: ครูคะ ทำไม่ยิ่งเรียนยิ่งรู้สึกว่าอยู่ตัวคนเดียว : Chop October 10, 2010, 12:24:43 AM คือตอนนี้หนูอยู่ม.5นะคะ แล้วเมื่อตอนม.4หนูเป็นเด็กขี้เกียจไม่สนใจเรียน มารู้สึกตัวก็ตอนปิดเทอมม.4ขึ้นม.5 พอรู้สึกว่าต้องตั้งใจเรียนหนูก็กลายเป็นเด็กบ้าเรียน เพื่อนฝูงหนูก็ไม่ค่อยสนใจ แต่หนูมีเพื่อนสนิท4คนอยู่นะคะ คือตั้งแต่หนูตั้งใจเรียนหนูก็ไม่ชอบไปไหนมาไหนกับเพื่อน อย่างไปเรียนพิเศษหนูก็จะเรียนรอบที่เพื่อนไม่เรียน เพื่อนชวนไปไหนหนูก็ไม่ค่อยไป อย่างช่วงนี้ใกล้กีฬาสี เพื่เือนๆในห้องเค้าไปทำอุปกรณ์กีฬาสี หนูก็ไม่อยากไป เพราะหนูเสียดายเวลาอ่านหนังสือของหนู คือเวลาไปเพื่อนๆเค้าก็เล่นกันไม่ค่อยทำงาน แต่พอเอาไปเอามาหนูเริ่มรู้สึกว่าหนูไม่มีเพื่อน เพื่อนสนิทหนูก็ยังมีนะคะ เพียงแต่กับเพื่อนคนอื่นๆในห้อง หนูเริ่มรู้สึกว่าเหมือนหนูอยู่คนละโลกกับพวกเค้าแล้วค่ะ พวกเค้ายังไม่เตรียมตัวอ่านหนังสือกันสักคนเลยนะคะ เอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ
หนูทำไงดีอะคะ ที่จริงหนูตั้งใจว่าเพื่อนค่อยไปหาตอนเข้ามหาลัยได้ก็ได้ แต่หนูก็รุ้สึกเหมือนตัวเองกำลังทิ้งชีวิตม.ปลายไปยังไงก็ไม่รู้ : Re: ครูคะ ทำไม่ยิ่งเรียนยิ่งรู้สึกว่าอยู่ตัวคนเดียว : POK : ) October 10, 2010, 12:26:11 PM "เพื่อน" มิตรภาพที่หาง่ายจริงนะ แต่เพื่อนแท้มิตรแท้นี่สิ่ต้องใช้เวลารู้นิสัยกันและกัน
เพื่อนมีไว้เถอะครับผม จะได้ช่วยๆกันในยามที่มีอะไร แสดงความมีน้ำใจต่อกัน ผูกพันกันให้มากๆ เพื่อนทุกคนย่อมมีส่วนดีและส่วนร้าย แต่อยากให้มองส่วนดีของเขาไว้ครับ ส่วนร้ายเอาเป็นว่ารู้กันและกันอยู่ ในอนาคต อาจจะเป็นเพื่อนเราก็ได้ที่ช่วยเราในการทำสิ่งต่างๆ และในเมื่อยามที่เราล้ม เพื่อนอาจจะพยุงเราขึ้นมาได้ :D การทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน จะได้ประสบการณ์ในการดำเนินชีวิตนะครับผม. ส่วนเรื่องการอ่านหนังสือ อันนี้น่าจะเป็นเกี่ยวกับการแบ่งเวลาของเรามากกว่าครับผม : ) : Re: ครูคะ ทำไม่ยิ่งเรียนยิ่งรู้สึกว่าอยู่ตัวคนเดียว : คุณครูสมศรีสุดสวยจร้า!! October 10, 2010, 12:33:13 PM มนุษย์เราประกอบด้วยร่างกาย แล จิตใจ
