: มาฟิตสมองกันจร้า!!!!! : แรม August 01, 2008, 11:59:53 AM Brainfitness เทคนิคฟิตสมอง
Brainfitness เป็นโรงยิมของสมองที่จะเตรียมความพร้อมและเพิ่มสมรรถนะให้สมอง โดยมีหลักการ 3 ประการด้วยกันคือ 1. ทำให้ร่างกายมีความสมดุลและมีการเคลื่อนไหวอย่างสมดุล 2. ทำให้สมองมีความกระตือรือร้นและทำงานได้ดี 3. ทำให้จิตใจ อารมณ์เบิกบาน ผ่อนคลาย และโรงยิมของสมองนี้ก็มีอุปกรณ์สำคัญอยู่ 10 อย่างด้วยกัน ซึ่งทั้งหมดล้วนมีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน ได้แก่ 1. อาหารสมอง ช่วยสร้างพลังงานให้สมอง เด็ก ๆ ต้องได้รับสารอาหารครบถ้วน โดยเรียงจากปริมาณที่ต้องการมากที่สุดคือกลุ่มธัญพืช รองลงมาคือผักผลไม้ โปรตีน และอื่นๆ ต้องกินทุกมื้อ โดยเฉพาะมื้อเช้าสำคัญมาก และไม่ควรกินก่อนนอน หลีกเลี่ยงอาหารกึ่งสำเร็จรูป ฟาสต์ฟู้ด ลดปริมาณเกลือ ไขมัน โดยเฉพาะน้ำตาลที่ทำให้เด็กมีพลังงานมากจนไม่อยู่นิ่ง ขาดสมาธิ 2. ออกซิเจน ให้ชีวิตแก่เซลล์สมอง สมองที่มีออกซิเจนมากเพียงพอจะทำให้มีสารเคมีที่ทำให้เครียดลดน้อยลง ทำได้โดยการหายใจที่ถูกต้อง หายใจลึก ๆ ให้ทั่วปอด หายใจเข้าท้องพอง หายใจออกท้องแฟบ รวมทั้งการเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย หัวเราะ ร้องเพลงและพูดคุย ก็เป็นการเพิ่มปริมาณออกซิเจนให้สมองได้ดีอีกด้วย 3. น้ำเปล่า มีส่วนสำคัญในการส่งข้อมูลในสมอง ถ้าเราไม่ได้ดื่มน้ำแค่ครึ่งชั่วโมง สมองก็ขาดน้ำแล้ว เพราะทำให้ก้านสมองหด เซลล์สมองส่งข้อความถึงกันไม่ราบรื่น อาจทำให้รู้สึกสับสน และเหตุผลที่น้ำเปล่าดีต่อสมองก็เพราะดูดซึมสู่สมองได้ทันที ถ้าเครื่องดื่มอื่น ๆ ร่างกายจะคิดว่าเป็นอาหาร แล้วส่งไปย่อยก่อนถึงจะดูดซึมไปที่สมอง ควรปลูกฝังให้เด็กรู้ว่าน้ำเปล่าเป็นน้ำผลไม้ของสมอง (Brainjuice) ดังนั้นในห้องเรียนหือโต๊ะทำการบ้านควรมีน้ำไว้ดื่มได้สะดวก 4. การผ่อนคลาย เริ่มจากการนอนหลับเพียงพอ ตอนหลับร่างกายพักแต่สมองตื่น สมองจะสร้างจุดเชื่อมต่อใหม่ๆ ระหว่าง 2 ซีก สมองจะแยกประเภทและเก็บประสบการณ์ที่ได้ในแต่ละวัน โดยที่เราควบคุมไม่ได้ ซึ่งประสบการณ์ที่เรารู้สึกกับมันมาก ๆ จะจำได้ง่าย ดังนั้นถ้านอนไม่พอ สมองยังจัดระบบไม่เรียบร้อย จึงตื่นมางง ๆ เบลอ ๆ นอกจากนี้ยังผ่อนคลายได้ด้วยการเคลื่อนไหวในท่าบริหารสมอง (Brain Gym) ฟังเพลงจังหวะเบา ๆ ช้า ๆ ออกกำลังกายเบา ๆ การพูดคุย ร้องเพลง ยิ้ม นั่งสมาธิ การเรียนรู้จากภาพ และการพักช่วงสั้น ๆ ระหว่างการทำกิจกรรม 5. ความสมดุลของร่างกายและสมอง อาจลองให้เด็ก ๆ ถือห่วงฮูลาฮูบขึ้น-ลง และไปข้างหน้าเพื่อฝึกการทรงตัวหรือฝึกไขว้ร่างกายในท่าต่างๆ การหายใจที่ถูกต้อง