Kru Somsri's English School

July 06, 2025, 06:42:22 PM

:    
191147 46430 16623
: Carloswam
*
+  Kru Somsri's English School
|-+  ห้องสนทนาของโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษคุณครูสมศรี
| |-+  คุยกับคุณครูสมศรี
| | |-+  ( หนูมีปัญหาค่ะ(เก็บกดมานาน) อยากหลุดพ้นจาก"ไอ้ขี้แพ้" )
:
:
:
:
||||
||||
+




: May 18, 2010, 03:37:00 PM
: padnarak_ene
ได้บัญชีจุฬาดั่งใจหวังแล้วค่ะ

ขอบคุณทุกคนมากนะคะ ^^
: April 02, 2010, 02:07:19 PM
: padnarak_ene
เย้

ในที่สุดคุณครูก็มาตอบ

ขอบคุณมากนะคะ

ตอนนี้ก็รอยื่นคะแนนแอดกลาง

เพื่อ บัญชี จุฬา ค้าบบบบบบบบบ

หนูจะจดจำคำแนะนำของคุณครูและพี่ๆทุกๆคน

นำไปปฏิบัติและปรับปรุงตนเองให้ได้มากที่สุด

ขอบคุณจริงๆค่ะ ^^

สู้ตายยยยยยยย
: March 30, 2010, 12:44:35 PM
: คุณครูสมศรีสุดสวยจร้า!!
ก่อนอื่นคุณครูต้องขออภัยที่ไม่ได้ตอบคำถามหนู

และดีใจที่หนูยังรอติดตามคำตอบอยู่ค่ะ


 Q:งานที่โรงเรียนเยอะมากๆ อาจารย์ให้การบ้านเยอะ โดยเฉพาะงานกลุ่ม/งานห้อง หนูเป็นคนที่ชอบรับงานมาทำเองคนเดียว เพื่อนๆก็ไม่ห่วง เพราะเค้ารู้ว่าหนูเป็นคนทำงานออกมาดี ดีกว่างานของหนูเองซะอีก เพราะหนูทุ่มเทเวลากับงานอื่นที่ไม่ใช่งานตัวเองมากๆ แม่ก็เคยบ่นว่า “มัวแต่ทำให้คนอื่นอยู่นั่นแหละ งานตัวเองไม่รู้จักทำ หนังสือก็ไม่อ่าน” หนูก็จะบอกแม่ว่า “มันก็คะแนนหนูเหมือนกันค่ะแม่ ถ้าไม่ทำก็ไม่มีคนทำ” อะไรประมาณนี้ หนูก็ไม่รู้ว่าการที่หนูทำแบบนี้แล้วเค้าเรียกว่าเป็นคนดีรึป่าว แต่หนูคิดว่าหนูทำแล้วหนูได้ประสบการณ์ หนูก็เลยทำมาตลอด ไม่ได้คิดอะไรมาก เวลาที่ผ่านไปในแต่ละวันของหนูก็เสียไปกับการทำการบ้าน ทั้งงานกลุ่ม/งานห้อง/งานเดี่ยว หนูก็เลยไม่ได้อ่านหนังสือ จริงๆก็ไม่มีความคิดที่จะอ่านด้วยซ้ำ เพราะทำเสร็จก็นอนเลย



A:ทำงาน ย่อมได้งาน

ทำงานด้วยความละเอียดและทุ่มเท ถือเป็นการบ่มเพาะนิสัยที่ดีงามที่ใครก็สอนหนูไม่ได้

นอกจากตัวหนูเท่านั้นที่จะฝังลึกลักษณะที่ดีงามเช่นนี้

คุณสมบัตินี้เป็นคุณสมบัติที่เป็นวาระชาติที่ควรนำมาปลูกฝังเด็ก ๆ ให้เยาวชนไทยมี "ความรับผิดชอบ" และมี"น้ำใจ"เช่นหนู

วันนี้ ไม้งามต้นนี้ ยังไม่แผ่กิ่งก้าน

แต่รอไม่นานนัก อนุสัยที่ติดตัวนี้จะมีคุณค่าแก่ตัวหนูและสังคม

คุณพ่อคุณแม่หนูต้องเป็นผู้มีจิตใจงาม จึงสะท้อนออกมาทางนิสัยของหนู

แต่ตอนนี้ สิ่งที่สำคัญในชีวิตก็คือ

"เวลาที่จำกัด" และ "การสอบแข่งขัน" ในระบบ "แพ้คัดออก"

จึงทำให้หลายคนเป็นห่วงหนู

ไม่ต้องกังวลนะคะ

งานที่ทำ อาจลดคุณภาพลงมาสักหน่อยให้เหมาะสมกับเวลา

แบ่งสรรให้เพื่อนๆได้ร่วมทำงานด้วย

เพราะคุณสมบัติของ"ผู้นำ" ไม่ใช่การทำงานเพียงคนเดียว

แต่จะต้องพากลุ่มทั้งกลุ่มไปถึงจุดหมายร่วมกัน

สุดท้ายเราจะมาเน้นที่ "กระบวนการของชีวิต"  มากกว่า "ผลที่คาดว่าจะได้รับ"

