สวัสดีครับครูสมศรี
ก่อนอื่นผมบอกก่อนเลยนะครับว่า ผมไม่เคยเรียนภาษาอังกฤษกับครูสมศรีมาก่อนเลยนะครับ แต่ด้วยที่ผมเป็นบุคคล ภายนอกที่มีความชื่นชมในตัวของคุณครู ผู้ที่มีจิตวิญญาแห่งความเป็นครูล้นเปี่ยม ผมเองได้ยินชื่อครูมานานแล้วนะครับ อยากเรียน พิเศษกับคุณครู แต่ไม่มีโอกาสได้เรียนเพราะผมเป็นเด็กบ้านนอกนะครับ แต่ยังไงผมก๊เข้ามาอ่านหัวข้อในห้องสนทนาแห่งนี้เสมอ ได้รับข้อคิดที่ดีๆมากมายในการดำเนินชีวิตโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความกตัญญูต่อพ่อแม่... สมัยก่อนตอนผมอยู่ม ต้น ผมเป็นเด็กที่เกเรไม่ขยันเรียนหนังสือ ติดศูนย์อยู่เป็นประจำ และเมื่อช่วงเวลาหนึ่งมันทำให้ผมฉุก คิดว่า ผมควรตอบแทนบุญคุญพ่อแม่ได้แล้ว ... แม้ว่าผมยังไม่สามารถหาเงินมาได้...ผมเองจึงตั้งใจว่าผมอยากให้พ่อแม่ภูมิใจถ้าผมเกิด สอบเอ็นทรานซ์ได้..พอขึ้น ม.๔ ผมจึงเขียนลงในกระดาษว่า " ผมจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ " แล้วเก็บกระดาษนั้นใส่ซองโดยให้ทุกๆคนในบ้านรวม ทั้งพ่อแม่ เซ็นรับทราบบนหน้าซองเพื่อที่จะให้พ่อแม่ได้เห็นภายหลังหากเกิดผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้จริงๆ และทุกคนจะได้เห็นความตั้งใจ ของผม..... และช่วงเวลา ม.ปลาย ทุกๆอย่างที่ผมตั้งใจไว้ผมสามารถทำมันได้อย่างดี ... พยายามเข้าใจสิ่งที่ครูๆสอนในโรงเรียน และเวลา มีอะไรที่ไม่เข้าใจผมจะต้องหาคำตอบให้ได้เสมอ ...ตลอดเวลา ๓ ปีนั้นผมเองผมได้รางวัลต่างๆมากมาย ทำคะแนนพรีเอ็นได้ที่หนึ่งของภาค และได้ทุนเต็มจำนวนไปเรียนปริญญาตรีญี่ปุ่นสี่ปี และที่ทำให้ผมดีใจมากที่สุดคือ ผมทำคะแนนเอนทราซ์ในวิชาต่างๆ ได้อย่างดีเพียงพอที่จะ เลือกได้ทุกๆคณะทางสายศิลป์ของทุกๆมหาวิทยาลัย...ผมมีความสุขมากในช่วงเวลานั้นและผมเลือกที่จะไปญ๊ปุ่นหลังจากจบ ม ปลาย ระหว่างที่เรียนที่ญี่ป่นประมาณปีนึง ผมเองคิดเสมอว่า สิ่งที่ผมเรียนที่ญี่ปุ่นไม่ใช่สิ่งที่ผมชอบสักเท่าไหร่ ดังนั้นผมจึงกลับไปยื่นคะแนน เอ็นที่เมืองไทย... จนสุดท้ายผมกลับมาเริ่มเรียนปีหนึ่งใหม่ ที่คณะรัฐศาสตร์ภาคความสัมพันธ์ฯ ที่จุฬาระหว่างเรียนผมก๊ทำกิจกรรมมากมาย เพราะ ผมเชื่อว่า กิจกรรมจะสามารถให้ประโยชน์ต่อผมในการทำงานในอนาคต.. แต่ทั้งหมดสิ่งที่ทำนี้เพราะผมเองอยากมีความก้าวหน้าในชีวิต เพื่อให้พ่อแม่เห็นสิ่งที่เค้าหวังในลูกชายของเค้าคนนี้.. เห็นว่ารู้ชายคนนี้จบปริญญา และมีหน้าที่ การงานที่ดี สามารถเลี้ยงตัวเองได้.... แค่นี้ก๊เป็นความสุขมากๆ ของผมแล้ว.... ................... จนกระทั่งวันนึง วันที่ฝันร้ายมาถึง ขณะที่ผมอยู่ปี สาม(พฤศจิกายน ๔๙ ) พ่อกับแม่ ขับรถจากต่างจังหวัดมาส่งน้องสาว ตอนเปิดเทอมและมาเยี่ยมผม เพราะเป็นวันเกิดของผมด้วย.... พ่อ แม่ ผม น้องชาย น้องสาว เราได้ทำอาหารกินกันในอพาร์ทเมนต์ที่เราสาม คนพี่น้องเช่าอยู่....เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากๆ...อะไรจะมีความสุขได้เท่านี้อีก....จากนั้นท่านทั้งสองก็กลับบ้านที่ต่างจังหวัดไป.... ...... และประมาณตีสาม น้องชายผมตื่นขึ้นมารับโทรศัพท์ ...ตำรวจแจ้งว่าพ่อกับแม่เสียแล้ว เนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์... น้องชายปลุกทุกคน..ตื่นขึ้นมา...ผมเองพอได้ยินข่าวจากน้องชาย...ผมเองทำอะไรไม่ถูก เหมือนมีคนมาตบหูทั้งสองข้าง มันตื๊อไปหมด มันช๊อคมาก จนร้องไห้ไม่ออก... ผมคิด...ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมอยากทำให้แม่มันทำไม่ได้แล้วใช่ไหม ... อยากถ่ายรูปกับแม่วันรับปริญญา (เพราะแม่เป็นคนบ้านนอกและจะมีความภูมิใจถ้าลูกได้รับปริญญา) วันที่แม่เห็นลูกคนนี้ประสบความสำเร็จ...แต่ทุกสิ่งมันจบแล้ว.... ผมไม่สามารถทำอะไรได้อีก....พ่อ แม่... ที่ผมหวังจะตอบแทนบุญคุญ...แค่กลับไม่มีอีกแล้ว .... ผมสับสน ผมไม่รู้จะทำอะไรกับชีวิต มันมืดมนไปหมด .... หมดแรงที่จะทำทุกๆ อย่างต่อไป ..... ....... ตอนนี้ ผมอยู่ปีสี่ ...ผมเสียใจมาก และต้องแอบร้องอยู่คนเดียวตลอดเวลาผมไปงานรับปริญญาเพื่อน ...ผมกลัวว่าถ้าวัน นั้นมาถึงผมจะเป็นยังไง....ไม่มีพ่อแม่มารับ เหมือนๆ นิสิตคนอื่น...ผมกลัว...ผมสับสนมากครับ .....ไม่รู้ทำไงกับชีวิตต่อไป... ไม่มีแรง ไม่มีกำลังใจเลย เหมือนคนที่ไม่เหลืออะไรอีกแล้วต่อไป...........................
|