Kru Somsri's English School

July 12, 2025, 05:02:07 AM

:    
191147 46430 16666
: IconicTuh
*
+  Kru Somsri's English School
|-+  ห้องสนทนาของโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษคุณครูสมศรี
| |-+  คุยกับคุณครูสมศรี
| | |-+  ( เอาบทความมาให้อ่านครับ แก้เครียดกันนิดนึง มิได้มีเจตนาร้ายนะครับ ลองก็ได้ อิอิ )
:
:
:
:
||||
||||
+




: March 10, 2009, 03:03:04 PM
: คุณผู้หญิงแห่งแสงสูรย์
ขอบคุณเจ้าค่ะหนูจิน

แต่ป้าไม่ไหวแล้ว

ต้องปริ้น ออกมาอ่าน

สายตาไม่ค่อยดีบ้างอะไรบ้างนะจ๊ะ

^0^
: March 10, 2009, 02:33:40 PM
: NUC *
โหวว ๆ ๆ ๆ


น่ากลัว  ๆ
: March 08, 2009, 05:25:56 PM
: chanter toute le temp
5555 ที่เขียนมาคนเขียนกล้าทำอ๊ะป่าวเหอะๆ ข้อที่เขียนว่าได้ยินเสียงดนตรีไทยอ๊ะ อันนี้ไม่เคย เคยแต่นั่งดีดจะเข้ที่บ้านเร๊วได้ยินเสียง
ฉิ่ง อ๊ะอันนี้เรื่องจิง หูไม่ฝาดด้วยเพราะได้ยินหลายครั้งแล้วน่ากัวได้อีกอ๊ะ
: March 08, 2009, 02:10:39 PM
: NaaPaaat
โอยยย

เยอะจัง
: March 08, 2009, 01:26:23 PM
: NUC *
เมื่อคืนนอน ไม่หลับบ


TT^TT ทรมานเหลือเกิน ...
: May 01, 2008, 12:33:14 AM
: FriEnDs
ตี1ให้อ่านของแบบนี้หรอคร๊าบ แย่แล้วๆT_T
: April 30, 2008, 11:50:51 PM
: Fatal Frame
เอ้า มาท้องแข็งกันต่อคร้าบ

อ่านกี่รอบก็ฮา

อาจจะหยาบไปนิสนึงนะครับ

http://bbs.pramool.com/webboard/view.php3?katoo=C51441&page=1

ปล.อ่านทุกเรปแล้วจะรู้ว่า มุข ง่าย ๆ ก็ขำได้ 5555+
: April 27, 2008, 08:38:19 PM
: lB a d t z_m a r u
เอาดี ๆ ละครับ

วิธีชนะความเครียด

วิธีจัดการกับความเครียดที่มาซึ่งๆ หน้า หลบไปไหนก็ไม่ได้ ทำอย่างไรดี?
คุณอาจทดลองทำ 3 ข้อ คือ

1) สติ --- ต้องมีตลอด รู้ตัวว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นกับคุณ สติต้องอยู่กับตัว
ใจมันเต้นแรง มันร้อนไปหมด หรือยังไงก็ให้รู้ ถ้าคุณรู้ว่ามันเป็นอย่างไร
นั่นแสดงว่าคุณมีสติล่ะ --- สติเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในยามที่คุณเครียด

2) หยุด-ฟัง-พิจารณา --- หยุดพูด หยุดโต้แย้ง หยุดกระวนกระวาย
ใจเย็น ๆ ตั้งใจฟังและดูให้ดี --- สักครู่คุณจะคิดได้เองว่าวิธีไหนจะดีที่สุด
สำหรับตอนนี้ --- เลือกวิธีที่ดีที่ไม่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายไปกว่านี้ แล้วก็
ไม่เดือดร้อนตัวคุณ หรือใคร --- อารมณ์เป็นศัตรูตัวร้ายที่สุดใน
ยามที่คุณเครียด