บุคลิกท่าทางที่เหมาะสม ใช้เพลงจังหวะเบา ๆ มาประกอบการทำกิจกรรม ลดพฤติกรรมที่นำไปสู่ความเครียด 6. รูปแบบการเรียนรู้ที่เหมาะกับเด็กแต่ละคน คนแต่ละคนมีสมองที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดังนั้นเด็กๆ แต่ละคนจึงตอบรับรูปแบบการเรียนการสอนที่ต่างกันไป ซึ่งที่จริงกระบวนการเข้าถึงการเรียนรู้มีหลากหลายวิธี ทั้งการเรียนรู้ผ่านการเห็น การฟัง การเคลื่อนไหว การเรียนแบบ เป็นขั้นตอน เรียนแบบองค์รวม และเรียนผ่านกระบวนการทางสังคม ซึ่งในห้องเรียนควรเลือกใช้ให้หลากหลายที่สุด 7. การสร้างแรงบันดาลใจ โดยให้เด็ก ๆ มีเป้าหมายในการเรียนรู้ ได้คิด ได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง 8. ความเป็นตัวของตัวเอง และเชื่อมั่นในตัวเอง การรู้จักควบคุมตัวเอง มีวินัย มั่นใจในตัวเอง และมีความรู้สึกชื่นชมในสิ่งที่ทำ เป็นพื้นฐานให้เด็กมีความกระตือรือร้นอยากเรียนรู้ 9. ผิดเป็นครู เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้จากความผิดพลาด 10. การสร้างทัศนคติในเชิงบวก คิดใช้ภาษาท่าทางและการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ จะช่วยให้สมองของเด็กจดจำแต่สิ่งที่ดี ๆ และงดงาม ฝึกให้เด็กมองว่าทุกปัญหามีทางออกเสมอ หากใช้อุปกรณ์ Brainfitness ทั้ง 10 ประการอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้สมองของเด็กเรียนรู้ได้ดีมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้คุณคริสตีนย้ำอย่างเชื่อมั่นว่า เด็กทุกคนสามารถที่จะเรียนรู้ได้อย่างเป็นธรรมชาติในเงื่อนไขที่เหมาะสม ทั้งเงื่อนไขภายใน คือ Brainfitness ที่กล่าวมา และเงื่อนไขภายนอก (Brainfriendly) ซึ่งก็คือสภาพแวดล้อมทุกอย่างที่อยู่รอบ ๆ ตัวเด็ก ที่เราสามารถจัดการให้เป็นมิตรกับสมองของเขาได้ อย่างไรก็ตาม วิถีชีวิตคนเมืองซึ่งเต็มไปด้วยมลภาวะทั้งทางด้านเสียง ลดทอนประสิทธิภาพการฟัง ทำให้เกิดความเครียด อารมณ์สับสน มลภาวะทางอากาศ ที่แม้หายใจถูกวิธีแต่ก็รับควันพิษเข้าไป หรือจากแสงของเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น คลื่นแสงกะพริบ ๆ จากจอทีวี คอมพิวเตอร์ แสงไฟนีออน สามารถทำลายเซลล์สมองได้ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งแวดล้อมที่ลดความสามารถในการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ทั้งสิ้น จึงควรหลีกเลี่ยง ที่มา นิตยสาร life & family : Re: มาฟิตสมองกันจร้า!!!!! : NaNToR+ August 01, 2008, 01:56:00 PM ขอบคุณมากมายค่า
^^ : Re: มาฟิตสมองกันจร้า!!!!! : N'PLOY August 01, 2008, 06:20:28 PM ;D Thank you very much kaaa
|