หากขาดสมดุล ชีวิตจะเกิดความไม่มั่นคงและอ่อนไหวทางจิตใจ ทาง "สายกลาง" ซึ่งถือว่าสำคัญยิ่ง อ่านหนังสือจนลืมทุกสิ่ง ในระยะยาวจะส่งผลถึงการขาดทักษะที่จะนำไปใช้ในการเกี่ยวข้องกับมนุษย์ เล่นอย่างเดียว ทำกิจกรรมอย่างเดียว แม้จะมากด้วยทักษะการข้องเกี่ยวกับมนุษย์ แต่กลับขาดทักษะ "การสงบนิ่ง" และ "การศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม" สัดส่วนชีวิต ไม่จำเป็นจะต้อง 50 : 50 แต่สัดส่วนจะแปรไปตามกาลเวลาและบุคคล และลำดับความสำคัญภายใต้เงื่อนไขเวลาที่จำกัด อะไรสำคัญก่อนก็มาก่อน ในปริมาณที่มากกว่าสิ่งที่สำคัญรองลงไป ณ ขณะนั้นๆ คนที่อยู่กับตนเองและเสียดายเวลา มองกิจกรรมสันทนาการบางอย่างเป็นเรื่องไร้ค่า สุดท้ายก็จะเก่งตามที่ตนเองบ่มเพาะมา แต่กลับพูดเรื่องอื่นไม่ได้ นอกจากเรื่องที่จิตพะวงอยู่ ถ้าเป็นเด็กเก่งก็คงพูดได้เเต่เรื่องการเรียน หรือการงานที่ตนเองคร่ำหวอด เรื่องสังคมรอบข้าง เรื่องจิตใจที่อ่อนโยน เริ่มถอยห่างออกไป เพราะถูกมองข้ามหรือไม่ใส่ใจ บางครั้งก็จะเข้ากับใครลำบาก นอกจากคนในกลุ่มหรือประเภทเดียวกัน แต่คนกลุ่มเดียวกันก็มักจะคำนึงถึงคะแนนมาอันดับหนึ่ง จึงเต็มไปด้วยการแข่งขัน และบ่มเพาะความกร่นทุกข์กร่นโศก ทีละเล็กทีละน้อยโดยไม่รู้สึกตัว มารู้อีกที ก็พบว่าทำไมความสุขของตนจึงเหลือน้อยลง คนกลุ่มนี้จะคิดว่า"เวลา" มีค่าสูงสุดและมีความสัมพันธ์กับการสร้างเป้าหมายของชีวิตจนลืมเห็นความงดงามระหว่างเส้นทางของชีวิตอีกด้านหนึ่ง หรือเรียกคนประเภทนี้ว่า IQ ดี แต่ EQ ไม่สู้จะดีนัก พอมีครอบครัวก็อาจต้องวิ่งบนลู่แข่งขันต่อไปด้วยความคุ้นชิน ไร้สุข กร่นทุกข์ จนวันหนึ่งอาจมีครบทุกอย่างยกเว้น "ความสุข" และ"มิตรภาพที่ดี"ในครอบครัวและรหว่างผู้คน ธงที่ปักลง ก็คงไม่พ้นเรื่อง "ลาภยศ" เมื่อเติบใหญ่ เฉกเช่นสมัยเรียนที่มุ่งเน้น "คะแนน"เป็นหลัก ไม่เคยให้เวลากับใครเพราะเวลามีค่าต่อการสร้างความสำเร็จให้ตนเอง พอมาเป็นครอบครัว ลูกและคู่ครองจึงตามมาเป็นอันดับรองจากงานและผลของงานที่ตนตั้งเป้าไว้ ด้วยเหตุนี้ คนเราจึงต้องมีความพอดี และมีความปกติของจิตใจคือไม่ต้องกระเสือกกระสนให้ทะลุเป้าหมายที่ท้ายที่สุดกลับมาสกัดความสุขของตน ถ้าจะขยันก็เพราะขยัน ไม่ใช่ขยันเพราะกลัว ขยันเพราะไม่อยากให้น้อยหน้าใคร หรือขยันเพราะตนต้องเป็นที่หนึ่ง เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำไปให้ทุกข์ แล้วจะไปหาสุขจากไหนในได้ปัจจุบันล่ะคะ ท่านพุทธทาสจึ่งเรียกการศึกษาเช่นนี้ว่า "การศึกษาหมาหางด้วน" เป็นการศึกษาที่ทำให้ตัวเราขาดความสมดุลหรือไม่สมประกอบโดยตัวเราเองก็ยังมองตัวเราเองไม่เห็น