: ก่อนจะไม่มีแม่ให้กอด....เรื่องจริง จาก forwarded mail : T. April 07, 2010, 02:51:14 AM >
> > > ก่อน > > ไม่มีแม่ให้กอด....เรื่องจริง > > จากโรงเรียน อัสสัมชัญ > > > > อ่านแล้วจะกลั้นน้ำตาแทบไม่อยู่...... > > > > > > เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับ...มิสอุไรพร > > > > ครูที่มีจิตวิทยาสูงในการสอนเด็ก > > > > > > รักใดไหนเล่าเท่ารักแม่...วีรกรรมสุดยิ่งใหญ่ของแม่ที่ลูกทุกคนต้องอ่าน! > > > > > > ตึกเซนต์หลุยส์มารี > > โรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถม > > ราวกลางปี พ.ศ.2539 > > > > 'มิสคะ > > ช่วงพักเที่ยงจะมีผู้ปกครองมารอพบสองท่านที่หน้าห้องรับรองค่ะ' > > > > > > โทรศัพท์แจ้งจากห้องประชาสัมพันธ์ทำให้มิสอุไรพรนาคะเสถียร > > > > ครูสาวประจำระดับชั้นป.4 > > รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย > > > > เพราะจำได้ว่ามีการโทรนัดหมายจะมาพบจากคุณแม่ท่านหนึ่งเพียงท่านเดียวในวันนี้ > > > > > > เอ...ใครล่ะนี่ > > จะมีเรื่องอะไรรึเปล่านะ > > > > เมื่อมิสอุไรพรเดินมาถึงหน้าห้องประชาสัมพันธ์ > > > > ครูสาวก็แทบยกมือรับไหว้จากสุภาพสตรีทั้งสองท่านไม่ทัน > > > > หากก็รู้สึกแปลกใจที่เห็นคุณแม่ท่านหนึ่งยกมือไหว้แต่เพียงแขนข้างเดียว > > > > อย่างไรก็ตามมิสได้เชิญคุณแม่ท่านแรก > > > > เข้าไปคุยก่อนตามลำดับการนัดโดยเก็บงำความแปลกใจไว้ > > > > > > หลังจากคุยกับคุณแม่ท่านแรกเสร็จมิสจึงเชิญคุณแม่อีกท่านเข้ามาคุยในห้องรับรอง > > > > > > ภาพแรกที่ได้เห็นชัดๆทำให้ครูสาวตกใจเล็กน้อย > > > > > > แขนซ้ายของคุณแม่เป็นแขนเทียม > > คุณแม่มาปรึกษาเรื่องการเรียนของลูก > > > > เพราะไม่ได้มาในวันนัดพบผู้ปกครองประจำปีเมื่อต้นปีการศึกษาที่ผ่านมา > > > > > > 'ลูกเขาไม่อยากให้มา > > เขาว่าเขาอายที่แม่ใส่แขนเทียม > > > > กลัวโดนเพื่อนล้อแม่มาทีเพื่อนก็ล้อกันประจำว่าแม่แขนเดียว > > > > แม่เป็นหุ่นยนต์เหรอ > > อะไรนี่น่ะค่ะ เลยไม่ได้มา' > > > > น้ำเสียงของคุณแม่แฝงแววเอ็นดูมากกว่าที่จะโกรธหรือไม่พอใจ > > > > > > มิสอุไรพรขออนุญาตซักถามเกี่ยวกับสาเหตุที่คุณแม่ต้องใส่แขนเทียม > > > > เมื่อได้ทราบความจริงทั้งหมดครูสาวก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะต้องจัดการ > > > > เรื่องที่ลูกไม่ยอมรับและไม่เข้าใจแม่นี้โดยเร็ว > > > > หากปล่อยเรื่องนี้ไป...ก็จะเป็นบาปอันหนักยิ่งติดตัวเด็กไปในภายหน้า > > > > ทั้งตัวลูกชายและคนที่ล้อเพื่อนด้วย > > > > > > ช่วงเย็นวันนั้นมีชั่วโมงลูกเสือแต่ฝนตกหนัก > > > > มิสอุไรพรจึงได้โอกาสนำเรื่องนี้มาเล่าให้นักเรียนฟังในห้องเรียน > > > > > > เรื่องราวที่ว่านั้น > > มีดังต่อไปนี้ > > > > วันที่ 21 สิงหาคม > > พ.