***เราขอระบายด้วยได้มั้ย
เราก็มีกรณีคล้ายๆ เธอ
แต่จะเป็นพ่อเรา ที่ชอบว่าแม่เรา
สมัยก่อนตอนเราอยู่ประถม
ประมาณ ป.4 -ป.5
พ่อแม่เราทะเลาะกันบ่อยมาก
ตอนนั้นเรากับน้องอยู่กับยาย ส่วนพ่อกับแม่ทำงานอยู่ที่ต่างอำเภอ
พ่อจะมารับเรากับน้องไปหาท่านทุกอาทิตย์
ช่วงแรกๆ เราก็ไม่รู้ว่าพ่อแม่ทะเลาะกัน รู้แต่ว่าพ่อชอบดื่มเหล้า
พอปิดเทอมเราก็จะมาอยู่กับพ่อแม่ ส่วนน้องก็อยู่กับยาย
หรือสลับกัน หรือไม่บางทีก็มาทั้ง 2 คน
เราถึงได้รู้ว่าพ่อแม่เราทะเลาะกัน
เวลาพ่อเมาทีไร ก็จะหาเรื่องทะเลาะกับแม่ได้ทุกที
ทะเลาะกันรุนแรงมาก บางครั้งถึงขั้นลงไม้ลงมือ
จนแม่เราต้องพาเราหนีไปที่บ้านญาติแถวนั้น
ตอนนั้นเรากลัวพ่อมากๆ เนื่องจากตอนนั้นก็ยังเด็กมาก
เราไม่เข้าใจว่าทำไมเวลาพ่อเมาต้องเป็นแบบนี้
ช่วงนั้นเราได้เจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยมาก
ทั้งกลัวพ่อ ทั้งอายชาวบ้าน เพราะทะเลาะกันทีไรเสียงดัง
จนชาวบ้านเค้ารู้กันหมด เนื่องจากพ่อแม่เราก็ทำอาชีพที่ชาวบ้านให้การเคารพนับถือ เพราะเป็นหมู่บ้านที่อยู่ต่างจังหวัด
คนในหมู่บ้านก็รู้จักกันหมด
จนสุดท้ายพ่อแม่เราก็ต้องแยกกันอยู่ ทั้งที่ทำงานอยู่หมู่บ้านเดียวกัน แต่คนละอาชีพ
ส่วนเรากับน้องก็อยู่กับยาย แม่จะกลับมาหาพวกเราบ่อยมาก หรือแทบทุกวันเลยก็ว่าได้
เวลาพ่อโทรมา เราก็ไม่กล้าคุยกับพ่อ รู้แค่ว่าตอนนั้นเรากลัว
ภาพทุกภาพมันฝังใจเรา จนถึงตอนนี้บางทียังแวบเข้ามาในสมอง เราลืมมันไม่ลงจริงๆ
เรารู้ว่าทั้งพ่อและแม่ต่างก็รักเรากับน้อง ยังไงพ่อก็ยังเป็นพ่อของเรา
แต่ตอนนั้นมันรับไม่ได้จริงๆ คงเพราะยังเด็กอยู่ด้วยหละมั้ง
เคยมีญาติเรา พาพ่อไปเลิกเหล้าที่วัดๆ หนึ่ง
พ่อเราก็เลิกได้นะ ประกอบกับพ่อเรามีปัญหาเรื่องตา ช่วงนั้นพ่อต้องไปผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนกระจกตาด้วย แม่เราเลยต้องไปดูแล
ทำให้ช่วงนั้นสถานการณ์มันดีขึ้นมาหน่อย และพ่อเราก็มาขอโทษแม่เราด้วยไง
พอพ่อเราออกจากโรงพยาบาล ก็ต้องมาดูแลรักษาตาและตัวเองอยู่ที่บ้าน (ตอนนั้นพ่อกับแม่เราย้ายมาอยู่ที่บ้านยายด้วยกันแล้ว)