ถ้าเราเน้นกระบวนการ เราจะให้ความสำคัญต่ออารณ์ความรู้สึก ที่ต้องพัฒนาไปพร้อมๆ กับการคืบหน้าของงาน

งานดี แต่ทะเลาะกัน ก็ถือว่างานนั้นไม่ประสบความสำเร็จ

คุณครูเป็นกำลังใจให้นะคะ  จัดสรรเวลาให้เหมาะสม และเลือกทำสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนนะคะ




2.หนูเป็นเด็กกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน อาจารย์ที่โรงเรียน หรือพ่อแม่ ก็จะบอกว่าหนูเป็นเด็กขยัน(ทำกิจกรรมแต่ไม่ขยันอ่านหนังสือ)มากๆ ตอน ม.5หนูก็เป็นคณะกรรมการนักเรียน เป็นคนที่บ้างานมากๆ บางทีคนในโรงเรียนคิดว่าหนูเป็นประธานนักเรียน เพราะหนูทำงานเยอะ มีโดดเรียนบ้าง แต่ทีจริงแล้วหนูเป็นแค่เหรัญญิกเอง โรงเรียนของหนูมีกิจกรรมเยอะมากๆ แทบจะทุกสัปดาห์เลยก็ว่าได้แล้วคนจัดกิจกรรมก็ไม่ใช่อาจารย์ แต่เป็นพวกหนู คณะกรรมการนักเรียน 12 คนเอง แบบว่า ม.5นี่ทุ่มเททั้แรงกายแรงใจให้กับโรงเรียน ทำเพื่อโรงเรียนสุดๆ วันๆก็สิงสถิตอยู่แต่โรงเรียน ไปโรงเรียนเตรียมเปิดเพลงเข้าแถว เตรียมข่าวประกาศตั้งแต่ 7 โมง ตอนเย็นก็ทำงานคณะฯอยุ่ที่ห้องคณะกรรมการนักเรียนจนถึง 3-4 ทุ่ม ไม่เว้นวันหยุดราชการ ปกติวันเสาร์-อาทิตย์ แอนๆเค้าจะเรียนพิเศษอ่านหนังสือกัน แต่หนูอยู่แต่ห้องคณะฯ เรียนพิเศษ 3 ชม. ในแต่ละวันกลับมาถึงบ้านก็ไม่ค่อยได้ทำอะไร เพราะมันดึกแล้ว ทำภารกิจส่วนตัวเสร็จก็จะดูทีวี ทำการบ้าน แล้วก็เข้านอน สาเหตุนี้เองที่ทำให้หนูไม่ได้อ่านหนังสือ แถมหนูก็ทำงานกลุ่ม/งานห้องน้อยลง ส่งผลให้หนูมีปัญหากับเพื่อนด้วยค่ะ แต่เพื่อนเค้าก็เข้าใจเรานะแหละ เพราะเราทำงานหนัก คุยกันได้ (แต่มันก็ทำให้หนูเครียดนะคะ)


A: คำว่า "นักเรียน" คือ"ผู้ที่มีหน้าที่เรียนหนังสือ"

ทำไมต้อง "เรียนหนังสือ" เพราะองค์ความรู้ที่ได้จากการเรียนสะสมทีละชั้นปี จะกอปรความรู้และกระบวนการคิดให้เราใช้ในอาชีพในอนาคต

เมื่อความรู้มี ความสนใจก็จะฉายแสงออกมา ทำให้เราเลือกอาชีพได้ถูก

แต่การเลือกอาชีพก็ต้องผ่านระบบการสอบคัดเลือก

ถ้าหนูความรู้ไม่พอไปสอบ หนูก็ต้องพลาดโอกาสในชีวิตไป เพราะกฏประเพีของประเทศไทยเป็นเช่นนั้น

เมื่อเป็นเช่นนั้น  คุณครูอยากให้หนูทุ่มเทกับการเรียน แต่แบ่งเวลาสัก 20-25% มาใช้ในกิจกรรม

