: ข้อสอบวิชาฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง : ฺBon October 06, 2008, 04:56:16 PM ลองอ่านกันดูน่ะครับ ;D ผมมีเรื่องๆ หนึ่งขออนุญาตนำมาเล่าให้ฟัง เพื่อนชาวสถาปัตย์ท่านหนึ่งเป็นคนเล่าให้ผมฟังอีกที ผมฟังแล้วก็ชอบใจอยู่มาก เพราะมันให้ข้อคิดทั้งคนเป็นนักเรียนและคนเป็นครูได้อย่างดี เรื่องนี้สนุกครับ ถึงจะมีสูตรมีศัพท์ทางวิทยาศาสตร์อยู่บ้าง ลองฟังดูครับ -------------------------------------------- โจทย์ข้อหนึ่งในข้อสอบวิชาฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกนมีดังนึ้ "จงอธิบายว่าท่านจะใช้บารอมิเตอร์วัดความสูงของตึกระฟ้าได้อย่างไร" รู้จักกันนะครับ ว่าบาร์รอมิเตอร์นี่ก็คือเครื่องมือวัดความกดอากาศนั่นเอง (อธิบายเพิ่มเติมก็คงต้องบอกว่า อากาศนั้นมันมีน้ำหนักหรือมีแรงกดนั่น และแรงกดของอากาศนั้นเมื่ออยู่ในระดับความสูงที่เปลี่ยนไป ความกดอากาศก็เปลี่ยนไปด้วย) นักศึกษาคนหนึ่งเขียนคำตอบลงไปว่า "เอาเชือกยาวๆ ผูกกับบารอมิเตอร์แล้วหย่อนลงมาจากยอดตึก แล้วก็เอาความยาวเชือก บวกความสูงบารอมิเตอร์ก็จะได้ความสูงของตึก" ฟังดูเป็นอย่างไรครับคำตอบนี้ ผมฟังครั้งแรกผมยังอมยิ้มเลยครับ แต่อาจารย์ที่ตรวจข้อสอบไม่นึกขันอย่างผมด้วย อาจารย์ตัดสินให้นักศึกษาคนนั้นสอบตก นักศึกษาผู้นั้นยืนยันต่ออาจารย์ที่ปรึกษาว่า คำตอบของเขาควรจะถูกต้องอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง และคำตอบของเขาก็สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ ทางมหาวิทยาลัยจึงตั้งกรรมการชุดหนึ่งมาตัดสินเรื่องนี้ และในที่สุดคณะกรรมการก็มีความเห็นตรงกันว่า คำตอบนั้นถูกต้องอย่างแน่นอน แต่เป็นคำตอบที่ไม่แสดงถึงความรู้ความสามารถทางฟิสิกส์ ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ข้อขัดแย้งที่เกิดขึ้น ทางคณะกรรมการจึงให้เรียกนักศึกษาคนนั้นมา แล้วให้สอบข้อสอบข้อนั้นอีกครั้งหนึ่งต่อหน้า โดยให้เวลาเพียง 6 นาที เท่ากับเวลาในการสอบข้อสอบเดิม เพื่อหาคำตอบที่แสดงให้เห็นถึงความรู้ทางด้านฟิสิกส์ หลังจากผ่านไป 3 นาที นักศึกษาคนนั้นก็ยังนั่งนิ่งอยู่ กรรมการจึงเตือนว่า เวลาผ่านไปครึ่งหนึ่งแล้วจะไม่ตอบหรืออย่างไร นักศึกษาหัวรั้นจึงตอบว่า เขามีคำตอบมากมายที่เกี่ยวกับฟิสิกส์ แต่ไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะใช้คำตอบไหนดี และเมื่อได้รับคำเตือนอีกครั้ง นักศึกษาจึงเขียนคำตอบลงไปดังนี้ ให้เอาบารอมิเตอร์ขึ้นไปบนดาดฟ้าตึกและทิ้งลงมา จับเวลาจนถึงพื้น, ความสูงของ ตึกหาได้จากสูตร H=0.5g*t กำลัง 2 หรือถ้าแดดแรงพอ ให้วัดความสูงบารอมิเตอร์แล้วก็วางบารอมิเตอร์ให้ตั้งฉากพื้น แล้ววัดความยาวของ เงาบารอมอเตอร์ จากนั้นก็วัดความยาวของเงาตึก แล้วคิดด้วยตรีโกณมิติก็จะได้ความสูงของตึกโดยไม่ ต้องขึ้นไปบนตึกด้วยซ้ำ หรือถ้าเกิดอยากใช้ความสามารถด้านวิทยาศาสตร์มากกว่านี้ ก็เอาเชือกเส้นสั้นๆ มาผูกกะบารอมิเตอร์แล้วแกว่งเหมือนลูกตุ้ม ตอนแรกก็แกว่ง ระดับพื้นดิน แล้วก็ไปแกว่งอีกทีบนดาดฟ้า ความสูงของตึกจะหาได้จาก ความแตกต่าง ของคาบการแกว่ง เนื่องจากความแตกต่างของแรงดึดดูดจากจุดศูนย์กลางของมวล คำนวณจาก T = 2 พาย กำลัง 2 รากที่ 2 ของ l/g ถ้าตึกมีบันไดหนีไฟก็ง่ายๆ ก็เดินขึ้นไปเอาบารอมิเตอร์ทาบแล้วก็ทำเครื่องหมายไปเรื่อยๆ จนถึงยอดตึกนับไว้คูณด้วยความสูงของบารอมิเตอร์ก็ได้ความสูงตึก แต่ถ้าคุณเป็นคนที่น่าเบื่อและยึดถือตามแบบแผนจำเจซ้ำซาก คุณก็เอาบารอมิเตอร์วัดความดันอากาศที่พื้นและที่ยอดตึก คำนวณความแตกต่างของ ความดันก็จะได้ความสูง ส่วนวิธีสุดท้ายง่ายและตรงไปตรงมาก็คือ ไปเคาะประตูห้องภารโรง แล้วบอกว่า อยากได้บารอมิเตอร์สวยๆ ใหม่เอี่ยมสักอันไหม ช่วยบอกความสูงของตึกให้ผมทีแล้วผมจะยกให้ นักศึกษาคนนั้นคือ นีล โบร์ ผู้ได้รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ในปีค.ศ.1922 : Re: ข้อสอบวิชาฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง : kznot October 06, 2008, 05:48:57 PM นีล โบร์
คนที่คิดเเบบจำลองอะตอมช่ายม่ะคับ : Re: ข้อสอบวิชาฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง : NbtZ October 06, 2008, 06:01:39 PM ใช้ได้เลย คำตอบ เหอะๆ
: Re: ข้อสอบวิชาฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง : PCHY* October 06, 2008, 07:22:01 PM นีล โบร์ คนที่คิดเเบบจำลองอะตอมช่ายม่ะคับ เหอะๆ อ่านไปงงไป รู้สึกตัวเองโง่ฟิสิกส์มาก ฮ่าๆๆๆ..... ว่าแต่ ถ้าเป็นคนเดียวกะนีล โบร์ ที่คิดแบบจำลองอะตอมจริง นี่เค้าก็เก่งเหมือนกันนะ เคมีก็ทำได้ ฟิสิกส์ก็ทำได้ เหอะๆ : Re: ข้อสอบวิชาฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง : kznot October 06, 2008, 07:24:33 PM อ่ะน่ะ คนเรา
เกิดมาเก่ง ก้อเก่งให้ครบ : Re: ข้อสอบวิชาฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง : ฺBon October 06, 2008, 07:34:29 PM ครัยๆๆ
ก้เก่งได้น่ะครับ อยุ่ที่เราจะรู้จักเพิ่มรอยหยัก ในหัวเรา ให้ มากๆ ขึ้น รู้มากกว่าเพื่อน แค่นี้เองคับ อิอิ ปล. ตัวเองยังทำไม่ได้ เรยคับ 5 5 : Re: ข้อสอบวิชาฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง : kznot October 06, 2008, 08:16:18 PM 55555555555
ไม่เเปลกคับๆ : Re: ข้อสอบวิชาฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง : CHEEZE October 06, 2008, 10:12:11 PM เก่งได้อีกอ่าคนเรา
๕๕+ |