: March 10, 2009, 08:36:13 PM
: คุณผู้หญิงแห่งแสงสูรย์
|
^^"
ดีใจแทนครูสวยกะพี่พิ้วบ้างอะไรบ้างนะเจ้าค่ะ
^0^
ศิษย์ครูสวย เก่ง + ดี + สวย ทุกคนเจ้าค่ะ
หุหุ อ่ะถูก เน้นบ้างอะไรบ้างนะเจ้าค่ะครูสวย 55+ ว่าแต่ พี่พิ้วจะสอนร้องเพลงให้หนูได้เปล่า แต่เพลงที่หนุจะร้อง เป้นลุกทุ่งเจ้าค่ะ 55+ เพลง เปิดใจสาวแตอ่ะเจ้าค่ะ 55+ ~~ตั๋วน้องเป็นสาว รุ่นราวเอ๊าะๆๆ หุ่นฮ่างก็เหมาะบ่าวมาเก๊าะมาต๋อม!!!!~
|
: March 10, 2009, 08:01:28 PM
: Dereana
|
 2009-1996+12 = 25 อ่า เรียกครูดูแก่ไปนิด ไก่ขอเรียกพี่นะคะ^^"
สวัสดีค่ะ ^^" ยินดีด้วยนะคะที่ได้เจอคุณครูแล้ว ^^"
ไก่เชื่อว่าพี่พิ้วต้องเป็นครูที่ดีได้แน่ๆเลยค่ะ ^^"[/color]
|
: March 10, 2009, 06:49:26 PM
: KANJI KANJI
|
ดีใจด้วยนะครับ คุณครูสมศรี
ไม่นึกไม่ฝันว่า แบบนี้จะมีด้วย
เป็นเพราะพรหมลิขิต และความดี
ที่คุณครูคอยช่วยเหลือเด็กๆทุกคน
ศิษย์ของครูสมศรี โชคดีทุกคนเลย ที่มีครู
เก่ง จิตใจดี และยังสวยอีกด้วย
|
: March 10, 2009, 12:20:02 PM
: อ้อยจ้า..
|
55+
ชอบๆ
ถือว่าถูกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
|
: March 10, 2009, 11:59:07 AM
: คุณครูสมศรีสุดสวยจร้า!!
|
^^"
ดีใจแทนครูสวยกะพี่พิ้วบ้างอะไรบ้างนะเจ้าค่ะ
^0^
ศิษย์ครูสวย เก่ง + ดี + สวย ทุกคนเจ้าค่ะ
หุหุ อ่ะถูก
|
: March 09, 2009, 09:18:04 PM
: คุณผู้หญิงแห่งแสงสูรย์
|
^^"
ดีใจแทนครูสวยกะพี่พิ้วบ้างอะไรบ้างนะเจ้าค่ะ
^0^
ศิษย์ครูสวย เก่ง + ดี + สวย ทุกคนเจ้าค่ะ
หุหุ
|
: March 09, 2009, 08:03:09 PM
: BOS
|
ซึ้งครับ
ครูพิ้วน่ารักมากครับมาตอบปัญหาภาษาอังกฤษให้น้องๆเสมอ
|
: March 07, 2009, 05:58:43 PM
: ครูปอนด์
|
ดันครับ
|
: March 07, 2009, 01:53:18 PM
: coffeeprince
|
ขอบคุณค่ะ หนูก็ได้อ่านที่ครูพิ้วตอบคำถามค่ะละเอียดและเข้าใจง่ายดีค่ะ จะตามอ่านไปเรื่อยๆนะคะครูพิ้ว
|
: March 07, 2009, 01:28:32 PM
: ครูปอนด์
|
ขอบคุณอีกแรงครับ
|
: March 07, 2009, 01:10:36 PM
: Doctor Doggy
|
ขอบคุณนะคะที่ครูพิ้วเข้ามาช่วยตอบเสมอ
โชคดีของเด็กๆนะคะ
ขอบคุณแทนเด็กๆนะคะ
|
: February 21, 2009, 09:33:55 AM
: P'ธีร์
|
แต่เราก็หากันจนเจอ มันนานแค่ไหนที่รอเธอมา อิอิ ถ้าใช่คุณครูสมศรีจริง ๆ ก็ยินดีด้วยนะครับ และขอต้อนรับสมาชิกใหม่คนเก่าด้วย
พี่ธีร์
|
: February 21, 2009, 03:53:13 AM
: violettals
|
ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ
ขอโทษนะคะที่พิมพ์ซะยาว
กลัวคนอ่านจะตาลายซะก่อน
|
: February 21, 2009, 03:16:28 AM
: Unidentified Girl
|
ขอบคุณค่ะครูพิ้วที่เล่าเรื่องพร้อมข้อคิดมากมายให้ได้อ่าน
ขออนุญาตบอกว่า ดีใจ ที่ได้อ่านเรื่องราวของศิษย์คุณครูสมศรีหรือคนที่มีโอกาสสัมผัสคุณครู
ครูพิ้วทำใ้ห้รู้สึกเหมือนการพบมิตรเก่า แม้ไม่เคยเห็นหน้า แต่สุขใจที่ได้รับฟังเรื่องราว
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
|
: February 21, 2009, 01:36:15 AM
: violettals
|
ขอบคุณมี้ศรีมากๆๆๆๆนะคะ ทั้งๆที่มี้พาเด็กไปอังกฤษไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ละครั้งเด็กๆก็มีหลายสิบคน แต่มี้ศรียังจำลูกพิ้วคนนี้ได้ ไม่ใช่จำได้แค่ชื่อนะคะ แต่ยังจำรายละเอียดอื่นๆได้อีก เช่นเคยเรียนที่ไหน ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร มี้ศรีจำได้หมด ตอนนี้หนูทำงานเป็นครู หนูจะดูมี้ศรีเป็นตัวอย่างค่ะ จะเป็นครูที่ดีแบบมี้ศรีค่ะ
เอาล่ะ มาตอบโจทย์ที่มี้ศรีตั้งไว้ดีกว่า
พี่พิ้วเรียนมาด้านไหน
พี่จบทางด้านร้องเพลงคลาสสิกค่ะ แปลกใจล่ะสิ แต่มันก็น่าแปลกเพราะว่าคนที่ไปต่างประเทศแล้วไปเรียนด้านนี้มีน้อยมากค่ะ เป็นงัยมางัยต้องเล่าตั้งแต่ต้นนะคะ พี่เป็นคนชอบดนตรีตั้งแต่เด็กแล้ว ตอนแรกๆก็เรียนโรงเรียนรัฐบาลแถวๆบ้าน แต่พอประมาณ ป.3 คุณแม่ของพี่เห็นว่าพี่ชอบร้องเพลง ชอบเล่นเปียโน ชอบเต้นบัลเลต์ แต่ก็สังเกตุว่าการบ้านเยอะ ไม่มีเวลาไปเรียนสิ่งที่อยากเรียนเลย คุณแม่ก็เลยให้พี่ออกจากโรงเรียนแล้วไปเข้าโรงเรียนนานาชาติ สมัยนั้นโรงเรียนนานาชาติมีคนไทยน้อยมาก แล้วโรงเรียนเก่าก็ไม่มีวิชาภาษาอังกฤษเลย พี่ไม่เคยเรียนภาษาอังกฤษ แล้วอยู่ดีๆต้องเข้าไปอยู่ท่ามกลางฝรั่งมากมาย วันแรกๆกลับบ้านก็ร้องไห้เพราะฟังเค้าไม่รู้เรื่อง ถ้าคุณแม่ใจอ่อนยอมเอาพี่ออกมาเข้าโรงเรียนเดิมตั้งแต่ตอนนั้น พี่ก็คงไม่เป็นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แต่คุณแม่ไม่ใจอ่อน คุณแม่บอกว่า เอาไว้ถ้าหนูทะเลาะกับเพื่อนๆฝรั่งที่โรงเรียนได้เมื่อไหร่ แม่จะยอมให้หนูออก พี่ก็เรียนต่อไป สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ภาษาอังกฤษของพี่ดีขึ้นอย่างรวดเร็วก็เพราะว่า พี่ใช้ความชอบของพี่เป็นตัวช่วย เช่นพี่ชอบร้องเพลง เวลาโรงเรียนมีคอนเสิร์ตพี่ก็จะขอขึ้นไปร้อง และต้องร้องเพลงภาษาอังกฤษ ทำให้ได้ภาษาไปในตัว พี่ชอบเล่นละคร พอมีละครโรงเรียนพี่ก็ไปออดิชั่น ได้บทเล็กบทน้อยอะไรก็เล่นหมด การเล่นละคร นอกจากจะบังคับให้เราต้องอ่านบทและพูดภาษาอังกฤษแล้ว เรายังต้องตีความบทนั้นให้รู้เรื่องอีกด้วย