ในมหาวิทยาลัยมีกิจกรรมไว้รอหนูมากมายนะลูก




Q: 3.หนูไม่ค่อยมีสมาธิ มีจิตใจจดจ่ออยู่กับอะไรได้ไม่นาน คืออยู่บ้านหนูไม่มีห้องส่วนตัว เวลาทำการบ้าน อ่านหนังสือก็จะทำที่ห้องนั่งเล่น อยู่ในสายตาพ่อแม่ตลอดเวลา พ่อแม่ก็เปิดทีวีดู เวลาทำอะไรหนูก็เลยไม่มีสมาธิ วอกแวกตลอด ก็เลยกลายเป็นคนทำงานช้าไปด้วย แล้วถ้าหนูทำการบ้านเสร็จ แทนที่หนูจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน หนูกลับชอบหาอะไรที่ไร้สาระมาทำแก้เซ็ง เช่น ทำสิ่งประดิษฐ์ติ๊งต๊อง ออกแบบกล่อง ทำกล่องเล่น วาดรูป ปักครอสติช หนูใช้เวลากับของไร้สาระพวกนี้ไปมากจนเข้านอนเลย หนูก็เลยไม่อ่านหนังสือ แต่ถ้าหนูมีโอกาสอ่านหนังสือจริงๆ อ่านได้ไม่นานก็จะเบื่อ แล้วก็ดูทีวีอย่างเดียวไปเลย แม่ก็จะบ่น บางทีหนูก็ไปนอน บางทีหนูก็ออกไปอ่านที่โต๊ะกินข้าวอีกห้องนึง แต่หนูก็ยังไม่มีสมาธิอยู่ดี หูของหนูมันหาเรื่องต้องการจะฟังเสียงทีวีตลอด หรือถ้าหนูไปอ่านที่ห้องนอน อ่านไม่ถึงหน้าก็จัหลับ ตื่นมาอีกทีก็ตี 2-3 ก็จะหลับยาวจนถึงเช้าเลย



A:สมาธิ เป็นเรื่อง "ฝึกและฝืน"

ถ้าไม่เริ่มต้น ก็จะกลายเป็นคนที่รักษาและกำหนดอารมณ์ตนเองไม่ได้

การอ่านหนังสือ ต้องใช้สมาธิ และสติเพื่อจดจำสิ่งที่ไม่รู้ และบางครั้งเป็นสิ่งที่ไม่มีเหตุผลให้น่าจดจำ

ความคุ้นชินกับความสนุกจึงปฏิเสธการอ่าน

หนูลองเห็นความสำคัญและคุณค่าของการเรียนหนังสือสิลูก

แล้วหนูจะทราบว่า "การเรียนหนังสือ" ก็คือ "กุญแจขุมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่"

คุณครูเป็นคนมีสมาธิในแต่ละสิ่งเพียงสิ่งเดียว คุณครูจึงเลือกหลับในเวลาที่เขาตื่น และตื่นในเวลาที่เขาหลับกัน เพื่อควาเงียบที่ก่อให้เกิดสมาธิ

คนเรา ถ้าจะอ่านเสียอย่าง คำว่า "อุปสรรค" กลับกลายเป็น "ประโยชน์ให้เราเอาชนะค่ะ"





Q:4.หนูเป็นคนที่เบลอๆ สับปะหงกบ่อยมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนที่โรงเรียน เรียนพิเศษ เรียนติว หรือเวลาอ่านหนังสือ หนูจะมีอาการง่วงนอนแล้วก็สับปะหงกเปนประจำทั้งๆที่หนูก็ไม่ได้นอนดึก หนูหลับจนเพื่อนๆต้องปลุก อยู่บ้านแม่ก็จะหยิก ไปล้างหน้าล้างตา ตบหัวตบหน้าตัวเองก็ไม่ดีขึ้น ก็ไม่รู้จะทำยังไง การที่หนูหลับบ่อยๆ เวลาเรียนหนูก็เลยได้รับความรู้ไม่เต็มที่ บางทีก็งงๆ กลายเป็นเด็กที่ไม่ตั้งใจเรียนไป เวลาอ่านหนังสือหนูก็จะหลับ ทำให้อ่านไม่รู้เรื่อง  อ่านเพียงเพื่อให้จบๆไปเท่านั้น เพราะหนังตากับหัวสมองมันไม่ไหวจริงๆ



A: จิตที่ซึมเซาเป็นจิตที่ไม่มีพลัง นำไปใช้ประโยชน์ไม่เกิดผล

ดูหนอยากจะเป็น "ไอ้ขี้แพ้" เยแล้ว

รีบลุกขึ้นมาสร้างนิสัยของคนที่ไม่ยอมเป็น"ไอ้ขี้แพ้" ดีกว่านะคะ



Q: พอเริ่มอ่านถึงข้อนี้  หนูเป็น "ไอ้ขี้แพ้"จริงๆด้วย

เพราะไอ้ขี้แพ้จะจำนนตนเองต่อความเกียจคร้านค่ะ

ช่วยลำบาก ถ้าหนูไม่ลุกขึ้นมาพัฒนาตนเอง




Q:6.หนูทำตามเป้าหมาย ทำตามแผนที่วางไว้ไม่ได้ คือหนูพึ่งเริ่มคิดที่จะขยัน แล้วก็เขียนว่าวันนี้ต้องทำอะไรบ้าง พรุ่งนี้ต้องทำอะไรบ้าง เช่น อ่านชีวะ ทำโจทย์คณิต ทำข้อสอบ smart 1 ท่องศัพท์ แต่หนูทำได้อย่างมากแค่อย่างเดียว บางทีก็ทำไม่ได้เลยค่ะ หนูรู้สึกว่าตัวเองใช้เวลาอย่างไร้สาระมาก วันๆเอาแต่ไร้สาระ พยายามฮึดสู้ แต่มันก็ไม่มีกำลังใจ ไม่มีแรงยังไงไม่รู้

