น้องNiKคะ น้องตกอยู่ในสภาวะเดียวกับพี่ตอนมอห้าเลยค่ะ
พี่คงให้คำตอบแทนคุณครูไม่ได้หรอกค่ะ
แต่แวะมาให้กำลังใจเท่านั้นเอง
พี่ก็เป็นลูกคนเดียวของคุณแม่เหมือนกัน แล้วพี่ก็อยากติดจุฬาฯเหมือนน้องNiKเนี่ยแหละค่ะ
ตอนนั้นพี่จำได้ว่าพี่เครียดมาก เรียนไม่รู้เรื่อง
ทำแบบฝึกหัดอะไรก็ไม่เข้าใจ ขนาดอ่านเฉลยยังไม่รู้เรื่องเลย
ท้อมากค่ะ ถึงขั้นไปปรึกษาคุณครู รู้สึกตัวเองไม่พร้อมจะไปสู้กับคนอื่นเค้า
แต่คุณครูให้มุมมองพี่มาอย่างนึง
อย่าที่คุณครูบอกแหละค่ะว่า เค้าเลือกคัดเอาคนที่"พร้อม"ไม่มช่คน"เก่ง หรือฉลาด"
ความเก่งหรือฉลาดมันพัฒนากันได้ค่ะ พี่ร้องไห้ทุกวันเลยนะช่วงนั้น
อะไรที่ผ่านมาเราแก้ไม่ได้ แต่สิ่งที่"ควรจะทำ"ในตอนนี้คือ
พี่แนะนำให้น้องNiK อ่านๆๆๆ แล้วก็ ทำๆๆๆๆ ค่ะ
ทำจนเรียกว่า"สุดๆของสุดๆ"เลยนะ
สมมติว่าเราตั้งไว้ว่าจะทำภาษาอังกฤษสองชั่วโมงแบบnonstop
พอครบปุ๊ป ตั้งเวลาไว้แล้ว ยืดๆไปอีกหน่อย ถ้าเสดก่อนเวลา เอาอีกบฝ.มาทำต่อเลยค่ะ
น้องNiKเชื่อพี่สิว่า
ลำบากตอนนี้สบายไปตลอดอีกกี่ปี
เข้าคณะที่เราอยากเรียนได้ มันภูมิใจนะ ไม่ใช่แค่เราภูมิใจ
ถ้าน้องNiKบอกใครๆว่าเรียน"นิเทศ จุฬาฯ๐"ค่ะ แม่เราจะยืดขนาดไหน เท่สุดๆแล้ว
ถ้าน้องNiKอยากเข้าจริงๆก็ลองสอบ CU-TEP CU-AATดูค่ะ
อย่าไปเชื่อใครพูดว่าอินเตอร์ไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้
พี่ก็ไม่รู้หรอกว่าดีไม่ดี แต่"ติดไว้ก่อน"มันโอเคกว่าไม่ใช่หรอ
ไม่ใช่ว่าเราไปกันที่เค้านะ แต่ทุกคนย่อมอยากได้ที่เรียนดีๆ
เราก็ต้องสู้เพื่อตัวเอง อนาคตและความภูมิใจของแม่เราเหมือนกันนะ
พี่แนะนำอีกอย่างคือ "อ่าน"ตลอดเวลาค่ะน้องNiK
พี่อ่านตลอดเวลาจริงๆ
กินข้าว เข้าห้องน้ำพี่ยังมีหกระดาษศัพท์คุณครูสมศรีเขียนแปะไว้เลย
เทคนิคพวกนี้มีเยอะแล้วแต่คนจะสรรหามาใช้
ถ้าเราจะอ่านซักอย่าง ไม่มีอะไรเป็นอุปสรรคเลยค่ะน้องNiK
ตอนนี้พยายามไปสอบตรงเยอะๆ เป็นการป้องกันการตื่นสนามสอบ
วัดตัวเองไปในตัว
แถมวัดความพร้อมของคนอื่นๆไปในตัวด้วย
บางทีการล้มบ้างก็ทำให้เราเงยหน้าขึ้นมาแล้วลุกได้ไวขึ้นนะคะ
มีอะไรถามพี่ได้เสมอนะคะ
แอดมาก็ได้ พี่ยินดีตอบ ^^