3) หน้าที่ --- ทำหน้าที่ของคุณต่อไป มีงานอะไรต้องทำ ทำต่อเลย อย่าปล่อยเวลา ไปกับความเศร้าซึม
โกรธแค้น ฯลฯ เช่น ถึงเวลานอนก็นอน เวลากินก็กิน
หรือเดิมวางแผนจะต้องทำอะไรก็ทำ อย่าให้ความเครียดมาครอบงำคุณนาน

Credit : ท่าน AddWassana จาก http://www.palungjit.com


ขอบคุณเน้อออ  จินนนน   

ต้องเอาไปลองทำแว้วว
: April 27, 2008, 08:34:00 PM
: Fatal Frame
อันนี้ก็คงจะเกี่ยวกับแม่ครับ

แม่ผู้เสียสละ

ในวันสุดท้ายก่อนวันคริสต์มาส ฉันรีบไปยังซุปเปอร์มาร์เก็ต

เพื่อซื้อของขวั?ที่ฉันไม่ได้ซื้อไว้แต่เนิ่นๆ

เมื่อฉันเห็นผู้คนทั้งหมดที่นั่น ฉันก็เริ่มบ่นกับตัวเอง

ฉันคงต้องเสียเวลาเป็นชาติที่นี่แน่ๆ ฉันควรไปที่อื่นดีกว่า

คริสต์มาสนี่ทำให้รู้สึกแออัดและน่ารำคาญ?ขึ้นทุกๆปีจริงๆ

สิ่งที่ฉันอยากจะทำคือเอนตัวลงนอนแล้วก็หลับไปและตื่นขึ้นมาเมื่อเวลานี้ผ่านพ้นไปแล้วจริงๆ

แต่ถึงยังไงฉันก็ยังไปที่แผนกของเล่น

และฉันก็เริ่มหัวเสียเกี่ยวกับราคาของมันและแปลกใจว่า

เด็กๆเนี่ยเล่นของเล่นที่แพงขนาดนี้เชียวหรือ

ขณะที่กำลังเดินดูของอยู่ในแผนกของเล่นนั้น

ฉันสังเกตเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนหนึ่ง อายุประมาณ 5 ขวบ กำลังอุ้มตุ๊กตาไว้แนบกับอก เขาค่อยๆลูบผมของตุ๊กตานั้นและมองดูอย่างเศร้าสร้อย

ฉันสงสัยว่าเด็กผู้ชายคนนี้จะเอาตุ๊กตาไปให้ใครกัน

เด็กผู้ชายคนนั้นหันไปหาห?ญิงชราที่อยู่ข้างๆ

'คุณย่าแน่ใจหรือฮะว่าเงินของผมมีไม่พอ'

ห?ญิงชราตอบว่า 'หลานก็รู้นี่ว่าหลานมีเงินไม่พอที่จะซื้อตุ๊กตาตัวนี้หรอก'

หลังจากนั้นห?ญิงชราก็บอกให้เขารออยู่ตรงนั้นประมาณ 5 นาทีระหว่างที่เธอจะไปเดินดูรอบๆ

แล้วเธอก็จากไปอย่างรวดเร็ว เด็กชายยังคงอุ้มตุ๊กตาอยู่ในมือ

ในที่สุดฉันก็เริ่มเดินเข้าไปหาเขา

ฉันถามเค้าว่าเค้าจะเอาตุ๊กตาตัวนั้นไปให้ใคร

มันเป็นตุ๊กตาที่น้องสาวของผมชอบที่สุดฮะ

และเธอก็อยากจะได้มันมากเป็นของขวั?ญวันคริสต์มาส

เธอมั่นใจมากว่าซานตาคลอสจะให้ตุ๊กตาตัวนี้แก่เธอ'

ฉันบอกเค้าว่า ซานตาคลอสจะให้ตุ๊กตานี้แก่น้องสาวของเขาแน่ๆ

และก็ไม่ต้องกังวลหรอก

(มาถึงตรงนี้ นึกหละสิครับว่า เรื่องนี้ จะเหมือนกับเรื่องปกติทั่วๆไปที่คุณเคยอ่าน เดาผิดแล้วหละครับ ลองอ่านต่อสิครับ...)