พอเรียนนานาชาติมาได้สองสามปี พี่อายุ 13 คุณแม่นักคิดไกลของพี่ก็เริ่มวางแผนอีกแล้ว เห็นลูกชอบร้องเพลง ชอบดนตรี ชอบเล่นละคร คุณแม่ก็เสนอว่าที่อังกฤษมันมีโรงเรียนเฉพาะทางนะลูก ถ้าลูกชอบทางนี้ก็ลองสมัครดู จะได้เรียนเน้นทางนี้ไปเลย แต่ติดที่ว่าโรงเรียนนี้เข้ายากมากถึงมากที่สุด ไม่ใช่เฉพาะเราที่อยากเรียน เด็กที่เก่งดนตรีจากทั่วโลกก็อยากเข้าโรงเรียนนี้กันทั้งนั้น ตั้งแต่โรงเรียนนี้ก็ตั้งมา 150 กว่าปี ในประวัติเคยมีเด็กไทยเข้าไปเรียนแค่สองคนเท่านั้น ก็คือ คุณพลอยไพลิน เจนเซ่น และ พี่เป้ ทวีเวท ศรีนรงค์ พี่ชายคนโตแห่งวง VieTrio
ด้วยอายุ 13 พี่ก็ลองสมัครดู ด้วยการอัดเทปส่งเสียงร้องเพลงและเล่นเปียโนไป ผลออกมาว่า......ไม่ผ่านค่ะ พี่ก็แปลกใจมาก เพราะว่าครูที่โรงเรียนก็บอกว่าเราร้องเพลงดีมากๆ เป็นเด็กที่เล่นดนตรีเก่งที่สุดในโรงเรียน ตอนนั้นถึงแม้ว่าจะผิดหวัง แต่คุณแม่ก็ปลอบใจว่า ไม่ผ่านครั้งนี้ก็ยังมีคราวหน้า ลองใหม่ก็ได้ ข้อสำคัญ เราอย่าท้อแท้ ถ้าพี่ยอมให้การสอบไม่ผ่านครั้งนั้นมาทำให้พี่หยุดเล่นดนตรีไปเลย ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าพี่จะไปอยู่ที่ไหน ส่วนแม่พี่ก็เป็นคนที่ถ้าคิดจะทำแล้วต้องทำให้ได้ คิดแล้วว่าจะต้องให้พี่ไปเรียนที่อังกฤษให้ได้ ท่านก็ส่งไปจนได้ โรงเรียนที่อยากเข้าสอบไม่ผ่าน ไม่เป็นไร ไปโรงเรียนอื่นละกัน อย่างน้อยก็อยู่อังกฤษล่ะ พี่ก็ไป แล้วก็ไปเจอกับโรงเรียนประจำที่ต้องช่วยตัวเองตลอด ตอนไปใหม่ๆพี่ใช้เครื่องล้างจาน เครื่องดูดฝุ่น เครื่องซักผ้าไม่เป็น เพราะอยู่เมืองไทยมีคนใช้ทำให้ พอใช้ไม่เป็นก็ไปถามเพื่อน เพื่อนๆฝรั่งแปลกใจมากแถมหัวเราะเยาะอีกต่างหาก เพราะมันเป็นสิ่งที่เค้าทำกันมาตั้งแต่เด็ก หลังจากนั้นพี่ก็ค่อยๆหัดไป อะไรที่ไม่เคยทำเองก็ต้องมาทำหมด มาอยู่โรงเรียนนี้เราก็ได้เห็นอะไรกว้างขึ้นอีกเยอะ เช่นตอนอยู่เมืองไทยเราเข้าใจว่าเราร้องเพลงเก่งที่สุดในโรงเรียนแล้ว แต่พอมาถึงก็เห็นว่าเด็กเก่งดนตรีคลาสสิกที่นี่มีเยอะมาก ที่เห็นว่าเราเก่งในเมืองไทยมันก็เพราะคนเรียนดนตรีคลาสสิกมีน้อยเท่านั้นเอง ไม่เหมือนที่อังกฤษ ซึ่งเด็กจะเล่นดนตรีเป็นอย่างน้อยคนละ 1 อย่าง
