น้องหนู Pokko จ๋า
อย่าเครียดกับเหตุการณ์นี้เลย
โลกนี้บางทีก็ไม่สามารถอธิบายด้วยเหตุผล
แค่ไม่ชอบหน้ากัน ยังควักปืนยิงใส่กันได้เลยลูก
การที่คนว่าเรา เราสามารถทำให้เป็นเรื่องดีได้
คือลองดูซิว่าเราเป็นอย่างที่เขาว่าไหม
เผอิ ญคุณครูเป็นคนที่ยอมรับความจริง ถ้าไม่ดีจริง เราก็ต้องปรับตัว
แต่ถ้าเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูด หนูก็ไม่ต้องไปคิดมาก
ในโลกแห่งความเป็นจริง เราจะพบคน 3 ประเภทที่เข้ามาในชีวิตเรา
1 คนที่เขารักเรา
2 คนที่ไม่รักเรา
3 คนที่เฉยๆกับ เรา
ลูกก็ยิ้ม พูดคุยกับคนที่รักลูก และก็เฉยกับลูก
ส่วนคนที่เขาไม่รักลูก
ลูกก็ไม่ต้องทำดี หรือทำไม่ดี ก็แค่รับรู้เช๊ยเฉย
คนที่เขาไม่ชอบเรา เราจะทำอะไรก็คงขวางหูขวางตาเขาไปหมด
ในเมื่อเราไม่ชอบให้ใครนินทาเรา เราก็อย่าติดนิสัยขี้นินทาของเขามานะคะ
คนขี้นินทาไม่ดี เพราะเราปล่อยให้อารมณ์มาจูงชีวิตเรา
คนเราเปล่งคำพูดออกไปทีละหนึ่งหน่วย จะดี จะไม่ดี เราสามารถกำหนดได้
ลูกก็พูดแต่สิ่งดีๆนะคะ
เชื่อคุณครูนะคะ เราจะได้เป็นบัณฑิตหมายถึงผู้รู้
คือรู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควรทำ
อะไรทำแล้วมีประโยชน์ อะไรทำแล้วไม่มีประโยชน์
จริงๆแล้วแต่ละวินาทีมีค่า เรียกคืนมาไม่ได้ จะคิด จะพูด จะทำ ลูกก็ต้องทำแต่สิ่งดีๆ
คุณแม่คุณครูมักสอนเสมอว่า ปากเรากินเปรี้ยว กินหวาน พูดอะไร คายออกมาแล้ว กลืนกลับคืนไม่ได้
จึงต้องระวังให้มาก
หนูอย่าเครียดกับพฤติกรรมของเพื่อนะคะ เราไม่ต้องตอบโต้อะไร
เขาพูดไปเรื่อยๆ เราไม่โต้ตอบ
เดี๋ยวเขาก็หยุดไปเอง
ไม่มีใครพูดได้ไม่หยุดนะคะ
ปากเขาอยู่ใกล้หูเขามากกว่าหูเรา พูดไม่ดีก็เสพคำไม่ไพเราะสราะหูเข้าไปก่อน
เวลาลูกดูหนัง ลูกไม่ชอบ ลูกก็กดรีโมทหนีใช่ไหมคะ
ชีวิตจริงลูกก็เอาสติเป็นรีโมท เปลี่ยนช่องหนีไปเลย
คนที่ทำสิ่งที่ไม่พึงทำเป็นเพราะเขาอาจไม่มีใครคอยเตือนให้สติเขา
อภัยเขาไปนะคะ
หนูจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่น่ารัก
ไม่ต้องไปถามอะไรเขา แต่ต้องซื่อตรงต่อตนเอง
ถ้ารู้ว่าเราทำผิด ก็อย่าพลาดพลั้งไปทำสิ่งนั้นอีก
คนเราเป็นมนุษย์ไม่ใช่นางฟ้าเทวดา
ย่อมทำผิดได้
แต่ลูกต้องเรียนรู้และระวังไม่ให้เกิดขึ้นอีก
ตั้งใจเรียนนะคะ ยิ่งจะคิดเรื่องนี้ก็ยิ่งต้องอ่านหนังสือมากๆ ลูกจะได้รู้ว่าเวลาของเราลดน้อยลงไปเรื่อยๆ
แล้วลูกเป็นเด็กดี มีน้ำใจหรือเปล่าเอ่ย
เป็นเด็กดีนะคะ