แต่เขาตอบฉันด้วยท่าทางเศร้าสลดว่า

'ไม่หรอกฮะ ซานตาคลอสไม่สามารถเอาตุ๊กตานี้ไปให้เธอในที่ๆเธออยู่ตอนนี้ได้

ผมจะเอาตุ๊กตาตัวนี้ไปให้แม่

แม่จะได้เอาตุ๊กตานี้ไปให้เธอเมื่อแม่ไปที่นั่น'

ดวงตาของเขาเศร้ามากขณะที่เขาพูดต่อไป

'น้องสาวของผมไปอยู่บนสวรรค์

พ่อบอกว่าแม่ก็จะไปเหมือนกันในเร็วๆนี้

ผมก็เลยคิดว่าแม่น่าจะเอามันไปให้น้องสาวของผมได้'

หัวใจของฉันเกือบจะหยุดเต้น เด็กชายเงยหน้ามองฉันแล้วพูดว่า

'ผมบอกพ่อให้บอกแม่ว่าอย่าพึ่งไปให้รอผมจนกว่าผมจะกลับจากซุปเปอร์มาร์เก็ตฮะ'

แล้วเขาก็หยิบรูปที่น่ารักมากของเขาซึ่งกำลังหัวเราะให้ฉันดู แล้วก็บอกว่า

'ผมอยากให้แม่เอารูปนี้ไปด้วยฮะเธอจะได้ไม่ลืมผม

ผมรักแม่ฮะและผมก็หวังว่าเธอจะไม่ต้องจากผมไป

แต่พ่อบอกว่าเธอต้องไปอยู่กับน้องสาวของผม'

แล้วเขาก็จ้องมองตุ๊กตาอีกครั้งอย่างอาลัย

ฉันรีบคว้ากระเป๋าตังออกมาอย่างรวดเร็ว

หยิบธนบัตรออกมา 2-3ใบ แล้วพูดว่า 'ทำไมเราไม่ลองตรวจดูอีกที เผื่อว่าเราจะมีเงินพอ'

'ตกลงฮะ' เขาพูด 'ผมหวังว่าผมจะมีเงินพอนะฮะ'

ฉันแอบใส่เงินของฉันลงในกระเป๋าตังของเขาโดยไม่ให้เขาเห็นแล้วเขาก็เริ่มนับมัน

มันไม่ได้มีเงินแค่พอซื้อตุ๊กตาเท่านั้น แต่ยังเหลืออีกด้วย เด็กชายพูด

'ขอบคุณพระเจ้าที่ประทานเงินให้ผมฮะ' เขามองฉัน แล้วพูดเสริมว่า

'ผมอธิษฐานกับพระเจ้าก่อนนอนเมื่อวานฮะ

ว่าขอให้ผมมีเงินพอที่จะซื้อตุ๊กตาตัวนี้เพื่อแม่จะได้เอาไปให้น้องสาวของผมฮะ แล้วพระองค์ก็ได้ยิน

ความจริงผมอยากได้เงินที่จะซื้อกุหลาบสีขาวให้แม่ด้วยฮะ แต่ผมไม่กล้าขอมากเกินไป

แต่พระองค์ก็ให้เงินผมมากพอที่จะซื้อทั้งตุ๊กตาและกุหลาบ

แม่ของผมชอบกุหลาบขาวฮะ'

2-3 นาทีต่อมา ห?ญิงชราก็กลับมา

ฉันเดินออกมากับรถเข็นของฉัน(รถเข็นที่ใช้ในซุปเปอร์มาร์เก็ตอะ)

