: จากปมเล็กๆ : บู๋ June 15, 2007, 04:15:42 PM ปมความทุกข์ที่ผมจะพูดถึงนี้มันเกิดมานานแล้วครู ประมานตั้งแต่ผมอยู่ป.6 นี่ก้อม.6แล้ว แต่พอผมมานึกย้อนดู ทำให้รู้ว่าคงเป็นเพราะต้นเหตุนี้เองมั้งที่ทำให้ผมเป็นคนเงียบๆ และเย็นชาในบางครั้ง มันเกิดขึ้นตอนที่ผมกับพี่ทะเลาะกัน ซึ่งเราก้อทะเลาะกันบ๋อยอยู่แล้วแหละคับ แต่ครั้งนั้นมันเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตผมเลย เรา2คนพี่น้องโกรธกันมาก มองหน้ากันทีไรก้อแยกเขี้ยวใส่กันทุกที ตั้งแต่นั้นมาเราก็ไม่พูดกันอีกเลย ความสนุกที่ได้เคยหยอกล้อกับพี่ผมได้ลืมไปหมด และไม่เคยรู้จักอีกเลย จนบางครั้งทำให้พ่อเสียใจมาก เราเลยเลิกโกรธกันแต่ก้อไม่สนืทกันอย่างเก่า ต่างคนต่างอยู่ ปัจจุบันนี้เราก็พูดกันบ้างแต่น้อยมากแถบจะนับคำได้ ถ้าถามผมว่าผมรักมานมั้ย ผมก้อรักนะครู สิ่งใหนที่ผมช่วยมานได้ผมก้อช่วย แต่จะให้ผมไปหยอกมาน หรือคุยสนุกๆกะมานผมทำไม่ได้เลย เพราะมานเป็นเรื่องชินชากับผมเสียแล้ว เราเงียบๆกานยังงี้มานานแล้ว ผมควรแก้ไขตัวเองตรงใหนรึปาวคับ :-\ ไม่งงนะครู
: Re: จากปมเล็กๆ : คุณครูสมศรีสุดสวยจร้า!! June 15, 2007, 09:46:55 PM บู๋ศิษย์รัก
มีประโยชน์อะไรถ้าครอบครัวมีสมาชิกแต่หามีจิตใจผูกพันกันไม่ คุณณพ่อสอนคุณครูเสมอว่าแม้เราจะเป็นเช่นไรพี่น้องต้องรักกัน พ่อจะชื่นใจเมื่อเห็นเราทุกคนเล่นและหัวเราะกัน แต่ยามใดที่ลูกโกรธหรือทะเลาะกันตามภาษาเด็กป่ะป๊าก็จะพูดว่า "พี่น้องยามโกรธกันแม้จะเหินห่างแต่ขอให้เหมือนไผ่สองฟาก" แม้นไผ่จะอยู่แยกฝั่งกัน แต่ธรรมชาติที่เกิดร่วมกันเป็นกอ คุณสมบัตินี้ย่อมทำให้ไผ่โน้มเข้าหากันในที่สุด บู๋ห้ามคิดซ้ำๆว่าบู๋เย็นชานะครับ เพราะมันจะไปสะกดจิตใจของหนูให้เป็นดั่งนั้น หนูควรคิดว่าเราคือไผ่ต่างฝั่งที่ถูกแยกจากกันด้วยความไม่เข้ใจของวัยเด็ก แต่หนูกับพี่กำลังจะโน้มเข้าหากัน เพียงเวลาผ่านไปร่มเงาที่เกิดจากการโน้มเข้าหากันของไผ่ย่อมส่งความร่มเย็น ดุจดั่งร่มที่ก่อขึ้นจากความผูกพันทางสายโลหิต หนูและพี่ต่างก็มีความเหมือนกันคือ เนื้อแม่และเลือดพ่อ คุณครูมั่นใจว่าพรุ่งนี้ที่จะมาถึงจะทำให้บู๋เรียนรู้ที่จะปลูกไผ่รักเพื่อความอบอุ่นของครอบครัวและความภูมิใจของบิดรมารดา ครูมั่นใจครับว่าหนูทำได้ : Re: จากปมเล็กๆ : rUkToR+ June 15, 2007, 09:55:34 PM เวลาเรารักใครสักคน ไม่ต้องจี๋จ๋ากันทุกวัน ไม่ต้องคุยกัน 3 เวลาหลังอาหาร เราก้อยังรักเค้าอยู่