ศ.2536หลังวันแม่เพียงไม่กี่วัน... > > > > ครอบครัวหนึ่งได้เดินทางไปเที่ยวนากุ้งที่จังหวัดสตูล > > > > ครอบครัวนี้ประกอบด้วยคุณพ่อ > > คุณแม่ > > และลูกชายอีกสามคนพวกเขาเดินชมนากุ้งไปตามทางเดินซึ่งเป็นคันดิน > > > > ท่ามกลางบรรยากาศสดชื่นของธรรมชาติ > > > > > > โดยคุณพ่อเดินนำหน้ากับลูกชายคนโตสองคน > > > > ส่วนคุณแม่เดินตามหลังมากับลูกชายคนเล็ก > > > > > > ทางเดินที่เป็นคันดินนั้นมีการแบ่งเป็นท้องร่องเพื่อติดตั้งระหัดวิดน้ำ > > > > ซึ่งมีใบพัดทำจากเหล็กสูงจากคันดินราว25ซม > > > > คุณพ่อและลูกคนโตสองคนก็ข้ามท้องร่องแล้วเดินนำต่อไปข้างหน้า > > > > ไม่มีใครฉุกใจคิดระวังถึงเหตุร้าย > > > > > > แต่แล้วลูกชายคนเล็กกลับก้าวพลาดล้มลงไปในท้องร่อง > > > > ขากางเกงเข้าไปติดกับร่องของระหัดวิดน้ำที่กำลังหมุนอยู่ > > > > และฉุดขาของลูกทั้งสองข้างเข้าไปในใบพัดเหล็ก > > > > > > 'ถ้าเป็นพวกคุณ > > น้องตกลงไปอย่างนี้คุณจะทำอย่างไร' > > > > > > มิสหยุดเรื่องไว้ก่อนเพื่อซักถาม > > มองหน้าเด็กนักเรียน > > ทั้งห้องที่นั่งเงียบกริบ > > หน้าซีด > > โดยเฉพาะลูกชายของคุณแม่ท่านนั้น > > > > > > 'ทุกคนตกตะลึงใช่มั้ย > > คิดไม่ทันใช่มั้ย > > แต่นักเรียนรู้มั้ยว่าคุณแม่ท่านตัดสินใจทำอย่างไร' > > > > > > คุณแม่ไม่ยอม > > เสียเวลาคิดอะไรเลย > > > > > > ท่านรีบยึดดึงตัวลูกเอาไว้แล้วเอาแขนซ้ายที่ว่างอยู่เข้าไปขวางใบพัดเหล็กไว้ก่อน... > > > > > > ใบพัดจึงหมุนเอาแขนของคุณแม่เข้าไป...คนงานที่เห็นเหตุการณ์รีบปิดเครื่องทันที > > > > แต่แรงเฉื่อยทำให้ใบพัดยังหมุนต่อด้วยกำลังแรง... > > > > แรงจนกระชากแขนซ้ายของคุณแม > > ่ขาดสะบั้นลง! > > คุณแม่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสสติสัมปชัญญะดับวูบลงในทันที > > > > > > ท้องร่องทั่วบริเวณแดงฉานไปด้วยเลือด...เลือดของแม่... > > > > > > ใบพัดเหล็กยังหมุนต่อไปอีกเล็กน้อยและบดเอาขาทั้งสองข้างของลูกชายคนเล็ก > > > > จนกระดูกหัก...แต่ไม่ขาด > > > > ไม่ขาด...เพราะแขนซ้ายของแม่ขาดแทน...ไม่ขาด...เพราะแม้จะไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะ > > > > > > มือขวาของคุณแม่ก็ยังยึดตัวลูกเอาไว้แน่น...ไม่ยอมปล่อย... > > > > > > คุณพ่อและลูกคนโตทั้งสองคนหันกลับมามองตามเสียงตะโกนเอะอะโวยวายของคนงาน > > > > พร้อมๆกับเสียงกรีดร้องของคุณแม่ > > ภาพที่เห็นทำให้พวกเขาช็อกจนแทบสิ้นสติ! > > > > > > คุณพ่อกระโจนพรวดเดียวถึงตัวคุณแม่และลูกน้อยแต่...