คุณครูเห็นเด็กหลายคนที่เลือกคณะที่เจาะจง
ส่วนใหญ่เป็นเพราะเขารู้ว่าเขาอยากเรียนเพื่อนำไปทำอะไร
เท่าที่เห็นคนที่ประสบความสำเร็จที่ศึกษาภาษารัสเซียก็มีค ดร นิติภูมิ
เคยมีลูกศิษย์คุณครูเลือกเรียนเอกเขมร เพราะคุณพ่อเปิดธุรกิจค้าเงินหรือธนาคารที่เขมร
อีกคนไปเรียนต่อสเปนเพราะคุณพ่อค้าส่งธัญญพืชที่ละตินอเมริกา
อีกคนไปเรียนทำลูกกวาดที่เยอรมันเพราะเป็นเจ้าของลูกอมแฮคส์ที่ซื้อลิขสิทธิ์มาจากอังกฤษ
แต่ต้องการต่อยอดธุรกิจด้านลูกอมตัวอื่นเพิ่มเติม
อีกคนจบวิศวฯ ลาดกระบังแต่ไปเป็น chef ที่อังกฤษอยู่สองปี ก็กลับมาเรีบยนการทำอาหารที่ The Oriental
เพื่อจะกลับไปปรับตำแหน่งเก่า
อีกคนพ่อส่งให้ไปเรียนบริหารที่อเมริกา แต่คุณครูยุส่งให้เขาเรียนสิ่งที่เขารักคือการจัดสวน
พอจบออกมา "โดน" พอดีกับความต้องการของสังคม
อีกคนญาติๆบอกว่าเรียนไม่เก่ง ก็เลยส่งเรียนด้านการเรือน สุดท้ายก็สู้อุตส่าห์ไปสอบเรียนต่อด้าน food science
และกลายเป็นมือปรุงกาแฟที่ขาย franchise ร้านละสองล้านพร้อมสูตรและเตรียมตัวทำธุรกิจของตัวเอง
อีกคนจบครุศาสตร์แต่ตกงานเลยเย็บผ้าคลุมรถรับคลุมรถตามสถานที่ใหญ่ๆจนตอนนี้เป็นเจ้าของกิจการส่งออก
และนำเข้าgarment
อีกคนชีวิตฟอนเฟะ พ่อส่งไปเรียนอเมริกาก็เอาแต่เข้าบ่อน จนพ่อตัดความสัมพันธ์
ก่อนตัดพ่อตัดลูก เด็กชอเงินพ่อสองเเสนบาทสุดท้าย
มารู้อีกทีขอเงินปเรียนสับไพ่ สาขาการบริหารการพนัน จนตอนนี้สับไพ่อยู่ใน
บ่อนคาสิโนในอเมริกา รายได้ แปดหมื่น ถึงสองแสน แต่ไม่เหลือเงินสักบาทเพราะเป็นอาชีพผิดศีลธรรม
อีกคนจบวิทยาฯ จุฬา จบเสร็จก็บวชเป็นพระ
แต่สึกออกมาช่วยโยมแม่ไม่นาน ก็กลับไปบวชใหม่
อีกคนชีวิตโลดโผนเป็นน้องๆเจ้าพ่อpubในเมืองท่องเที่ยว
กลางวันเป็นกลางคืนกลางคืนเป็นกลางวัน
แต่ปัจจุบันเป็นพระธุดงที่จริยวัตรงดงาม
นี่แหละ ถ้าเรารู้ว่าเรารักอะไร ก็นับได้ว่าเดินทางลัดสั้นทีเดียว
หนูจะเรียนอะไร หนูถามคนอื่นไม่ได้
หนูต้องถามตัวเองว่าตัวเองชอบ และถนัดอะไร แล้วก็เดินทางตรงสู่จุดหมายที่เราตั้ง
แต่เด็กปัจจุบันเรียนเพราะเลือกตามคะเเนที่ได้
แต่ถ้ารู้ว่าไม่ชอบ หนูก็สามารถเปลี่ยนเข็มทิศได้
ช้ากว่าเขาหน่งปี ดีกว่าเร็วกว่าเขาหนึ่งปีแต่กลับช้ากว่าเขาทั้งชีวิต
ถามตัวเองนะ ได้คำตอบแล้วเล่าให้คุณครูฟังด้วย