หนูอยากเรียนบัญชี มันก็ต้องเก่งคณิตกับ English แต่หนูก็ไม่เก่งซักอย่าง หนูก็เครียดมากๆ ชอบคิดมาก ควบคุมจิตใจไม่ค่อยได้ หนูพยายามจะขยันๆๆๆขยันให้มากขึ้น แต่เวลาคิดได้มันก็ทำได้แค่ 1-2วันก็ไม่ไหว คำพูด กำลังใจของเพื่อน อาจารย์ พ่อแม่ คุณครูสมศรี หรือตัวหนูเอง มันทำให้หนูฮึดสู้ได้เพียงระยะสั้นเท่านั้น หนูเปลี่ยนแปลง/พัฒนาตัวเองไม่ได้เลยค่ะ หนูเครียดมาก ชอบร้องไห้คนเดียวเป็นประจำ แล้วก็จะโทษตัวเองว่าทำไมทำไม่ได้ซักที แต่มันก็ทำไม่ได้จริงๆ หนูไม่อยากเป็น “ไอ้ขี้แพ้” หนูอยากมีอนาคตที่ดี แต่ตอนนี้หนูรู้สึกว่าหนูเป็น “ไอ้ขี้แพ้” ยังไงก็ไม่รู้ หนูท้อแท้กับชีวิตมาก คุณครูช่วยหนูทีนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ ^^

ปล.อีกอย่างคือเพื่อนๆหนูมักจะคิดว่าหนูซุ่มอ่านหนังสือ แต่จริงๆไม่ใช่เลย หนูบอกไปเพื่อนๆก็หาว่าหนูโกหก แล้วก็โกรธหนูอีก หนูไม่รู้จะอธิบายให้เพื่อนฟังยังไงค่ะ ขอความคิดเห็นหน่อยนะคะว่าจะต้องทำยังไงดี หนูไม่อยากมีปัญหากับเพื่อนเลยค่ะ

ปล2.พิมพ์มาย๊าว ยาว เหนื่อยเหมือนกัน แต่การพิมพ์ครั้งนี้มันคงคุ้ม หนูจะรอวันที่คุณครูช่วยหนูนะคะ … “รัก”





A: ทราบทุกอย่างแต่ทำไม่ได้ หนูก็คงเตรียมตัวเป็น "ไอ้ขี้แพ้"ได้แล้วลูก

เพราะไอ้ขี้แพ้จะอ้างเหตุผลไม่ให้กอปรเหตุที่จะพัฒนาตนเอง

ไอ้ขี้แพ้มักไม่ค่อยลงมือกระทำ เพราะเพลียไปกับความคิดที่คิดว่าไม่อยากทำอะไร

ทำไงได้ล่ะคะ

ถ้าหนูไม่ขยัน ล้านคำแนะนำก็ช่วยหนูไม่ได้ลูก

คงพูดได้ประโยคสุดท้ายค่ะว่า


ฤๅจักยอมเป็น  "ไอ้ขี้แพ้"  ก็ตามใจ

โตขึ้นต้องไปยืนต่อแถวต้อนรับและไหว้เพื่อนนะคะ




โชคดีนะลูก
: March 30, 2010, 10:06:40 AM
: padnarak_ene
แงๆๆๆๆ

รอมาหลายเดือนแล้ว

อยากให้คุณครูมาตอบกระทู้จังเลยค่ะ
: May 09, 2009, 02:13:23 AM
: ppoompui
อย่างยาวจริงๆด้วย
แต่พี่กลับมองว่า หนู"เจ๋ง" นะ  อย่างน้อยที่สุดหนูก็ยังรู้ตัวว่าหนูมีปัญหา และรู้ด้วยว่าปัญหาคืออะไร
เพราะพี่เคยไม่รู้ตัว สนุกกับกิจกรรม สนุกกับเพื่อนๆ พี่ๆ สุดท้ายได้ F มาประดับ transcript
แต่เป็นเกรดที่คุ้มมาก และโชคดีมากที่ได้มาตั้งแต่เทอมแรกๆของการเรียนมหาวิทยาลัย
เพราะมันทำให้พี่ปวดหัวใจแล้วก็ขยาดมาก (ทั้งที่ไม่มีใครรู้ ที่บ้านพี่ก็ไม่เคยสนใจเรื่องการเรียนของพี่อยู่แล้ว)
ฉะนั้นไม่ว่าจะทำกิจกรรมกี่ล้านอย่าง จะไม่ทิ้งเรื่องอ่านหนังสือสอบอีก

ทีนี้กลับมาที่ปัญหาของหนู

อ่านมามีหลายปัญหา แต่พี่คิดว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับหนูคือ

"หนูลืมเอาศักยภาพที่แท้จริงที่หนูมีในตัวอยู่แล้วมาใช้กับการเรียนด้วย"

ที่จริง การทำกิจกรรม ไม่ได้ง่ายไปกว่าการเรียน
ถ้าหนูทำกิจกรรมได้ดีขนาดนั้น ทำไมเรื่องเรียนให้ดีเราจะทำไม่ได้

เทคนิคง่ายๆ จากพี่
- ที่ไหนในบ้านก็อ่านหนังสือได้ อย่าตั้งเงื่อนไขกับตัวเองมาก เราจะโดนความขี้เกียจมันหลอกเอา ว่าเพราะตรงนั้นไม่ดี ตรงนี้ไม่เหมาะ แต่จริงๆ เป็นเพราะเราขี้เกียจ
  เราไม่สู้(รึป่าว) พี่เห็นด้วยเรื่องที่เงียบๆ ถ้าคุณแม่ดูทีวีมุมนี้ ย้ายไปอีกมุมเลย  ตรงไหนก็ได้  นั่งคาบันได  ดาดฟ้า  ที่ไหนที่เงียบ  ไม่ทำให้เบื่อ พี่นั่งอ่านมาหมดแล้ว
  ที่จริง การอ่านหนังสือ ก็แค่ การที่เรา ใจของเรา อยู่กับเนื้อหาในหนังสือ แค่นั้นเอง อย่าคิดมาก ไม่งั้นเราจะจำข่าวข้างถุงกล้วยแขกที่เราอ่านตอนเดินกินได้ยังไง
- ถ้าวันไหนเพลีย ทำโจทย์แทนการอ่านหนังสือ ตอนเตรียมเอ็นท์ พี่ทำกระดาษคำตอบเองเป็นร้อยแผ่นเลย ทำโจทย์แล้วกาใส่กระดาษ เวลาตรวจตรวจง่าย
  ระบุวิชาและปีของข้อสอบที่ทำ เก็บไว้เป็นสถิติ เวลาทำครั้งต่อไป เราจะอยากทำให้คะแนนสูงกว่าเดิม การทำโจทย์จะสนุกขึ้น (สำหรับพี่นะ)
- เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับว่า คนเรามีเวลาเท่ากัน ถ้าหนูทำกิจกรรมของโรงเรียนมากกว่าเพื่อน หนูก็ต้องลดเวลาของกิจกรรมอย่างอื่นให้น้อยกว่าเพื่อน
  พี่เองก็บ้ากิจกรรมไม่แพ้หนูหรอก  รับรองได้  พี่เป็นประธานรุ่นของเพื่อนเภสัช ตอนนี้ทำงานทุกวัน  เรียนโทวันเสาร์-อาทิตย์ เป็นประธานรุ่นที่เรียนโทด้วย ทำงานให้ชมรม MBA  
  แน่นอนเวลาเรามีเท่ากัน  พี่ต้องเลือกเอากิจกรรมบางอย่างออก เช่น การดูทีวี การคุยโทรศัพท์กับเพื่อนนานๆ เพื่อให้งานพี่เสร็จตามกำหนดทุกอย่าง ให้พี่ได้นอนเพียงพอและออก
  กำลังกายด้วย  หนูลองลิสต์กิจกรรมของหนูดูซํก 3 วัน แล้วเอามาวิเคราะห์ว่า อันไหนตัดออกได้ น่าจะทำให้หนูมีเวลาอ่านหนังสือมากขึั้น
- เวลาที่เราตั้งเป้าหมายว่าเราจะทำอะไร ให้ตั้งเท่าที่เราจะทำได้จริง เช่น ถ้าพรุ่งนี้เป็นวันหยุด อย่าไปตั้งว่า จะทำโจทย์เลข อ่านชีวะ ท่องศัพท์
  แต่ให้ตั้งว่า จะอ่านชีวะให้จบ 1 บท บทไหน ระบุไปเลย ระบุด้วยว่าจะอ่านกี่โมงถึงกี่โมง ช่วงแรกๆ เผื่อเวลาหน่อย พอเราทำได้บ่อยขึ้น เราจะเริ่มรู้ว่า
  จริงๆแล้วเราต้องใช้เวลากับการอ่านชีวะ 1 บท ทำโจทย์เลขย้อนหลัง 1 ปี กี่นาที แล้วจะประมานเวลาได้แม่นขึ้น แต่การต้ังเป้าสั้นๆ ชัดเจน
  จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายได้ง่ายขึ้น ทุกครั้งที่เราทำสำเร็จ เราจะมีกำลังใจและเข้มแข็งขึ้น ถ้าหนูตั้งเป้าหมายหลวมๆ เว่อร์ๆ สุดท้าย พอทำไม่ได้
  หนูจะยิ่งอ่อนแอ แล้วก็จะท้อใจ (อย่างที่เป้นอยู่) ซึ่งทั้งที่จริงๆ เราทำมันได้  เขียนแผนที่จะทำเป็นหัวข้อตัวใหญ่ๆ แปะไว้ พออ่านจบ 1 บท
  เอาปากกาฆ่าทิ้งเลยว่าทำเสร็จแล้ว (สำเร็จแล้ว) จะสะใจมาก ช่วยเสริมแรงในการทำงานของเราในข้อต่อไป
- หาอะไรก็ได้มาเตือนตัวเอง ว่าเราต้อง "สู้" เอาแบบว่า พอขี้เกียจจะลุกจากที่นั่งอ่าน แล้วสายตาสาดมาเห็นกระดาษใบนี้แล้วฮึดเลย ไม่ไปแล้ว นั่งอ่านต่อ
  เช่น ถ้าวันนี้ไม่อ่าน มีเวลาอีกชาติก็อ่านไม่จบ เอารูปคุณครูสมศรีไปแปะไว้ก็ได้ น่ากลัว เอ้ย! เป็นแรงกระตุ้นที่ดีมากๆ (ถ้าเป็นพี่ เดี๋ยวคุณครูก็จะมาตอบกระทู้หนู
  พี่จะ Cut เอาที่ครูตอบ มา Print ใส่กระดาษตัวโตๆ แล้วแปะให้ทั่วเลย)

