ขอตอบแบบก็อปกระทู้เดิมบ้างอะไรบ้าง
เรื่องคนอื่นจะพูดยังไงกับเรา พี่ก็ขอสอนตามที่อาจารย์ของพี่สอนมาก็คือ
"คำพูดเบากว่าอากาศ"
สิ่งที่จะสอนก็คือ เราเห็นว่าอากาศเบาหรือเปล่าครับ เบามาก ๆ แล้วถ้าเบากว่าอากาศแล้ว ย่อมทำอะไรเราไม่ได้เข้าไปใหญ่
ฉันใดก็ฉันนั้นครับ คำพูดของคนไม่สามารถสั่งให้เราเป็นอะไรได้ เว้นแต่เราเอาใจไปผูกกับมัน
ถ้ามีคนด่าเราว่าควาย ก็หันหลังไปดู ว่ามีหางมีเขาหรือไม่ ถ้าไม่แล้วก็ไม่ต้องไปสนใจครับ
แต่ถ้าจะสนใจ ก็สนใจว่า ทำไมเขายังว่าเรา แสดงว่าเรา้ต้องมีสิ่งที่เรายังทำไม่ดีเท่าที่ควรอยู่
ก็ปรับปรุงตน แล้วขอบคุณเขาในฐานะ "ครู" ผู้สอนให้เราเห็นความผิดพลาดของตัวเอง
ถ้าพิจารณาแล้วว่าเราำทำดีที่สุดแล้ว พัฒนาไม่ได้แล้วก็ไม่ต้องใส่ใจเขา
"คนถ่มน้ำลายรดตะวัน ไม่เพียงไม่ถึงตะวัน น้ำลายนั้นอาจกลับสู่ตัวเขาเอง" ฉันใดก็ฉันนั้น
ถ้าเราทำใจของเราให้ดี ไม่หลงไปกับลมปากที่เบากว่าอากาศ เพราะมันหาสาระมิได้
ทำใจให้สูงส่ง ไม่ต้องใส่ใจ เขาเห็นว่าทำอะไรไม่ได้เขาก็เลิกเอง ถ้าเขาไม่เลิก คนอื่นก็ต้องเห็น
แล้วต้องติเตียนความประพฤติเช่นนั้นอยู่ดี
อีกอย่าง เราต้องยอมรับนะครับ ว่าเวลาเราผิด คนอื่นยังไม่บอกให้เราแก้เลย หรือถ้าบอก เราก็ทำไม่ได้ทั้งหมดสักหน่อย
พี่ถามว่า ถ้าคุณครูของหนู สอนให้หนูเอ็นท์ติด แล้วมาทวงหนี้บุญคุณให้หนูทำอะไรต่าง ๆ นานา คงไม่ใช่ความปรารถนาดีที่แท้
แม้ว่าบุญคุณจะมีอยู่ แต่การกระทำอะไรก็ตาม เราควรทำเพราะเราเต็มใจและควรทำมากกว่านะครับ
หลายคนบอกว่า "ฉันให้เขาแล้วไม่คาดหวังอะไร นอกจากอย่าให้เขาคิดร้ายกับฉัีนก็พอ"
พี่ก็พูดว่า คำพูดอย่างนี้ก็ถือว่าเราไปคาดหวังกับคนอื่นแล้วนะครับ เพราะเรามิอาจหยั่งรู้จิตมนุษย์ได้ลึกซึ้ง
เราอาจพูดเพียงว่า "ฉันให้เขาแล้วไม่หวังอะไร ขอให้เขาเป็นสุขก็พอ" แล้วถ้าเขาไม่เป็นสุข เราก็ต้องปล่อยวาง
หรือถ้ากรณีของน้อง เด็กวงเวียนใหญ่ ก็คือ "อยากให้คนอื่นมีความสุข จากการทำดีแล้วถึงที่สุดของเรา" ถ้าคนอื่นไม่สุข ก็ต้องปล่อยวาง
อย่างนี้สิครับ ไม่คาดหวังจริง แต่เพียงหวัง พี่ไม่ได้บอกให้เราหมดหวังนะครับ
แต่พี่สอนให้เราเพียง "หวัง" ไม่ใช่ "คาดหวัง" ยกตัวอย่างมาแล้วคงพอจะจับความแตกต่างได้นะครับ
การเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งในโลกเป็นธรรมดาครับ ไม่เปลี่ยนสิแปลก
เราทำได้เพียงทำดีที่สุดแล้วยอมรับผลในการกระทำของเราภายใต้เหตุปัจจัย ไม่ีมีอะไรเกิดขึ้นมาลอย ๆ หรอกนะครับ
เราก็บอกเองมิใช่หรือว่า เราอาจเคยทำไม่ดีกับเขาก่อน แล้วเราสะสมความไม่ดีกับเขาขนาดไหนครับ
กว่าเขาจะมาทำไม่ดีกับเรา จะให้เขาเปลี่ยนวันเดีัยวได้หรือ เราเองยังใช้เวลาตั้งนาน สุดท้ายก็ยังเปลี่ยนไปได้เพียงบางส่วน ไม่ใช่ทั้งหมด
การจะเปลี่ยนแปลงโลก สังคม แม้กระทั่งเปลี่ยนแปลงใครคนหนึ่งยากมากนะครับ จนบางครั้งก็เป็นไปไม่ได้เลย
เราทำได้เพียงเปลี่ยนแปลงตนเองนะครับ และการเปลี่ยนแปลงตนเองนี้ ต้องใช้ความวิริยะ
หรือความเพียร ที่มีรากศํพท์มาจาก วีร(ะ) นั่นก็คือความกล้าอย่างสูงที่จะลุกขึ้นมาเปลี่ยนครับ
จงกล้าที่จะลุกขึ้นมาทำตัวเป็นคนใหม่ จงกล้าที่จะทำความดีต่อไปนะครับ
พี่คงไม่อาจกล่าวได้ว่าการที่พี่มาสอนอย่างนี้ มาเสียเวลานั่งพิมพ์ยืดยาวว่าพี่เป็นคนดีหรอกนะครับ
แต่สิ่งที่พี่ทำเป็นตัวอย่างก็คือ การคิดเพียง "หวัง" ให้น้องดีขึ้น ซึ่งสุดแท้แต่เราจะนำไปใช้
และความหวังของพี่จะไม่สูญเปล่าเลยที่ทำให้ในใจของน้อง แม้เพียงเศษเสี้ยวแห่งหัวใจมีความหวังขึ้นมา
นั่นคือสิ่งที่พี่ทำได้ดีที่สุดแล้ว
หวังว่าคำสอนนี้คงอยู่ในใจของน้อง เด็กวงเวียนใหญ่ นะครับ