เคยสิคะ ตอนนั้นไม่เคยทราบว่าคุณแม่อยู่ในช่วงวัยทอง
เพราะอารมณ์คุณแม่จะแปรปรวนโดยคุณแม่ก็ไม่รู้ตัว
ตอนนั้นได้แต่ร้องไห้เสียใจ แต่ต่ออหน้าก็ไม่เคยเถียงเลยแม้สักคำเดียว
คิดวนเวียนว่าเราทำผิดอะไร ทำไมแม่ถึงเข้าใจเราผิด
ได้แต่สวดมนต์ แล้วก็ปฏิบัติธรรม
แต่โชคดีที่เริ่มปฏิบัติธรรมตั้งแต่ปีหนึ่ง มีคุณแม่ชี รศ ดรสุภาพรรณ ณ บางช้าง
มีคุณหมออมรา มลิลา มีครูบาอาจารย์ที่เมตตาเติมน้าสอาดใส่คนโทใจของคุณครู
มีธรรมเป็นเข็มทิศ มีสติพยุงใจ มีปัญญาเกิดตามมาแก้ปมปัญหา
สติคือความรู้ตัว ไม่ใช่ความคิด สติทำให้เราไม่เข้าไปในความคิด
และเข้าใจความทุกข์ว่ามาจากความคิด
แค่ฝึกเห็นความคิดแต่ไม่เข้าไปในความคิดทุกครั้งที่รู้สึกตัว
ความทุกข์มันก็ค่อยๆหายไป
คุณครูอยู่แบบนี้มานาน จนเรียนรู้ว่าคุณแม่มีพระคุณที่ทำให้คุณครูรู้จักธรรมะ
สภาพของการที่ต้องอยู่กับคุณแม่ที่กำลังอยู่ในช่วงวัยเปลี่ยนแปลงและมีความทุกข์
ทำให้คุณครูเรียนรู้คำว่าอดทนด้วยสติ
อยากหนีไปจากจุดเกิดเหตุ แต่ก็หนีไม่ได้ เลยต้องเผชิญอย่างสุขุมและอ่อนโยนเพราะท่านคือแม่
จนสติที่ได้รับการเจริญหรือฝึกบ่อยๆ
ทำให้เราได้ตระหนักว่า ไม่รู้ตรงไหนคือสมศรี
รู้อย่างเดียวว่ามีก้อนเนื้อที่เคลื่อนไหวกับจิตใจหนึ่งดวง
เมื่อก่อนไม่รู้ตัวว่าตัวเราเองปล่อยให้อารมณ์และความรู้สึกควบคุมก้อนเนื้อนี้
แต่ต่อมาก็ให้คำว่าปัญญา(เหตุผลที่บริสุทธิ์)มาดูแลก้อนเนื้อนี้
ระหว่างฝึกไม่รู้ตัว มารู้อีกที่ก็รู้ว่าไม่โกรธแม่เลย
เพราะแม่ก็เป็นอีกก้อนเนื้อหนึ่งที่ยอมเสียสละก้อนเนื้อของตัวเองและแร่ธาตุสารอาหารของท่านมาสร้างเป็นก้อนเนื้อของเรา
ไปๆมาๆ ก็เหมือนการได้มาพบเจอกันอย่างมีพระคุณ การเคลื่อนที่ของก้อนเนื้อและอารมณ์ทำให้ทั้งสองมากระแทกกัน
ถ้าก้อนเนื้อและอารมณ์ของท่านเคลื่อน
สติจะหยุดการเคลื่อนของก้อนเนื้อของเรา
แรงปะทะไม่เกิด ก้อนเนื้ออีกฝ่ายก็จะหยุดการเคลื่อนไปตามกฎธรรมชาติว่าไม่มีอะไรสถิตย์อยู่นิรันดร์
คนเราไม่สามารถโกรธใครได้ทั้งวัน หรือหัวเราะได้ทั้งวัน
เวลาแม่โกรธจึงเหมือนประหนึ่งปรากฎการณ์ธรรมชาติเช่นฟ้าผ่า แต่เราไม่เคยด่าว่าท้องฟ้า
เพราะฟ้าคือฟ้า เราคือก้อนเนื้อกับสติ
หนูต้องฝึกนะลูก
วันนี้จึงได้รู้ว่าแม่คืออุปกรณ์ของธรรมะที่มีพระคุณยิ่ง ที่มาร่วมสร้างสถานการณ์ให้เราได้พบปัญญา
ถ้าเราอยู่กับคนที่ว่าเราแล้วเราหนีเขาได้
ก็เท่ากับเรายังไม่ได้ฝึกความอดทนที่แท้จริง
ลองฝึกอดทนอย่างมีสติคือไม่ต้องรู้สึกหรือตีความกับปรากฏการณ์ที่เกิด
ต่อไปหนูจะอยู่กับทุกสถานการณ์ได้อย่างไม่ทุกข์และรู้เท่าทัน
แม่เป็นคนเดียวที่ด่าเราเสร็จก็กลั่นเหงื่อเลี้ยงเราต่อ
คำบ่นว่าของแม่คือเพชรในหัวคางคก
งดงามแต่แฝงมาในรูปที่น่าขยาดกลัว
แต่ถ้าหนูมีสติ แล้วไม่หลุดไปในความคิ และความรู้สึกของตนเอง
หนูจะพบเพชรเม็ดงามเลยจ้ะ
ลองค่อยๆฝึกนะลูก ถ้าอยากทราบว่าฝึกอย่างไรก็แค่รู้สึกกับการสัมผัส
กระพริบตาก็รู้ จะขยับปากก็รู้
รู้ไม่ทันก็ค่อยมาตามรู้ทีหลัง
อย่าเคร่งเครียด สร้างตัวรู้เบาๆ ถ้าคิดก็ไม่ต้องกลัว
แค่รู้และไม่เข้าไปในความคิด
รู้มากๆเข้าหนูจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวหนู
แต่ต้องขยันรู้นะคะ แต่รู้อย่างเบาๆ ไม่ตึงไป ม่หย่อนไป รู้พอดีๆค่ะ
โชคดีนะคะ รับรองหายทุกข์ทั้งชีวิตเลยล่ะค่ะ คุณครูรับรอง