ฉันซื้อของจนเสร็จด้วยความรู้สึกที่ต่างจากตอนมาโดยสิ้นเชิง

ฉันไม่สามารถเอาภาพของเด็กชายคนนั้นออกจากจิตใจฉันได้

หลังจากนั้นฉันก็จำข่าวที่อยู่ในหนังสือพิมพ์เมื่อ 2 วันก่อนได้

มันบอกว่าคนขับรถบรรทุกที่เมาเหล้าคนหนึ่งขับรถชนรถอีกคันหนึ่งที่มีห?ญิงสาวคนหนึ่งกับเด็กห?ิงตัวเล็กๆในรถ

เด็กห?ญิงคนนั้นเสียชีวิตทันที แต่แม่ของเธออยู่ในขั้นบาดเจ็บสาหัส

ครอบครัวของพวกเขาต้องตัดสินใจว่าจะดึงปลั๊กเครื่องช่วยหายใจดีหรือไม่

เพราะถึงยังไงเธอก็ไม่สามารถดีขึ้นไปกว่าขั้นโคม่าได้

ครอบครัวนี้จะเป็นของเด็กชายคนนั้นรึเปล่านะ

2 วันหลังจากได้พบกับเด็กชายคนนั้น

ฉันอ่านเจอในหนังสือพิมพ์ว่า ห?ญิงสาวคนนั้นได้เสียชีวิตแล้ว

ฉันไม่สามารถหยุดตัวเองไว้ได้ที่จะไปซื้อกุหลาบช่อหนึ่ง แล้วไปที่ Mortuary

ซึ่งร่างของห?ญิงคนนั้นได้ถูกเปิดให้คนได้ดูและอธิษฐานเป็นครั้งสุดท้ายก่อนฝัง

เธออยู่ในนั้น

ในโลงศพของเธอในมือมีดอกกุหลาบสีขาวดอกหนึ่งกับรูปถ่ายของเด็กชายคนนั้น

และมีตุ๊กตาวางอยู่บนหน้าอก

ฉันออกไปข้างนอกทั้งน้ำตารู้สึกว่าชีวิตของฉันได้เปลี่ยนไปตลอดกาล

ความรักที่เด็กผู้ชายคนนี้มีให้แม่และน้องสาวของเขานั้นจะยังคงอยู่ยืนยาวสุดแก่การจินตนาการ

เคบิต
Forward Mail

แต่เพียงแค่เศษเสี้ยววินาทีเท่านั้น

คนดื่มเหล้าคนหนึ่งก็ได้พรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเค้า
: April 27, 2008, 04:51:18 PM
: H i t a c h i 4520
น่าลองทำมั่ง นะ วิธีแก้แค้น ผี เดี๋ยว ทำมั่ง...

พอดีเป็นพวก ชอบลองของ เอิ๊กๆ
: April 27, 2008, 01:41:31 PM
: Fatal Frame
ขอสาระบ้างนะครับบบ

บันได 5 ขั้น สู่ชีวิตที่มีความสุข

 เคยมองว่าตัวเองด้อยค่ากันบ้างไหม เคยคิดว่าตัวเองโชคร้ายสุดๆ กันบ้างหรือเปล่า แล้วเคยรู้สึกทุกข์ทุกครั้งไหมที่คิดและมองตัวเองแบบนั้น หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่มักรู้สึกแย่ๆ กับหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างที่เข้ามาในชีวิต เป็นเพียงเพราะคุณมองคนที่สูงกว่ามากไปหรือเปล่า ละโมบโลภมากไปไหม การเอาตนเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น บางครั้งมันทำให้เราเกิดความทะเยอทะยานก็จริง แต่บางทีมันก็ทำให้เรารู้สึกแย่ๆ ได้ หากสิ่งที่ฝันไว้มันไกลความจริงนัก (ว่ามั้ย) สู้มาทำวันนี้ให้มีความสุขที่สุดกันดีกว่า "บันได 5 ขั้น สู่ชีวิตที่มีความสุข" จะทำให้คุณได้พบความสุขในตัวเองอย่างแท้จริง... ลองอ่านดูนะคะ