ช่วงนั้นพ่อเราไม่กินเหล้าหรือสูบบุหรี่เลย แต่พอตาเริ่มใช้การได้ปกติ ไม่รู้ทำไมพ่อเราถึงกลับมากินเหล้าอีก และก็เป็นแบบเดิมคือทะเลาะกัน จนเราทนไม่ไหวบางทีเราก็เถียงแทนแม่
เลยกลายเป็นว่าเรากับพ่อเถียงกันเอง อาจจะเป็นเพราะช่วงนั้นเริ่มเข้าวัยรุ่นด้วยมั้ง คือตอนนั้นเราขึ้นมัธยมแล้ว สุดท้ายเราก็ต้องเป็นฝ่ายยอม ร้องไห้กอดกับแม่กับน้อง ครั้งนึงที่พ่อเมาแล้วว่าเราแรงมากจนเราน้อยใจ บอกเราว่าจบ ม.3 แล้วไม่ต้องเรียนต่อหรอก ไปทำงานโรงงานเลยไป หรือไม่ก็ขี่รถมอไซค์เล่นไปวันๆ แบบเด็กคนอื่น ทั้งที่เราไม่เคยทำตัวแบบนั้นเลย การเรียนเราก็ค่อนข้างจะดีด้วยซ้ำ ทำไมต้องว่าเราอย่างนี้ ที่เราต้องใจเรียนก็ทำเพื่อพ่อแม่ไม่ใช่เหรอ เราน้อยใจมาก จนวันต่อมาเรารู้สึกไม่อยากออกมาเจอพ่อเลย แต่สุดท้ายพ่อก็มาขอโทษเรา เหตุการณ์ในครอบครัวเรามันมีเยอะมากๆ เลย ทั้งเรื่องใหญ่เรื่องเล็ก แต่ปัจจุบันนี้หลายอย่างเริ่มดีขึ้นพ่อเราก็ยังกินเลห้าอยู่แต่ไม่ได้มากมายเหมือนแต่ก่อน ส่วนบุหรี่ก็เลิกได้แล้ว เวลาพ่อเราไม่เมา จะเป็นอะไรที่ดีมากๆ เลย พ่อเราทำกับข้าวเก่ง ชอบดูซีรี่ย์เกาหลีกับเราและน้อง หรือไม่ก็ร้องคาราโอเกะกัน ตอนที่พอ่ไม่เมาครอบครัวเราจะมีความสุขมากๆ
แต่ตอนนี้ปัญหามันเริ่มเกิดขึ้นอีก เพราะเราอยู่ ม.6 แล้ว จริงๆ เราอยากเรียนวิศวะ แต่พ่ออยากให้เรียนสายวิทย์สุขภาพ ตอนแรกเราก็ไม่ยอม แต่สุดท้ายก็ต้องยอมทิ้งความฝันไป พอเราสอบตรงได้คณะวิทย์สุขภาพ แต่ไม่ถึงขั้นหมอหรือเภสัชหรอก แรกๆ ก็ดูเหมือนพ่อแม่จะดีใจ แต่ไปๆ มาๆ อยากให้เราได้อันที่สูงกว่านี้ ก็เลยให้เราไปสอบทั้งแพทย์ ทั้งเภสัช ซึ่งแน่นอน เราไม่ติด ท่านก็ไม่ได้ว่าออกมาตรงๆ หรอก แต่พอพ่อเมาปุ๊บก็จะพูดเรื่องนี้ปั๊บ มันทำให้เราน้อยใจมากเลยนะ ทั้งที่เราก็พยายามเต็มที่แล้ว นี่เราได้ที่เรียนก็ดีแล้วหนิ เป็นวิทย์สุขภาพด้วย เรายอมทิ้งความฝันของเราเลยนะ ทำไมต้องมาว่าเราอีก คณะที่เราได้มันไม่ดีมากเลยเหรอ ทั้งที่ก็มีอีกหลายคนที่อยากเข้ามาเรียน แล้วเราก็ได้เป็นหนึ่งในคนที่ได้เรียน ช่วงนั้นเราเหนื่อยกับเรื่องนี้จริงๆ แม่เราก็พลอยกดดันเราไปด้วย ความกดดันนี้มันเลยไปถึงน้องเราเพราะน้องกำลังจะขึ้น ม.