- เวลาทุกนาทีมีค่า กระดาษศัพท์ของคุณครู พับอยู่ในกระเป๋ากระโปรงพี่ทุกวัน แค่ชั่วระยะเวลาเข้าแถวตอนเช้า หยิบมาท่อง พอเลิกแถวเราได้ 1 คำแล้ว เดินจากหน้าโรงเรียนไป
  ห้องเรียน หยิบมาดูอีก 1 คำ ได้อีกแล้ว (แต่ศัพท์คุณครูพี่ท่องได้ทีละ set นะ) พี่จะลอกศัพท์ สูตรเคมี สูตรเลข ใส่กระดาษเขียนด้วยเมจิกตัวใหญ่ๆ แผ่นนึงไม่ต้องเยอะ
  แปะไว้ข้างฝักบัว เอาไว้ดูตอนอาบน้ำ หน้ากระจกที่แปรงฟัน  บนเพดานที่พอล้มตัวนอนแล้วจะเห็น อาบน้ำเสร็จ แปรงฟันเสร็จ วิ่งออกมาลองเขียนเลย ดูซิจำได้มั้ย
  นี่แหละ จะวัดว่าเราผ่านมัน หรือ อ่านมัน หรือ ท่องมัน
- อะไรที่ต้องท่องจำ อย่าใช้อ่าน อย่านึกในใจ ให้ท่องมันด้วยการเขียน อย่างที่บอก พอเราสมาธิไม่ดี เราท่องในใจ ยังไม่ทันจบประโยค ใจเราคิดเรื่องอื่นไปแล้ว
  ทั้งที่เรายังท่องมันออกมาไม่หมด แต่เราคิดว่าเราจำมันได้แล้ว เพราะฉะนั้น เขียนๆๆๆ

ยาวเหยียดกว่าคำถามอีก แต่พี่ก็ขุดเอาเทคนิคที่พี่ (ซึ่งมีพฤติกรรมคล้ายหนู) ใช้แล้ว work มาแบ่งปันกัน
หวังว่าจะมีประโยชน์กับหนูบ้างนะ

อย่าลืม!! อย่าให้ตัวเองโดนหลอก (ปิศาจตัวร้ายจะชอบมากระซิบเราว่า "นอนเถอะวันนี้เหนื่อยมากแล้ว" "ไม่ต้องรีบอ่านหรอก พรุ่งนี้ค่อยอ่านก็ทัน เพื่อนก็ยังไม่ได้อ่าน")
            ถ้าเราเชื่อ เราก็โดนหลอก หลอกให้ขี้เกียจ หลอกให้อ่อนแอ ฉะนั้น เราต้องบอกตัวเองเยอะๆ ว่าเราทำได้ เราทนไหว เราไม่ได้เป็นขี้แพ้  
            ถ้าเราเอาชนะมันได้ในครั้งแรก  ครั้งต่อไปเราจะชนะมันง่ายขึ้น แล้วมันจะไม่มากระซิบข้างหูเราอีกเลย เพราะมันรู้ว่ายังไม่เราก็จะอ่านให้จบ ทำให้ได้อย่างที่ตั้งใจ