บันไดขั้นที่ 1 มองตัวเองว่าดีและมีค่าทุกวัน
ในแต่ละวันให้นึกถึงความดีและความโชคดีของตนเอง เริ่มต้นด้วยการตื่นนอนตอนเช้า ให้ยิ้มกับตัวเองและนึกว่าโชคดีที่ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว ให้นึกถึงความดีของตนเองที่เคยทำมาแล้วในอดีต (ที่สามารถนึกได้ง่ายๆ) เช่น เคยทำบุญ เคยช่วยคนที่อ่อนแอกว่า เคยสงเคราะห์สัตว์ ฯลฯ คิดว่าตัวเองดีและมีคุณค่าที่ได้เคยทำสิ่งดีๆ และให้นึกซ้ำๆ จะได้เกิดความเชื่อตามที่นึกนั้น คุณก็จะเกิดความอิ่มเอิบใจและเชื่อว่าตัวเองมีความดี ความเก่ง ตามความเป็นจริงในขณะนั้นด้วย คุณจะเกิดความอยากมีชีวิตอยู่ และสร้างสิ่งที่ดีๆ ให้กับชีวิตต่อไป และต้องอวยพรตัวเองเสมอๆ อย่าแช่งหรือตำหนิตัวเอง และอย่ารอให้คนอื่นมาชื่นชมคุณซึ่งมักจะไม่ได้ดั่งใจหรือได้มาก็ไม่สมใจ

บันไดขั้นที่ 2 มองคนอื่นดี มองโลกในแง่ดี
ขั้นนี้คุณจะต้องมองว่าทุกๆ คน มีขีดจำกัดของความสามารถ ความดี ความเก่งกันทุกคน ตามความเป็นจริงของเขาซึ่งไม่เท่ากัน และไม่เหมือนกันเลย ส่วนความไม่ดีหรือไม่เก่งของเขา (ซึ่งมีกันทุกคน) ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขาไป ให้มองเฉพาะส่วนที่ดีของเขาเท่านั้น ถ้าคุณทำได้เช่นนี้ คุณก็จะเป็นคนที่มองอนาคตและชีวิตดี มีความหวังที่ดีในชีวิตตลอดเวลา สองสิ่งนี้ถ้าคุณทำเป็นนิสัยคุณจะพบว่าโลกนี้มีสิ่งที่ดีๆ และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคต่างๆ และท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นสุขนิยมทั้งชีวิต

บันไดขั้นที่ 3 ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
คือการอยู่กับปัจจุบัน ทำกิจกรรมในวันนี้และเวลานี้ให้ดีที่สุด ทำได้แค่ไหนเอาแค่นั้น ไม่ทุกข์ร้อน หรือคาดหวังกับผลลัพธ์ของมัน ไม่ว่าจะสมใจหรือไม่สมใจก็ตาม จงชื่นชมในความตั้งใจ ทำเต็มความสามารถของตนเอง และคิดต่อว่าในอนาคตจะต้องทำให้ดีกว่านี้ นอกจากนั้น คุณต้องเลิกจดจำหรือนึกถึงเรื่องที่ไม่ดีที่เกิดกับคุณในอดีต เพราะการจดจำเรื่องราวที่ไม่ดีในอดีตเท่ากับคุณไปสะกิดแผลในใจ และจะทำให้คุณเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น จนส่งผลให้ปัจจุบันคุณไม่มีความสุข และกลัวว่าอนาคตจะเกิดสิ่งที่ไม่ดีซ้ำๆ อีก

บันไดขั้นที่ 4 มีความหวังและเชื่อว่าอนาคตจะดีเสมอ
ความหวัง ความเชื่อ เกิดจากความคิดถึงบ่อยๆ หรือได้ยินบ่อยๆ จงนึกและบอกกับตัวเองเสมอว่า อนาคตจะดีขึ้นอีกเรื่อยๆ จะส่งผลให้เกิดกำลังใจมากขึ้น อยากพบเห็นสิ่งต่างๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตโดยไม่กลัว มีอารมณ์ขัน และไม่จริงจังกับชีวิตมากนัก แต่จะมีความหวังที่ดีๆ อยู่เสมอ แต่อย่ามีความคาดหวังกับชีวิตมากเกินไป เพราะถ้าคาดหวังกับชีวิต เรามักจะกลัวหรือกังวลว่าจะไม่ได้ผลลัพธ์ดังความคาดหวัง หรือเมื่อได้มาแล้วก็มักไม่พอใจ จึงอาจทำให้เกิดทุกข์ได้

