: เรามีครบ...แต่ทำไม...เหมือนขาด : Unidentified Girl November 08, 2007, 03:53:42 AM ที่มา : forward mail
(http://www.geocities.com/work4marmee/ATT00001.jpg) เคยได้ยินชื่อหนังสือ 'ไม่ครบ ๕" ครั้งแรกจากพี่จิก ประภาส ชลศรานนท์ ค่ะ ตั้งแต่นั้นก็ขวนขวายไปหาหนังสือ เล่มนี้มาอ่าน มันเต็มตื้น มีความสุข และหัวเราะเยาะตัวเองเป็นระยะ ๆ คนไทยเรา เมื่อไหร่ที่กำลังจะได้ ต้อนรับสมาชิกใหม่ในครอบครัว เรามัก ภาวนาขอให้เด็กที่เกิดมามีอวัยวะครบ ๓๒ แต่ในญี่ปุ่นมักน้อยกว่าเรามากค่ะ เค้าขอแค่เพียงเด็กที่เกิดมามีอวัยวะ ครบ ๕ ก็พอแล้ว คือ ๑ ห ัว ๒ แขน ๒ ขา หนังสือเรื่อง "ไม่ครบ ๕" เขียนโดยผู้ชายคนหนึ่ง ฮิโรทาดะ โอโต ทาเกะ ที่เกิดมาขาดไปตั้ง ๔ ไม่มี ๒ แขน ไม่มี ๒ ขา ใช้ชีวิตครึ่งท่อนอยู่บนรถเข็น แต่สีหน้าแววตาไม่มีรอย หม่น แห่งความน้อยเนื้อต่ำใจ ที่มีไม่เท่า คนอื่นแม้แต่น้อย ยิ้มใส ๆ ที่ยิ้มได้ทั้ง ใบหน้าและสายตาภายใต้แว่นกลม ๆ ขาว ๆ ตี๋ ๆ คนที่มีแค่หัวกับลำตัว เขาใช้ชีวิตได้อย่างไร ต้องลองไปอ่านดู ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศชาตินิยม และเป็นสังคมอันหนึ่งอันเดียวกันเหลือเกิน จนบางทียากที่จะยอมรับความแตกต่าง แปลกดีค่ะ คนญี่ปุ่นมีปัญหาในการอยู่ร่วมกับคนพิการ ไม่ใช่ใจร้ายนะคะ แต่ ไม่รู้ว่าจะปฏิบัติตัวต่อคนพิการอย่างไร ไม่คุ้น ไม่ชิน โอโตทาเกะถ่ายทอดชีวิตของตัวเองในหนังสือ เพื่อที่จะบอกว่า "ความพิการคือความไม่สะดวก แต่ไม่ใช่ความไม่สบาย" การดูแลเขาไม่จำเป็น ต้องสงสาร หรือประคองเสียจนทำให้ เขารู้สึกด้อยค่า แค่อำนวยความสะดวกบางอย่างที่เขาขาดก็เพียงพอแล้ว โชคดีเหลือเกินที่เขาเกิดมาในครอบครัวที่เข้าใจ แม่ส่งเรียนในโรงเรียนของเด็กปกติ ให้เขาได้รู้จักการใช้ ชีวิตเหมือนเด็กธรรมดาคนหนึ่งทั่วไป จนวันนี้ คนที่มีร่างกายไม่ครบ ๕ อย่างเขาสามารถฝึกฝนและเพียรพยายามจนเล่นบาสเกตบอลและเบสบอลได้ พอเรียนจบ ก็มาทำงานเป็นผู้สื่อข่าวกีฬา เมื่อไม่นานนี้ มีข่าวของเขาลงใน หนังสือพิมพ์อีกครั้ง ล่าสุด เขาลาออกแล้ว เพื่อมาประกอบอาชีพที่เขาภาคภูมิใจมากที่สุดตอนนี้...คือการเป็นคุณครูค่ะ สอนวิชาศีลธรรมให้กับเด็ก ป.๑ - ป.