อยู่โรงเรียนนี้มาปีหนึ่ง คุณแม่ก็เขียนจดหมายมาบอกว่า โรงเรียนที่สอบไม่ผ่านคราวที่แล้วเปิดรับสมัครของปีนี้แล้วนะ จะลองอีกมั๊ย พี่ก็ตอบตกลง ลองไปก็ไม่เสียหาย คิดว่าดีซะอีก คราวนี้เรามีโอกาสมากกว่าคนอื่น เพราะเราเคยไม่ผ่านมาแล้ว พอจะรู้ว่าคราวที่แล้วผิดพลาดไปตรงไหนบ้าง พี่ก็ไปออดิชั่น คราวนี้ไม่อัดเทปส่งแล้ว แต่เป็นออดิชั่นสด เตรียมเพลงไปร้องสามเพลง เล่นเปียโนหนึ่งเพลง และเล่นไวโอลินอีกหนึ่งเพลง อาจจะเป็นเพราะคราวนี้เราไม่เครียด ไม่ได้ตั้งความหวังเอาไว้สูงแบบคราวก่อน เข้าไปแบบสบายใจมาก วันรุ่งขึ้นหลังจากออดิชั่น คนจากโรงเรียนก็โทรมาแจ้งผลว่า ผ่าน ไม่ได้ผ่านเฉยๆแต่ว่าให้ข้ามชั้นอีกต่างหาก คือโรงเรียนเดิมเรียนอยู่ year 10 แต่โรงเรียนที่ไปออดิชั่นนี้จะให้พี่เข้าไปเรียน year 12 เลย ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นกับคนที่เคยสอบไม่ผ่านมาก่อน
ข้ามชั้นมาแล้วก็ไม่ใช่ว่ามันจะสบาย เพราะนอกจากดนตรีแล้วพี่ก็เลือกเรียนวิชา English Literature ซึ่งยากมาแม้แต่สำหรับคนอังกฤษ เราก็คิดว่าคงไม่หนัก ภาษาที่ใช้เรียนก็น่าจะเป็นเหมือนยุคเชคสเปียร์ที่เราเคยเล่นละครมาอะไรประมาณนั้น ที่ไหนได้ เข้าไปวันแรก ครูยื่นหนังสือมา ชื่อเรื่อง The Merchant's tale พี่ก็คิดในใจว่า อืม ท่าทางจะสนุก เรียนอ่านนิทานแฮะ เปิดหน้าแรกมาก็เจอประโยค
Wepyng and waylyng, care and oother sorwe I knowe ynogh, on even and a-morwe
นี่ภาษาอะไรเนี่ย ในประโยคนึงเข้าใจแค่สองคำเอง ครูก็เฉลยว่า นี่เป็นภาษาอังกฤษยุค middle age แล้วทั้งเล่มก็เขียนด้วยภาษานี้ เราจะเรียนให้รู้คำแปลทุกคำก่อน แล้วก็ค่อยมาตีความโดยรวม ขึ้นเรือมาแล้ว จะลงก็ไม่ได้ พี่ก็เลยเรียนไป คนอื่นเค้ามีพื้นมาแล้วเพราะเคยเรียนคล้ายกันมาจาก year 11 แต่พี่ไม่ได้เรียนเพราะข้ามชั้นมา แต่จะเอาตรงนั้นมาเป็นข้อแก้ตัวไม่ได้ มีวิธีเดียวก็คือ ศึกษาให้มากกว่าคนอื่น
หลังจากจบโรงเรียน พี่ก็ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Goldsmiths College ซึ่งจะเด่นทางด้านศิลปะทุกแขนง รวมถึง ดนตรีและการละครด้วย ตอนที่จะเข้าก็มีญาติๆหรือเพื่อนๆของครอบครัวมาพูดกับคุณแม่ว่า มาเมืองนอกทำไมไม่เรียนหมอ เรียนบริหาร เรียนบัญชีแบบคนอื่นเค้า จะได้มีงานดีๆทำ เรียนดนตรีแล้วจะไปทำงานอะไรได้ แต่คุณแม่นักคิดนอกกรอบของพี่ก็บอกว่า เรียนอะไรก็เหมือนกันแหละ ขอให้ลูกชอบ ถ้าทุกคนคิดอย่างญาติๆแม่หมด โลกนี้ก็คงไม่มีนักดนตรี ในที่สุดพี่ก็ได้เข้ามหาวิทยาลัย โดยเอกทางด้านร้องเพลงและการแสดง
