็แค่รู้สึกกับการสัมผัส

กระพริบตาก็รู้ จะขยับปากก็รู้

รู้ไม่ทันก็ค่อยมาตามรู้ทีหลัง

อย่าเคร่งเครียด สร้างตัวรู้เบาๆ ถ้าคิดก็ไม่ต้องกลัว

แค่รู้และไม่เข้าไปในความคิด

รู้มากๆเข้าหนูจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวหนู

แต่ต้องขยันรู้นะคะ แต่รู้อย่างเบาๆ ไม่ตึงไป ม่หย่อนไป รู้พอดีๆค่ะ

โชคดีนะคะ รับรองหายทุกข์ทั้งชีวิตเลยล่ะค่ะ คุณครูรับรอง