มันสายเกินไปแล้ว! > > > > > > สิ่งเดียวที่ทำได้คือรีบพาสองแม่ลูกส่งโรงพยาบาลทันที > > > > ผลของการรักษาคือคุณแม่ต้องใส่แขนเทียมแทนแขนซ้ายที่ขาดไป > > > > > > ส่วนลูกคนเล็กที่ขาหักต้องอยู่โรงพยาบาลนานราวสามเดือนจึงสามารถเดินเหินได้เป็นปกติ > > > > > > มิสอุไรพรกวาดสายตามองไปรอบๆห้องถามขึ้นอีกว่า > > > > 'นักเรียนคิดว่าคุณแม่ท่านนี้กล้าหาญมั้ยคะ' > > > > > > 'กล้าหาญมาก' > > เด็กๆพากันตอบเป็นเสียงเดียวกันพลางพยักหน้า > > > > > > หลายๆคนยังหน้าซีดเซียวเมื่อนึกภาพเหตุการณ์ไปตามที่ครูเล่า > > > > มิสมองหน้าลูกชายของคุณแม่แล้วบอกต่อว่า > > > > 'นักเรียนทราบมั้ยว่าคุณแม่ท่านนี้เป็นคุณแม่ของเพื่อนเราในห้องนี้เอง > > > > ไหนใครเป็นลูกของคุณแม่ท่านนี้ยืนขึ้นให้เพื่อนเห็นหน่อยสิ' > > > > > > เด็กนักเรียนคนนั้นยืนขึ้น > > ท่ามกลางเสียงปรบมือของเพื่อนทั้งห้อง > > > > > > 'วันนี้เมื่อคุณกลับไปบ้านมิสฝากเรียนคุณแม่ด้วยว่าพวกเราชื่นชม > > > > และยกย่องท่านมากจริงมั้ยพวกเรา' > > > > > > 'จริงครับๆ ใช่ครับๆ' > > เสียงเล็กๆตอบมาเป็นทางเดียวกัน > > > > > > 'มิสได้ทราบมาว่ามีหลายๆคนไปล้อเลียนเพื่อนไหน > > > > คนไหนบ้างคะที่เคยล้อคุณแม่เขา > > ถ้ามีเราเป็นลูกผู้ชายต้องกล้ารับค่ะ' > > > > > > มีนักเรียน 3-4 คนยืนขึ้น > > สีหน้าของแต่ละคนซีดเซียวอย่างสำนึกผิด > > > > > > มิสอุไรพรมองหน้าของเด็กกลุ่มนี้อย่างอ่อนโยนถามว่า > > > > 'ดีมากนักเรียน > > ตอนนี้คุณคงอยากพูดอะไรกับเพื่อนใช่มั้ยคะ' > > > > > > เด็กชายกลุ่มนั้นเดินเข้าไปโอบกอดคอแล้วกล่าวขอโทษเพื่อนด้วยความจริงใจ > > > > ครูสาวน้ำตาคลอ > > ยืนมองภาพนั้นด้วยความปลาบปลื้มยินดีหนักใจอยู่เหมือนกันว่า > > > > > > หากถามขึ้นมาแล้วไม่มีใครยอมรับว่าเคยล้อเพื่อน...จะทำอย่างไร? > > > > > > เธอไม่เคยผิดหวังในตัวนักเรียนอัสสัมชัญและจนถึงเวลานี้ก็ยังคงไม่ผิดหวัง > > > > ใครเล่า...จะเข้าใจความเจ็บช้ำขมขื่นในหัวใจเล็กๆของเด็กชายคนหนึ่ง > > > > ที่ถูกเพื่อนล้อเลียนประสาเด็กโดยไม่ทันคิด > > > > > > หากบัดนี้...ความรักของแม่และน้ำใจของเพื่อนได้สลายปมด้อยในใจ > > > > ของเด็กคนนี้ลงจนสิ้นแล้ว > > เหลือเพียงความรักและภาคภูมิใจในตัวคุณแม่เท่านั้น > > > > > > เมื่อหมดชั่วโมงเรียน > > มิสอุไรพรได้เรียกตัวลูกชายเข้าไปคุยอีกครั้ง > > > > 'วันนี้เรามีอะไรในใจที่คิดว่าควรพูดกับคุณแม่มั้ยคะ' > > > > > > เด็กคนนั้นนิ่งคิดไปชั่วครู่ก่อนจะตอบเสียงสั่นปนสะอื้นไห้ว่า > > > > > > 'ผม...ผมจะไปขอโทษคุณแม่แล้ว...แล้วบอกคุณแม่ว่าผมรักคุณแม่ที่สุดในโลกเลยครับ' > > > > > > > > > > รู้มั้ยน้ำนมหยดหนึ่งซึ่งไหลมาต้องใช้น้ำตาหยาดเหงื่อสักเท่าไหร่ > > > > บอกแม่เถอะนะ บอกทุกวัน > > ว่ารักท่านมากมาย > > กอดแม่เถอะนะ ให้คุ้นเคย > > กอดเลยไม่ต้องอาย > > ก่อนไม่มีแม่ให้กอด... > > > > ----------------------------------------------------------------------------- |