หลายคนอ่านมาถึงตอนนี้คงคิดว่าทำไมพี่พูดถึงแต่คุณแม่ ไม่พูดถึงคุณพ่อ นั่นก็เพราะคุณพ่อคุณแม่ของท่ายหย่ากันตั้งแต่พี่อายุ 10 ขวบค่ะ จำได้ว่าคุณแม่มาบ่นให้ฟังว่าคุณพ่อไปเจอผู้หญิงคนอื่น พี่ก็เคยไปถามคุณพ่อ คุณพ่อก็ตอบว่าโดนคุณแม่ใส่ความ แต่ในที่สุดความจริงก็ออกมา หลังจากหย่าไม่กี่ปี คุณพ่อก็แต่งงานใหม่กับผู้หญิงที่คุณแม่สงสัย ตอนนั้นพี่ก็โกรธคุณพ่อ ว่าทำไมไม่บอกความจริงกับพี่ แต่ก็คิดได้ว่าท่านคงมีเหตุผลของท่าน คุณแม่ก็เคยมาพูดให้ฟังอยู่เสมอว่าคุณพ่อไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พี่รู้ดีว่าเราเป็นลูก ไม่ควรจะโกรธท่าน คุณแม่อาจจะโมโหจนลืมคิดไปว่าการที่ท่านทำอย่างนี้อาจจะทำให้ลูกไม่ชอบพ่อก็ได้ พี่เคยได้ยินมาบ่อยๆว่าเด็กที่ทำความเดือดร้อนให้สังคม เมาเหล้า ติดยา มักจะมาจากบ้านที่ครอบครัวมีปัญหา แต่พี่มานั่งคิดว่า ในเมื่อเหตุการรอบตัวเรามันแย่อยู่แล้ว ทำไมเราจะต้องใช้เหล้า ใช้ยาเสพติดมาทำให้ชีวิตเราแย่ลงไปอีกล่ะ เราควรจะทำให้มันดีขึ้นไม่ใช่หรอ เอาเวลามาวางแผนอนาคตตัวเองดีกว่า
พี่อยากจะแนะนำน้องๆว่า ถ้าใครคิดอยากจะไปเรียนเมืองนอก สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้ก็คือ เราเป็นคนไทย ภาษาไทยเราต้องพูดให้ชัด ต้องไม่ลืม น้องๆรู้มั๊ยคะ สมองคนเราโดยทั่วไปสามารถรับรู้ภาษาได้ถึง 5 ภาษา (ถ้าเป็นอัจฉริยะก็ 8 หรือมากกว่านั้น) เพราะฉะนั้นการที่เราจะใช้ภาษาอังกฤษและไทยได้ดีไปพร้อมๆกันเนี่ย มันไม่ใช่เรื่องยากเลย
ตอนนี้พี่ทำงานเป็นครูสอนร้องเพลงที่โรงเรียน Shrewsbury International School น้องๆบางคนอาจจะเคยได้ยินชื่อโรงเรียน ตอนที่พี่เป็นนักเรียน พี่เคยคิดว่าเป็นครูคงไม่ยากหรอก แค่สั่งงานนักเรียนเท่านั้นเอง แต่พอมาสอนดูแล้วมันไม่ใช่เลย นอกจากจะสอนวิชาความรู้แล้วมันยังมีอย่างอื่นอีก อย่างนักเรียนคนไหนมีปัญหาอะไรที่บ้าน ถ้าเค้ามาปรึกษา เราก็ต้องช่วยหาทางออก วิธีนี้ใช้ได้กับคนนึง อีกคนอาจจะใช้ไม่ได้ เราก็ต้องหาวิธีมาอธิบายในมุมมองที่ต่างออกไป ต้องพยายามเข้าใจความรู้สึกของเด็กทุกคน ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากมาก พี่สอนอาทิตย์นึงเด็กไม่กี่คนยังเหนื่อยเลย
แต่มี้ศรีสิคะ มี้ศรีสอนนักเรียนไม่รู้กี่ร้อยคน แต่มี้ศรีก็ยังเข้าใจเด็กทุกคนได้ พี่ไม่รู้ว่าอนาคตพี่จะเป็นครูต่อไปหรือว่าไปทำอาชีพอื่น แต่ที่พี่รู้แน่ๆคือ ถ้าพี่เป็นครูต่อไป พี่จะพยายามเป็นครูที่ดีแบบมี้ศรีค่ะ ให้ได้สักครึ่งของมี้ศรีก็ยังดีเนอะ
|