หนูพุดไม่ใช่ลูกโป่งนะคะ
แต่ถ้าหนูพุดเชื่ออย่างนั้น แสดงว่าหนูพุดยอมจำนนต่ออุปสรรค
ภาวะไร้เดียงสาหรือโง่ ในตัวคุณครูตอนสมัยเป็นเด็ก
ทำให้คุณครูไม่มีสมองในการตีความหมายของคำพูด คำดูถูกของคนทั่วไป
จึงยิ้มรับได้ในทุกคำสบประมาทเพราะถือว่าเป็นสิ่งคุ้นชินที่ได้ยินคนพูดกรอกหูมาแต่เล็ก
ต่างกันตรงคนอื่นๆเป็นคนพูด แต่คุณแม่ไม่เคยพูด
แต่สำหรับหนูพุด สลับกับคุณครู
กลายเป็นคุณแม่พูด แต่คนข้างนอกกลับชื่นชม
อย่างนี้ ก็คิดกลับว่า แม่ทุกข์เพราะนำคะแนนของหนูพุดไปเปรียบเทียบกับคนอื่น
ถ้าหนูพุดทำคะแนนให้สูงขึ้น แม่คงดีใจ
ก็ต้องถามตัวเองว่าทำได้ก้ทำ
ทำไม่ได้ก็ต้องยอมรับว่า
นั่นคือแม่เรา
คะแนนไม่ใช่เครื่งอตัดสินคน เพียงแต่คะแนนเป็นเครื่องสะท้อนความเพียร
ถ้าหนุพุดอยากบ่มเพาะ "ความเพียร" หนูพุดก็จงทำเสีย
แต่ถ้าหนูพุดทำไม่ได้ หนูพุดก็ต้องทำใจ
และปรับจิตใจให้ยอมรับและอภัยในคำพูดของคุณแม่
ปัจจุบัน ความรู้หาได้ในอินเทอร์เน็ท แต่ไหวพริบ ความอดทน และการบ่มเพาะนิสัยที่เป็นพลังสร้างสรรค์งาน ไม่สามารถsearchหาได้มนโลก Cyber
ฉะนั้นมนุษย์สร้างสรรค์ หนักเอาเบาสู้ รู้จักคัดกรองสิ่งดีๆ ไว้เป็นกำลังใจก้าวเดินก็จะมีพื้นที่ของความสำเร็จให้ก้าวเข้าไปยืนอยู่ในนั้น
จงอดทน และแปรคำดูถูกของแม่เป็นคำให้พรลูก
เพราะแม่อาจแค่ต้องการบอกหนูพุดว่า ได้เกรดแค่นี้อย่าประมาทนะลูก
แหงนฟ้าแล้วต้องก้มดูดิน
ยามผยอง ต้องมองขึ้นฟ้าว่าเก่งกว่าเรายังมี
แต่ยามท้อใจก็ต้องก้มดูดินว่า
คนที่แย่กว่าเรายังมี
คนที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตมิใช่เพราะเกรด
แต่ต้องแตกฉานในการมองโลก
รู้จักหักหอกให้เป็นดอกไม้
ไม่มีผู้สำเร็จใดปราศซึ่งคนดูถูก
เพราะเขาใช้คำดูถูกเป็นพลังผลักดันตัวเขาเองไปสู่จุดหมายอย่างไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรค หรือคำดูแคลนใดๆ
หนูพุดต้องเป็นคนเก่งที่มีสุขภาพจิตดีนะคะ จึงจะไปสู่จุดหมายได้อย่างสุขใจ
โขคดีนะ
|