วิธีไม่ให้เครียดก่อนสอบก็คือ
การพักผ่อนและออกกำลังกายซึ่งช่วยทำให้สภาพกายและใจได้ผ่อนคลาย
คุณครูไม่ทราบเรื่องวิทยาศาสตร์
แต่คุณครูเป็นคนไวต่อการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย
อยากบอกว่าการออกกำลังกายจนเหงื่อท่วมตัว
หรือเมื่อเหนื่อยแล้ว อย่าเพิ่งหยุดออกกำลังกาย
ให้ออกต่อไปอีกสัก 10-20 นาที
สภาวะนั้เหมือนกับการได้เจริญสติที่ปราศจากอารมณ์
สมองจะเป็นอิสระจากทุกอย่าง ไร้ความยึดในตัวเอง
และทำงานได้โดยไม่เคร่งเครียด ทำงานเพื่องาน มิใช่ผลตอบแทนหรือรางวัล
สอบก็เพื่อสอบ หรือรู้ว่านั่นคือการประเมินสิ่งที่เรารู้มา
รู้จักใช้ร่างกายอย่างถนอมแม้จะหนักหน่วง
คุณภาพความคิดที่ดีคือ ทำงานเหมือนไม่ทำ
ไม่คาด ไม่หวัง แต่มีเป้าหมายที่จะเดินไปสู่จุดหมายอย่างเนิบ นวล นิ่ง และเป็นหนึ่งเดียว
เมื่อไม่มีอารมณ์ใดๆมาดึงให้เขวออกจากเส้นทาง
พลังที่ทุ่มเทลงไปจึงเหมือนน้ำที่ผลักออกจากสายยางที่ไร้รอยรั่วตามแนวสาย
ยิ่งหนูอยากให้ไม่เครียด สมองหนุก็จะขัดแย้งและกังวล
อาการเครียดเป็นอาการปกติที่จะจางหายไป ถ้าเราแค่รู้สึกและหันตนเองไปทำสิ่งอื่นที่ไม่ทำให้ตัวเราผยอง คาด และหวังในการกระทำ
คุณครูชอบมองนกบนผืนฟ้าที่โผบินอยู่เหนือท้องทะเล
แม้ไร้ไม้ใหญ่ไม้เล็กให้เกาะพัก
ผืนฟ้าที่กว้างใหญ่กับการทะยานบินอย่างสง่ากล้าท้าแรงลมของนก
ยามบิน ไร้ที่พักพิง ใยต้องพะวง
เพราะความพะวงไม่ได้ทำให้การกระพือปีกเร็วขึ้น แต่กลับทำให้พลังในการบินลดถอยลงไปเสียอีก
เกิดเป็นมนุษย์ ยามทำหน้าที่ ใยต้องกังวล
ความกังวลไม่ใช่เหตุแห่งความสำเร็จ
แต่เป็นเหตุแห่งความเสื่อมพลัง และลดทอนกำลังในการก้าวเดิน
แค่รู้ว่าไฟร้อน ก็ไม่มีใครใช้นิ้วคีบถ่านไฟแล้วค่ะ
สู้เอาเวลามาอ่านทวนดีกว่านะคะ
ส่วนที่ถามว่าสิ่งที่คุณครูสอนนั้นมากพอไหม
ถ้าหนูเรียนตั้งแต่หลักสูตรที่คุณครูกำหนด ย่อมเพียงพอ
แตต่หากขาดการฝึกทำแบบฝึกหัด หรือข้อสอบด้วยตัวเอง ย่อมไร้ประโยชน์
เหมือนมีดเนื้อดี แม้ไร้การลับฝน
มีดเนื้อดีที่เคยคมกริบก็อาจทื่อด้านเหมือนสันมีดได้
ไม่มีอะไรหนีพ้นคำว่า "การมีสติที่กอปรเหตุให้เกื้อต่อผล"นั่นเอง
ขอให้หนูโชคดดีและสอบได้ทุกที่ที่หนูหวัง ด้วยสติ และความเพียรที่ต่อเนื่องนะคะ
ดูแลสุขภาพกายและใจก่อนสอบด้วยนะคะ
โชคดีค่ะ