บันไดขั้นที่ 5 ปรับปรุงตัวเองเสมอ โดยปรับปรุง 4 ส่วนที่มีความสำคัญต่อชีวิต คือ

1. การงาน ให้มีความขยัน อดทน หมั่นหาความรู้ใส่ตัว และกล้าลงมือปฏิบัติในสิ่งที่ควรทำ จะทำให้มีการลงมือทำสิ่งใหม่ๆ ในชีวิตได้เรื่อยๆ และปรากฏเป็นผลงานที่ชัดเจน

2. ครอบครัวจะต้องยึดหลักที่เป็นมงคลต่อกันคือ ไม่อิจฉา ไม่ระแวง ไม่แข่งขัน ไม่นอกใจ รู้จักการให้และการอภัย มีน้ำใจ และรู้จักเกรงใจกัน

3. สังคมหมั่นสร้างมิตรเสมอ มีการให้ความสำคัญกัน ให้ความช่วยเหลือแบ่งปันซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะคนที่มีโอกาสทางสังคมที่ด้อยกว่าเรา รวมทั้งการพูดจากันแบบปิยวาจา

4. ตัวเอง ต้องมีการพัฒนาตนเองเสมอ มีความภูมิใจตนเองตามความเป็นจริง สามารถให้กำลังใจตัวเองได้ และมีกำลังใจที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทางที่ดีขึ้น

โดยปกติแล้วคนเรามักคิดจะเปลี่ยนแปลงโลก เปลี่ยนแปลงสังคมและคนอื่นอยู่เสมอ แต่มีน้อยนักที่คิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง อย่างที่ลีโอ ตอลสตอย กล่าวไว้

ความคิดนั้นมีอิทธิพลมาก ถ้าคุณคิดแต่สิ่งที่ดีๆ อยู่เสมอ คุณก็มักจะเจอแต่สิ่งที่ดี แต่ถ้าคุณมองโลกในแง่ร้ายคุณเองก็มักจะไม่มีความสุข เพราะจะร้อนรุ่มไม่ได้อย่างใจ กลายเป็นคนขุ่นมัวอยู่ตลอดเวลา ทำตัวให้เหมือนน้ำเย็นที่ใครๆ ก็อยากอยู่ใกล้ อยากดื่มกิน นับแต่นี้ไปเปลี่ยนมาคิดอะไรในแง่ดีกันเถอะชีวิตจะได้มีความสุขกันมากขึ้น

----------------------------------------------

เย้เย่ สู้ๆ เราก็มีความสุขได้ โดยเริ่มจากตัวเราก่อนนะ
ที่มาค่ะ http://hilight.kapook.com/view/23105
: April 27, 2008, 01:41:08 PM
: อุซางิจัง..CUD44
5555555555++

ระวังเหอะเรื่องพวกนี้มีจริง
: April 27, 2008, 01:39:31 PM
: Fatal Frame
ชอบอันแรกอ่ะฮา555+

สุดยอดอะครับ คนคิดมันอยากตายยยย

ถ้ามันยังไม่ตาย แสดงว่ามันก็ต้องเย้ยนรกอ่าครับ อิอิ
: April 27, 2008, 01:17:44 PM
: อุซางิจัง..CUD44
ชอบอันแรกอ่ะฮา555+
: April 27, 2008, 12:10:13 AM
: Fatal Frame
เอ้า ผมเจออีกเรื่องแล้วครับ ขำ ๆ

ใครฆ่า




กรุณาอ่านทุกบรรทัดนะ..

