น้อง ppp เอ๋ย....พี่เป็นประจำเลยล่ะ แบ่บว่าทำไมชั้นตั้งใจเรียนแต่ได้คะแนนน้อยกว่าเพื่อนที่ไม่เคยเข้าเรียนแล้วเอาแต่จดจากเลคเชอร์ชั้น แต่ก็มีเหมือนกันที่พี่แทบไม่เข้าเรียนวิชานั้นเลย แต่สอบออกมาได้รองท๊อป
พี่ขอเสริมจากคุณครูละกันเนอะ ....
ที่สำคัญคือต้องมาสำรวจคำว่า "อ่านหนังสือ" ของตัวเราก่อน พี่เองพึ่งจะมาพบหลักการของตัวเองก็ปาไปตอนเรียนมหาวิทยาลัยจะจบแล้ว ว่า "อ่าน" ของพี่ คือการเอาตาผ่านตัวหนังสือ แต่ไม่ได้เอา "ใจ" ไปเข้ากับมัน เคยมั้ย ที่อ่านหนังสือจบไปหนึ่งหน้า ปิดหนังสือ แล้วนึกว่า ในหน้านี้เราอ่านเรื่องอะไรผ่านมา.... ประจำเลย..ที่พี่จำอะไรไม่ได้เลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเอาตาผ่านอะไรมา
พี่จึงพบว่านี่เป็นปัญหาของการอ่านหนังสือของพี่
แต่ละวิชาก็มีวิธี "อ่าน" ไม่เหมือนกัน
คณิตศาสตร์....ต้องทำโจทย์เท่านั้น ถ้าเราบังเอิญไม่ได้เป็นคน get ทางนี้ พี่ก็เคยติด F มาแล้ว พี่พบว่า ที่ตอนมัธยมพี่ทำคะแนนได้ดี เพราะพี่ทำโจทย์เยอะมาก ทำจนจำได้ว่า ถ้าข้อสอบถามแบบนี้ เราต้องคิดแบบนี้ แล้วตอนแก้ F ที่มหาวิทยาลัย พี่ก็ตะบี้ตะบันทำ จนได้ B+
ชีววิทยา...ต้องท่องๆๆๆๆๆๆ ไม่ใช่แค่อ่าน ถ้าเราไม่ใช่พวกอ่านแล้วจำได้เลย เราต้องทำ short note มาท่องๆๆๆๆๆๆ
เคมี....ทั้งท่องทั้งทำโจทย์ เราจะพบว่าวิชานี้ในส่วนที่ต้องท่อง ข้อสอบจะออกซ้ำๆๆๆๆๆ เหมือนๆเดิมประจำ ส่วนที่เป็นคำนวณก็ต้องอาศัยทำโจทย์เอา
แต่อย่างวิชาที่เราไม่ต้องเรียนก็ได้คะแนนดี เป็นเพราะเรา "เข้าใจ" ในหลักของวิชานั้นๆ ทำให้เราทำคะแนนได้ดีโดยที่ไม่ต้องอ่านมาก ซึ่งแต่ละคน ก็ถนัดไม่เหมือนกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่อาจจะทำให้เราเรียนได้ง่ายขึ้นในบางวิชา แต่ไม่ใช่ว่าพอเราไม่ถนัดแล้วเราจะทำให้คะแนนดีไม่ได้
ตอนเรียนปีสี่ มีวิชาที่เป็นคำนวณๆๆๆๆมากๆๆๆๆๆๆ แบบคนตกเป็นสิบ โง่ๆ เลขอย่างพี่ ทำจนได้ B+ (เซ็งเหมือนกัน เพราะตั้งใจจะเอา A)
เห็นมั้ย ทุกอย่างอยู่ที่เราทำ
คิดแค่ว่า เราต้องทำอย่างไรให้ตัวเราได้ดีก็พอ
ไม่ต้องคิดว่าทำไมไม่ดีเหมือนเพื่อน
แต่ทำให้ดีก็พอของพี่ คือพอสำหรับจุดมุ่งหมายของเราด้วยนะจ๊ะ ไม่ใช่พอของเรา แต่สอบไม่ผ่าน
ถ้าบังเอิญเราไปอยู่ห้องที่เพื่อนไม่เก่ง แล้วได้คะแนนดีกว่าเพื่อน แต่ตำกว่ามาตรฐาน มันก็ไม่ดีใช่มั้ย เพราะฉะนั้น เอาตัวเองเทียบกับมาตรฐานของจุดมุ่งหมายของเรา แล้วแข่งกับความขี้เกียจของตัวเราเองนั่นแหละ...ดีที่สุด
พี่เอาใจช่วยจ้า ^_^
|