สู้ๆ นะ พี่รู้ว่าหนูทำได้
: May 08, 2009, 11:45:27 PM
: Unidentified Girl
มีผลแน่นอนค่ะ  เพราะมันมีคาเฟอีน
: May 08, 2009, 11:33:19 PM
: padnarak_ene
*ลิโพค่ะลิโพ พิมผิด อิอิ ^^
: May 08, 2009, 11:31:50 PM
: padnarak_ene
เพื่อนเคยแนะนำว่า กินลิโดแล้วจะหายง่วง หนูก็ลองกินดู ก็หายง่วงจริงๆค่ะ
กินไป 3-4 วัน แม่รู้ก็ไม่ให้กินเพราะมันมีคาเฟอีนเยอะ หนูก็เลิกกิน มันก็ง่วงเหมือนเดิม หลับตลอด
จะกินต่อดีมั้ยคะ แล้วมันมีผลเสียกับร่างกายเรารึป่าว สับสนในชีวิต ><"
: May 08, 2009, 09:40:36 AM
: Dorapear
สู้ๆนะคะ^^
: May 07, 2009, 10:36:41 PM
: padnarak_ene
ขอบคุณสำหรับคำตอบ คำแนะนำ แล้วก็กำลังใจของทุกคนนะคะ

อีกอย่างที่จะบอกคือว่า ...
หนูอ่านหนังสือในที่ๆไม่เงียบไม่ได้เลยค่ะ เปิดเพลงฟังก็จะไม่รู้เรื่องทันที หรือได้ยินเสียงอะไรเข้ามาก็ไม่รู้เรื่อง
หนูฝึกสมาธิแล้วเหมือนกันนะคะ ไปเข้าค่ายพุทธธรรมมาแล้วด้วย
แต่ยังแก้ปัญหานี้ไม่ได้เลยอ่ะค่ะ
บางทีก็จะมีเรื่องเครียดๆเข้ามาอยู่ในหัวสมองตลอด ทำให้อ่านหนังสือไม่ได้เลย    เศร้า T_T
ปล.หนูก็ชอบเล่นกีฬา เล่นดนตรี วาดรูป มันก็น่าจะมีสมาธินี่นา งงตัวเอง ><
: May 07, 2009, 09:05:41 PM
: Ja-Ja (Sailom) ^^
ต๊าย...ตาย จ๋าตอบเยอะจังเลย เห็นเเล้วยังมึนเองเลย
: May 07, 2009, 08:52:34 PM
: Bloody Jewel
^

เง้อ
ตาลายมาก
วันนี้เล่นคอมมาเกือบทั้งวันแล้ว

อิอิ
ไว้พรุ่งงนี้มาอ่าน

เอาเป็นว่า
ยังไงก็สู้ๆน้ะ

อิอิ
: May 07, 2009, 08:29:42 PM
: Ja-Ja (Sailom) ^^
555+++ ขอโทษนะคะที่เสียมารยาทคิดว่าอ่านประวัติตัวเองซะอีกค่ะ

1.งานที่โรงเรียนเยอะมากๆ

***จ๋าเองก็ถูกคุณแม่ดุเอาบ่อย ๆ เพราะมัวหักโหมกับงาน ชนิดที่ว่าบ้างานมาก (ที่ไม่ใช่การบ้าน)
งานกลุ่ม/งานเดี่ยว/งานห้อง/งานที่ศูนย์ฝึก/งานค่าย/กิจกรรมสารพัดทั้งของชุมชน+โรงเรียน
ใคร ๆ ก็บอกว่าจ๋ารักงานมากกว่าครอบครัว (แต่พอได้ยินแบบนี้จ๋าเลยตัดสินใจถอยหลัง 1 ก้าว ยังไงครอบครัวก็ต้องสำคัญกว่างาน) ช่วงที่ยังบ้างานอยู่ ตอนนั้นก็อ่านหนังสือนะคะ เพราะถ้าคิดจะอ่านยังไงก็หาเวลาอ่านได้ คนที่รักและหลงใหลในการอ่านหนังสือจะสามารถหาเวลาอ่านได้ทุกสถานการณ์ค่ะ ต่อไปถ้าไม่อยากเป็นไอ้ขี้แพ้ก็ต้องทำใจให้รักการอ่านนะคะ การอ่านไม่จำเป็นต้องอ่านที่บ้าน หรือโรงเรียน คนที่ขยันจริง ๆ แม้เป็นสถานการณ์ที่วุ่นวายอย่างในรถเมล์เค้าก็สามารถอ่านและเข้าใจได้ค่ะ

2.หนูเป็นเด็กกิจกรรม

***เหมือนกันคะ ทำเยอะ แต่ไม่อยู่ถึง 2-3 ทุ่มบ่อยนัก มีบ้างบางครั้ง 4 ทุ่มครึ่ง คุณต้องแบ่งเวลาให้ดีนะคะ กิจกรรมทำแล้วได้ประสบการณ์ แต่ไม่ควรทำคนเดียว หรือบ้างานมากไปจนทิ้งอนาคตนะคะ ต้องรู้จักแบ่งงาน แบ่งเวลาให้ถูก เวลาไหนควรอ่านหนังสือ เวลาไหนควรทำกิจกรรม แล้วที่สำคัญ เวลาพักผ่อนค่ะ สำคัญที่สุด ถ้าเราโหมงานมากเกินไปก็เหมือนกับแบตเตอรี่มือถือ ถ้าใช้งานแบบพอเหมาะ คุยบ้างไม่นาน แบต ฯ มันก็ใช้ได้นานตามอายุการใช้งาน แต่ถ้าใช้คุยนานมาก บ่อยมาก แบต ฯ มันก็เสื่อมไว  อย่าทำตัวเป็นแบต ฯ ที่ถูกใช้งานจนหนักเลยค่ะ เพราะถ้าถึงเวลาสำคัญจริงร่างกายเรามันจะไม่ไหว แล้วเราอาจเสียใจภายหลัง