----------------------------
คืนนั้นเป็นคืนที่เงียบสงบและเปล่าเปลี่ยว
----------------------------
เขากำลังวางหูโทรศัพท์ ขณะที่ผมเดินเข้าไปหาเขา เขาชวนให้
----------------------------
ผมนั่งกินเหล้ากับเขา เราคุยกันเรื่อง
----------------------------
ตลกขบขัน บางทีก็เรื่องของเพื่อนฝูง รวมทั้งเรื่อง
----------------------------
สัพเพเหระมากมาย เราดื่มกันแก้วแล้วแก้วเล่า เรื่องราว
----------------------------
ที่เขาเล่า ทำให้ผมนึกถึงสมัยเด็กๆ เสียงหัวเราะ
----------------------------
เริ่มพร่างพรูออกมา เรื่องเก่าๆ ที่ผมเคย
----------------------------
ทำสิ่งต่างๆ ร่วมกับเขามา เขายังพูดถึงเรื่องเพื่อนที่เคย
----------------------------
ชกต่อยกับเขาสมัยเด็กๆ แล้วคนรักเก่าของผม
----------------------------
ก็เข้ามาห้าม และบอกให้เพื่อนคนนั้นคืนหนังสือ
----------------------------
ที่เขาเป็นคนแย่งชิงไป เขาเป็นเพื่อนที่ผมรักมาก
----------------------------
เพื่อนอีกคนนั้นทำธุรกิจร่วมกับเขา
----------------------------
แต่ในขณะเดียวกันก็เกลียดเขามาก เป็นเพื่อนที่ทำเลว
----------------------------
เลวกับเขาหลายครั้ง แต่เขาก็ใส่ใจ เขาให้ข้อคิด
----------------------------
กับผมหลายเรื่อง เมื่อเห็นว่าดึกแล้ว ผมก็เดินไปส่งเขาที่รถ
----------------------------
เขาบอกผมว่า ไม่ต้องเป็นห่วงว่าเขาจะเมา แต่ผมไม่สบายใจ
----------------------------
ผมมองจนเขาขับรถออกไป แล้วผมจึงค่อยขับตาม
----------------------------
แต่เขาขับเร็วมาก จนตลาดสายตาผมไป ผมร้อนใจมาก
----------------------------
จนถึงที่เปลี่ยวแห่งหนึ่ง หัวใจผมเต้นรัว ผมหยุดรถที่มุมตึก
----------------------------
กำลังจะเดินเข้าไปหาเขาที่รถ ผมคิดว่าเขาคงจะเมามาก
แต่ภาพที่ผมเห็น มีผู้ชาย
----------------------------
ดึงและกระชากเขาออกมาจากรถ ฟาดเขาด้วยไม้ท่อนโต
----------------------------
ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ปากก็พร่ำแต่ตะโกนด่า
----------------------------
แก้แค้น !! แกมาขัดผลประโยชน์ทำไม ผม
----------------------------
แอบมองอยู่ มือสั่น หัวใจแทบหยุดเต้น ผู้ชายคนนั้นคง
----------------------------
เกลียดเขาเข้าไส้ ถึงได้ฆ่าเขาอย่างโหด***ม
----------------------------
ผมมองไม่เห็นหน้าฆาตกร ตรงนั้นมืดมาก
----------------------------
เขาตาย เลือดไหลนองไปที่พื้น ผม
----------------------------
แทบจะทรุดลงตรงนั้น ผมช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใคร
----------------------------
เป็นคนฆ่าเขา......
----------------------------

ตอนนี้สงสัยมั้ยคะว่าใครเป็นคนฆ่า?
ถ้าสงสัย กลับไปอ่านใหม่อีกรอบ

แต่อ่าน บรรทัดเว้นบรรทัดนะ ..แล้วคุณจะรู้คำตอบ

--------------------------------------------------


เครดิต : thaireaderclub
Sorry, the copyright must be in the template.
Please notify this forum's administrator that this site is missing the copyright message for SMF so they can rectify the situation. Display of copyright is a legal requirement. For more information on this please visit the Simple Machines website.