มีหลายท่านที่แข่งขันกันจนเป็นชนชั้นนำ แต่ท่านเหล่านั้นก็ไม่ได้กระชากม่านชีวิตให้ดูว่า ชีวิตเขาเหล่านั้นประสบความสุขเหมือนตัวเลขในสมุดพกหรือสมุดบัญชีเงินฝากหรือเปล่า แต่เมื่อผู้คนพากันมองภายนอกว่า นี่คือ"ความสำเร็จ" ผู้คนจึงพากันทำตาม เหมือนสุนัขที่ลุกขึ้นมายอมตัดหางตนเองออกเพราะได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าการตัดหางออกเป็นสิ่งที่ดีต่อตัวสุนัขเอง ชีวิตจึงกระทำตามกันโดยขาดปัญญาแยกแยะจนชีวิตขาดสุขและทุกข์กลับทวี อุปมาดั่งสุนัขที่เสียสมดุลในสรีระ คุณครูคิดว่า หนูควรให้ความสำคัญกับการศึกษา แต่ควรผ่อนความเค้นเครียดด้วยการให้ความสำคัญด้านจิตใจมากขึ้นกว่าเดิม ใส่ใจเพื่อนฝูงบ้าง เห็นใจและมีน้ำใจต่อกันและกันบ้าง อภัยให้กันบ้าง เรียนรู้ชีวิตทางอ้อม ผ่านชีวิตของเพื่อนบ้าง แล้วหนูจะเริ่มเข้าใจว่า การสะสมเกรดเป็นสิ่งดี แต่จะดีขึ้นถ้าเราสะสมความดีที่ส่งมอบและส่งต่อให้กันและกันในสังคม หนูจับความรู้สึกเก่งมากลูก ถึงได้ถ่ายทอดความทุกข์และความโดดเดี่ยวออกมาเป็นตัวอักษร ลองใหม่นะลูก คนเก่ง คือเก่งที่จะใช้หนึ่งชีวิตที่ได้มาอย่างมีสุข ควาสุขฉับพลัน ( instant happiness) จะผุดบังเกิดหากหนูเรียนรู้ที่จะให้ และร้จังหวะที่จะรับ ได้อย่างมีดุลยภาพ และพลังเหล่านนี้จะไปเกื้อหนุนให้การเรียนของหนูมีพลัง เพราะความเก่งของหนู จะเป็นความเก่งที่เอื้อประโยชน์ต่อคนรอบข้าง ลองดูนะคะ สุขนิยมบนความดีที่ไม่ยึดดี กับสุขนิยมบนวัตถุนิยม และการไปสู่เส้นชัยอย่างโดดเดี่ยว ให้ผลที่มีรสหอมหวานต่างกันค่ะ คุณครูเป็นกำลังใจให้นะคะ : Re: ครูคะ ทำไม่ยิ่งเรียนยิ่งรู้สึกว่าอยู่ตัวคนเดียว : Chop October 10, 2010, 10:34:43 PM ขอบคุณมากๆนะคะครู ถ้าอย่างงั้น หนูจะเปิดใจให้กว้างขึ้น หนูก็คิดว่ามันคงไม่มีความสุขเท่าไหร่ถ้าหนูเก่งกว่าคนอื่น ดีกว่าคนอื่น แต่ข้างๆหนูไม่มีใครเลยที่มายินดีกับหนู
หนูจะเริ่มจากไปช่วยเพื่อนทำกีฬาสีนี่แหละค่ะ อาจจะไม่ไปทุกวัน แต่หนูก็จะไปค่ะ ไม่งั้นอีกหน่อยหนูคงกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวมากๆ เห็นเงินเห็นเวลาสำคัญกว่าทุกอย่าง ^^ หนูรักครูมากๆเลยนะคะ ถึงจะไม่เคยเรียนรอบสดกับครูก็ตาม : Re: ครูคะ ทำไม่ยิ่งเรียนยิ่งรู้สึกว่าอยู่ตัวคนเดียว : Chop October 10, 2010, 10:35:46 PM ขอบคุณป็อกด้วยนะคะ
|