***********สำคัญมาก ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดว่าคนอื่นทำได้ดีไม่เท่าคุณ เลิกนะคะ เชื่อใจเค้าเถอะค่ะ ในการทำงานเราไม่สามารถทำงานคนเดียวได้ทุกอย่าง เราต้องเชื่อใจคนอื่นนะคะ ต้องแบ่งงานให้คนอื่นทำบ้าง ตอนแรก เค้าอาจทำได้ไม่ถูกใจเรา เราก็อย่าต่อว่าเค้า เพราะเค้าก็ต้องการประสบการณ์เหมือนกัน เราเองตอนแรก ๆ ก็ใช่ว่าจะทำได้สวยถูกในคนที่ผ่านงานมามาก แต่เป็นเพราะเราได้รับโอกาสให้ทำบ่อย ๆ จากด้อยประสบการณ์เลยกลายเป็นเก่งในที่สุด
3.หนูไม่ค่อยมีสมาธิ มีจิตใจจดจ่ออยู่กับอะไรได้ไม่นาน

***ตอนนี้บ้านเราก็หาความเป็นส่วนตัวแทบไม่ได้เหมือนกัน แม้จะมีห้องเป็นของตัวเองก็เถอะ นอกจากเสียงทีวีที่คุณพ่อคุณแม่เปิดกลั่นแกล้งเราโดยที่ท่านไม่ได้ตั้งใจแล้ว เรายังต้องทนฟังเสียงเพลงจากบ้านข้าง ๆ ที่เปิดดังมาก เพื่อไปยันท้ายซอยกลัวคนอื่นไม่รู้ว่าอยู่บ้าน ยังไม่หมดนะคะ ตรงข้ามบ้านเรามีโรงงานมาตั้งอยู่เกือบปีแล้วล่ะค่ะ ทำงานดึกดื่นเที่ยงคืน โป๊ก ๆ เป๊ก ๆ โครมครามทั้งวันทั้งคืน หนวกหูน่ารำคาญมาก จ๋าก็ไม่รู้ว่าจะแนะนำทางออกยังไงดีนอกจากทำใจค่ะ อยู่กับมันนาน ๆ น่าจะช่วยให้เรามีสมาธินะคะ บังคับใจตัวเองให้ได้ค่ะ ใจเราเป็นของเรา ถ้าอยากเก่ง อยากทดแทนเหงื่อคุณพ่อคุณแม่ แค่ตั้งใจอ่านแค่นี้ต้องทำได้อยู่แล้วค่ะ นึกถึงความเหนื่อยของคุณพ่อคุณแม่ แล้วก็กำลังใจจากชาวบอร์ด รอยยิ้มของคุณครูสุดสวย ทุกอย่างน่าจะดีขึ้นนะคะ
4.หนูเป็นคนที่เบลอๆ สัปหงกบ่อยมากๆ

***อาจตอบไม่ค่อยตรงนะคะ แต่คิดว่าอาการสัปปะหงกน่าจะหายไปเมื่อได้ทำในสิ่งที่สนุกใช่มั๊ยคะ
ถ้าใช่ก็ลองเปลี่ยนการเรียนให้สนุกดูสิค่ะ ไม่ยากหรอกค่ะ ลองเรียนก่อนครูสอนสิคะ ถ้าเรียนก่อนครูสอน พอเราเรียนกับครูจริง ๆ เราจะรู้สึกสนุก แล้วก็อยากเรียนมากขึ้น ตอบคำถามได้มากขึ้น ถ้าเป็นแบบนี้เราก็จะมีกำลังใจเรียน ตั้งใจฟังครูว่าครูจะถามอะไร แล้วจ้องจะตอบ (จ๋าเป็นแบบนี้น่ะค่ะ บางทีก็ถามอะไรแปลก ๆ ที่ครูงงไปเลย) มันน่าจะช่วยให้เราไม่เบื่อแล้วก็ไม่สัปปะหงกได้นะคะ ลองดูนะคะ
*************พอก่อนนะเดี๋ยวมาตอบใหม่ค่ะ...ตาลาย (สายลม)
: May 07, 2009, 05:16:15 PM
: RaBBiT
เจอปัญหาคล้ายๆกันเลย

เฮ้อ  Y_Y
: May 07, 2009, 04:37:43 PM
: &(%$%#$)(*&^%$^&*(* [ME]
5555+
Sorry, the copyright must be in the template.
Please notify this forum's administrator that this site is missing the copyright message for SMF so they can rectify the situation. Display of copyright is a legal requirement. For more information on this please visit the Simple Machines website.