รอยเท้าทั้งหลายสุดลงที่รอยเท้าช้าง
เพราะช้างมีรอยเท้าที่ใหญ่ที่สุด
ท้ายสุดของการลดและละทุกข์อยู่ที่การเจริญสตินั่นเอง
การเจริญก็คือทำให้มาก
การเจริญสติก็คือการมีสติรู้ตัวอยู่เนืองๆ
จะใช้อะไรมาเป็นฐานเพื่อทำให้เกิดตัวรู้ที่มาไล่ตัวไม่รู้ออกไปก็ได้
เช่นกระพริบตา พลิกมือ หายใจเข้าออก หรืออิริยาบทใดก้ได้
ตัวรู้เหมือนแสง เมื่อมีแสงความมืดก็จะหายไป
การสร้างความรู้ตัว ต้องไม่จงใจเพราะจะทำให้เคร่งเครียด ไม่มีความสุข
เอาแค่รู้แผ่วๆ แต่รู้เรื่อยๆ รู้อย่างถักทอ
ถ้าเกิดความคิด ก็ถือว่าปกติ อย่าเครียด แค่เข้าไปดู ไปรู้อยู่
จะพบสภาพดับ ดูตัวเกิดไม่ทัน ก็ไปดูตัวดับแทน
คนเราห้ามความคิดไม่ได้ แต่ถ้ามีสติ ความคิดจะมีคุณภาพ
คือคิดแบบวิทยาศาสตร์ หรือเป็นเหตุเป็นผล
ไม่ใช่คิดแบบเจืออารมณ์
จิตที่มีคุณภาพสอดคล้องกับคุณภาพความคิด
เหมือนเนื้อมะม่วงและเปลือกมะม่วง แยกกันไม่ออก
ความคิดที่เสวยอารมณ์ก็ส่งผลต่อคุณภาพของร่างกายเช่นกัน
ฉะนั้นจึงไม่ควรหมักหมมอารมณ์ขุ่นมัวให้กับร่างกาย
การปฏิบัติธรรมที่ดีต้องมาจากการปฏิบัติมากกว่าการฟังหรือการอ่าน
แค่สวดมนต์ขยับปากและรู้ตามการเคลื่อนของลมจนเปล่งออกมาเป็นคำก็ถือว่านำการเคลื่อนมาเป็นฐานแห่งสติแล้ว
มีหนังสือของครูบาอาจารย์มากมายให้ศึึกษา
ลองเลือกดูนะคะ ว่ารูปใดสอนตรงจริตของหนูที่สุด แล้วก้ลองทำดูค่ะ
ส่วนการหลงตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่ไม่งามเเลย
รู้ตัวแล้ว ต้องรีบละ
ไม่เช่นนั้นจะนำไปสู่การใช้ถ้อยคำจาบจ้วงให้ผู้อื่นเสียหายหรือกินแหนงแคลงใจกัน
ความจริงเราแค่เขย่งปลายเท้า เราก็สามารถสูงขึ้นมาได้ โดยไม่จำเป้นต้องเหยียบบนศีรษะของผู้ใด
บัณฑิตย่อมไม่กระพฤติกรรมเช่นนี้ค่ะ
ขอให้หนูได้พบเส้นทางแห่งธรรมในเร็ววันนะคะ
|