ความรักที่แท้จริงจะแสดงออกมาเมื่อคนที่เรารักเค้ามีความทุกข์ แล้วเรา เต็มใจที่จะช่วยเหลือเค้าโดยไม่มีเงื่อนไข ช่วยเค้าจากหัวใจที่บริสุทธิ์ มาจากความห่วงใย ซึ่งมีรากฐานมาจากความรัก บางครั้งเราอาจจะดูเย็นชากับเค้า จนเค้าอาจจะเข้าใจผิดว่าเราไม่ได้รักเค้าเลย เค้าก้อเลยไม่สนใจเรา แต่ที่จริงมันไม่ใช่ เรารักเค้ามากแต่มันติดอยู่ที่ ทิฐฐิ ถ้าเราไปเล่นกับเค้า ก้อเหมือนเรายอมเค้า เราอาจจะคิดว่า ทำไมเราต้องเป็นฝ่ายง้อด้วย เค้าต่างหากต้องเป็นฝ่ายมาง้อเรา แต่ยังไงเค้าก้อเป็นพี่เรานะคะ ถึงจะทะเลาะกันรุนแรงแค่ไหนความรักที่น้องมีต่อพี่ หรือที่พี่มีต่อน้อง มันไม่ได้สั่นคลอนไปตามแรงทะเลาะเลย ความรักในสายเลือดมันยังคงอยู่ในหัวใจของพี่น้องเสมอ น้องลองจินตนาการถึงต้นหญ้าสูงๆในท้องทุ่งที่กว้างใหญ่ หากลมพัดมาแล้วต้นหญ้ายังคงแข็งตรงอยู่เช่นนั้นไม่ลู่ไปตามลม เวลาเรามองก้อจะรู้สึกเป็นภาพที่ดูแข็งๆ แต่หากต้นหญ้าสูงเหล่านั้น เอนลู่ไปตามลม ใบพริ้วไสว เวลาเรามองก้อเป็นภาพที่รู้สึกอ่อนไหว รู้สึกสบายใจที่ได้มอง น้องลองตัดทิฐฐิในใจออก ตัดความรู้สึกเย็นชา ลืมเรื่องที่เคยทะเลาะกัน นึกถึงภาพที่พี่เค้าเคยช่วยเหลือเรา ตอนเด็กๆที่พี่เป็นคนดูแลเรา ปกป้องเราเวลาพ่อแม่ไม่อยู่ มีพี่ที่คอยเป็นเสมือนเพื่อนแท้ที่หาไม่ได้อีกแล้วมีเพียงคนเดียวเท่านั้น อดีตผ่านมาแล้วนึกถึงไม่มีอะไรดีขึ้นก็ปล่อยมันไป อดีตก้อเปรียบเสมือนรอยเท้าเก่าที่เราเคยเดิน ปัจจุบันคือการก้าวเดินไปข้างหน้า หากวันเวลาผ่านไป พัดพารอยเท้าเก่าให้ลบไป หากเราหันหลังกลับมามอง ก็จะไม่เห็นรอยเท้าที่เราเคยเดิน น้องลืมอดีตที่เคยเฉยชา เคยทะเลาะ ไม่เคยหยอกล้อกัน วันนี้หันหน้าไปพูดกับพี่ เล่นกับพี่เหมือนอย่างที่เราอยากทำ สายใยแห่งความรักความผูกพันมันตัดกันไม่ขาดหรอกค่ะ พอน้องพูดเล่นกับพี่ เดี๋ยวพี่น้องก้อเล่นกับน้องเอง แล้วน้องกับพี่ก้อจาเป็นพี่น้องที่มีความสุข พ่อแม่ก้อจาได้สบายใจ อนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้านะคะ ขึ้นอยู่กับน้องว่าอยากให้ความสุขเกิดชึ้นในครอบครัวอีกหรือเปล่า สู้ๆๆนะคะ พี่เป็นกำลังใจให้นะคะ |