๖ ที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว เพื่อสอนให้เด็กเรียนรู้ถึงความแตกต่างในสังคม นอกจากตำราเรียนแล้ว สื่อการสอนที่ดีที่สุดอีกชิ้นหนึ่งของเขาก็คือ ประสบการณ์ชีวิตจริงที่เด็ก ๆ ได้เรียนรู้โดยมองจากชีวิตของ คุณครูโอโตทาเกะคนนี้นี่เอง (อ่านออก เสียงแบบ 'ทีวีแชมเปี้ยน' จะได้อารมณ์มาก) คุณครูให้สัมภาษณ์ว่า ความฝันสูงสุดอีกอย่างของเขาคือ อยากให้คนในโลกอยู่กันอย่างสันติ... "หากศักยภาพและตัวตนของผม ทำให้เข้าใกล้ความหวังแม้เพียงก้าวเดียว ผมก็พอใจและรู้ซึ้งถึงความหมายของการได้เกิดมาบนโลกนี้แล้ว" นั่นสิคะ ทำไมบางทีที่เรารู้สึกแย่ เราชอบถามตัวเองว่า ทำไมเรื่องนี้ต้อง เกิดขึ้นกับเรา ? ทำไมโลก ไม่ยุติธรรมกับเรา ? ในขณะที่โลกสร้างอาวุธครบมือมาให้ สร้างลมหายใจไว้เป็นเสบียง แล้วปล่อยเราลงมาต่อสู้ ในขณะที่บางคน โลกให้แต่ลมหายใจ แต่เขายังพยายามหาคุณค่าและประโยชน์ของตัวเอง ที่จะให้กับโลกใบนี้ ทำไมเราถึงได้คิดต่างกันขนาดนี้ อ่านแล้วบางทีถึงอยากหัวเราะเยาะตัวเองไงคะ ๒ แขน ๒ ขาไม่มี สิ่งที่ยากที่สุดของเขาคือเดิน หรือกอด ใครสักคน ซึ่งเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับ เรา แต่ทำไมชีวิตที่มีอวัยวะเกิน ๕ อย่างเราถึงยิ้มได้ไม่เท่าเขา ทุกข์โศกเสียใจ ท้อใจกับบางเรื่องมากจนเกิน จำเป็น ทั้ง ๆ ที่เรามีในสิ่งที่คนอื่นขาด ตั้งมากมาย หายใจลึก ๆ ค่ะ เวลาเจอปัญหา ถ้าหายใจเข้าแล้วยังหายใจออกได้ นั่น แสดงว่าทุกอย่างยังเป็นเรื่องเล็กอยู่ เพราะลมหายใจยังเป็นของเรา เมื่อไรก็ตามที่เราเจอเรื่องหนักมาก ๆ แล้วยัง สามารถใช้นิ้วมือกดโทรศัพท์ไปเล่าให้ ใคร ๆ หรือแม้แต่ดีเจฟังได้ว่า ฉันแย่ แล้ว เศร้าเหลือเกินละก็ แปลว่าเรายัง โชคดีกว่าคนอื่นอีกมาก ชีวิตไม่ครบ ๕ อย่างคุณครูโอโตทาเกะ ๒ แขน ๒ ขาที่คุณครูไม่มี ทดแทนไม่ได้กับหัวใจที่ อาจมีมากกว่า คนอื่น ๆ ชีวิตครึ่งท่อนบนรถเข็น คือ กำลังใจของคนทั่วโลกที่มีโอกาสได้เรียน รู้ชีวิตของคุณครู และแอบอิจฉารอยยิ้ม หลังแว่นตานั้นอยู่... ถ้าชีวิตนี้มีโอกาสยิ้มได้มากเท่า ที่ครูยิ้ม...ก็ดีใจมากแล้ว : Re: เรามีครบ...แต่ทำไม...เหมือนขาด : เหม่งจ๋าย : ) November 08, 2007, 06:53:38 PM สุดยอด..
ขอบคุณพี่พิมค่ะ ;D : Re: เรามีครบ...แต่ทำไม...เหมือนขาด : อุซางิจัง..CUD44 November 08, 2007, 10:52:26 PM โอ้วช่างน่าประทับใจขอบคุณพี่พิมนะคะ
: Re: เรามีครบ...แต่ทำไม...เหมือนขาด : Unidentified Girl November 08, 2007, 10:54:51 PM เพื่อนส่งมาน่ะ
อ่านแล้วก้อรู้สึกดี (แต่พอเป็นเรื่องตัวเองก้อคิดไม่ได้ซะที) |