คุณครูดีใจมากลูกที่หนูจับความรู้สึกตัวเองได้ และแยกถูกผิดออก
คนเราถ้ารู้ตัวก็จะแก้ง่าย ไม่ถลำลึกลงไปแน่นอน
"ความอิจฉา" เกิดจากการเอาตัวเองไปแข่งขันกับผู้อื่น
ถือได้ว่าเป็นปมด้อยที่ฝังอยู่ในจิตใจลึกๆ อาจเกิดสะสมมาตั้งแต่วัยเด็กที่คอยเปรียบเทียบกับพี่น้องของตัวเอง
ขาดเกณฑ์ในการสร้างความดีจนกระทั่งต้องคอยนำตนเองไปเทียบเคียงกับผู้อื่นและแค้นเคืองผู้ที่เรายกตนไปเปรียบท่าน
การที่เราไปด่าว่าผู้อื่นให้เสียหาย หรือใส่ร้ายให้เขาดูแย่ลง
แต่เราหารู้ไม่ว่า การกระทำของเราเองนั่นแหละ กลับทำให้เราดูแย่และต่ำกว่าระดับที่เราพึงจะเป็นเสียอีก
เลิกนะลูก
เรามีอีกตั้งหลายวิธีที่จะสูงกว่าคนอื่น
แค่เขย่งเท้าขึ้นตรงๆ เราก็สูงขึ้นโดยไม่ต้องไปเหยียบย่ำบนอวัยวะส่วนใดของผู้อื่นแล้ว
ที่สำคัญหนูเองก็ยอมรับว่าคนที่หนูอิจฉาเป็น "คนดี"
หนูยิ่งบาปกรรมซ้ำสองงเข้าไปอีก
จิตสำนึกของหนูจึงคอยตามถามตัวเองเสมอว่า "หนูเป็นโรคจิตรึเปล่า"
เลิกกล่าวร้าย หรือสร้างสิ่งไม่ดีให้กับเพื่อน
อย่างน้อยถ้าจิตใจของเราไม่กว้างพอที่จะยินดีกับความสำเร็จของเขา
เราก็น่าจะวางใจเป็นกลางได้
ผิดศีล5 ก็ยากที่จะเกิดเป็นมนุษย์แล้ว
คำว่าเกิด ไม่ได้หมายถึงชาติหน้า
แต่คือการเกิด ดับ ทางความคิดผิดชอบในปัจจุบัน
การกลัวเขาได้ดีก็เท่ากับการเสวยชาติเป็น "เดรัจฉาน"
ยิ่งอยากได้ความดีความชอบอันไม่ใช่ของตัว ด้วยการทำลายคนอื่น ก็ถือว่าได้เสวยภพชาติเป็น "เปรต"
แล้วเมื่อไหร่ หนูจะได้เสวยภพเป็น "มนุษย์" หรือ "ผู้มีใจสูง"ได้เล่า
มาเริ่มต้นใหม่นะคะ
แค่หนูรู้ผิดชอบชั่วดี ก็แก้ได้เเล้วลูก
ค่อยๆนะคะ มองสิ่งดีๆที่เขาทำ ที่เกื้อประโยชน์ต่อตัวเขาและส่วนรวม
สกัดคนทำดี บาปมหันต์นะคะ
บาปไม่มาทันที แต่จะรวมกันเมื่อมีฤทธิ์มากขึ้น อาจทำให้ชีวิตหนูล้มครืนได้ในพริบตา
ทำจิตใจให้ดีนะคะ
ตั้งใจเรียน
ไม่ต้องแข่งกับใคร
ทำดีทุกวัน ไม่มีใครเห็น ก็ถือว่าได้ทำความดีแล้วค่ะ
โชคดีนะคะ