ปลาย แต่หลังๆ มานี้แม่เราก็เข้าใจเราแล้วเหลือแต่พ่อเรา พ่อไม่เคยว่าเราตรงๆ หรอก แต่จะพูดผ่านแม่ แล้วแม่ก็ค่อยมาเล่าให้เราฟัง ทำให้ช่วงนั้นเราเลยกลายเป็นเหมือนโรคซึมเศร้าเลย ยิ่งปิดเทอมไม่ได้เจอเพื่อน น้องก็ไม่อยู่อีก ตอนนั้นเรารู้สึกเหมือนอยากจะบ้าตาย และมันก็มีการสอบอีก แต่สอบหลังจากที่สอบเอเน็ตแล้ว
ครั้งนี้พ่อเราหวังมากๆ แต่คนสอบก็เยอะมากๆ เช่นกัน ตัวเรานี่ไม่ได้อยากหวังมากมายอะไรอยู่แล้ว หวังมากก็เจ็บมาก แต่พ่อเรานี่สิ เราพยามยามบอกพ่อแล้วว่าโอกาสได้มันน้อย พ่ออย่าเพิ่งหวังมากเลย แต่พ่อก็ยังหวังว่าเราจะได้อยู่นั่นแหละ
เราก็เลยบอกพ่อว่าเราทำเต็มที่แล้ว จะได้ไม่ได้ก็ให้มันอยู่ที่ความสามรถของเราที่เทียบกับคนอื่นๆ แล้วกัน
เรื่องการแต่ตัวก็เหมือนกัน แม่เราไม่เคยห้ามเลยนะ และเราก็ไม่ได้แต่งตัวโป๊ หรือใช้เงินซื้อเสื้อผ้าฟุ่มเฟือยเลย เรารู้สึกเหมือนว่า พ่ออยากให้เราเป็นเด็กอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่ตอนนี้เราก็จบ ม.6 แล้ว ถ้าเกิดวันไหนเราแต่งตัวตามสไสตล์เรา คือเราชอบแบบเซอร์ๆ ฮ่าวๆ พ่อก็จะพูดแบบว่า เออ ลูกกูนี่โตแล้วเนาะ แต่งตัวยังกะคนอายุ 20 กว่า (เราไปทำผมแบบฟูๆ มา แล้วแม่ก็เป็นคนพาไปทำด้วย) แล้วรู้สึกว่าช่วงนี้เหมือนพ่อจะคอยจับผิดเราทุกอย่าง ทั้งที่เราก็ไม่ได้เปลี่ยนไปอะไรมากมาย ถึงยังไงเราก็ยังเป็นเรา เป็นลูกของพ่อเหมือนเดิม ถึงแม้การแต่งตัวจะเปลี่ยนไปเป็นในแบบที่เราต้องการ แต่จิตใจ นิสัย เราก็ยังเหมือนเดิม ทำไมต้องทำเหมือนจับผิดเราตลอดเวลาด้วย เราก็รู้ว่าเป็นห่วง แต่เราก็คิดว่าไม่ได้ทำอะไรที่น่าจะทำให้ท่านเป็นห่วงนะ ไม่ว่าคนอื่นจะมองเรายังไง เราไม่แคร์ เราขอแค่พ่อ แม่ คนที่เรารักเข้าใจและยอมรับในสิ่งที่เป็นเราก็เท่านั้น
*** พล่ามมาซะเยอะ รู้สึกโล่งจังเลย ต้องขอโทษด้วยที่ระบายเยอะขนาดนี้ และก็ขอขอบคุณทุกคนที่อ่านด้วย ขอบคุณจริงๆ ค่ะ